City Parks

โลกของเราใบนี้มีสีสันต่างๆ มากมาย ที่แต่งแต้มให้โลกนั้นสวยงาม มีชีวิตชีวา ซึ่งแต่ละสีสันบนโลกใบนี้นอกจากจะสร้างความงดงามให้กับโลก สีแต่ละสีก็มีผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของบุคคล ในภาวะเคร่งเครียดสีก็สามารถช่วยบำบัดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สีเขียวที่ขึ้นชื่อว่า เป็นสีแห่งการบำบัดและบรรเทาอาการตึงเครียดของผู้คน ทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกผ่อนคลายสดชื่น เพิ่มพลังใหม่ๆ ให้ชีวิต และทำให้เกิดความเชื่อมั่น

ดังนั้นสีเขียวจึงขึ้นชื่อว่าเป็นสีแห่งความหวัง ในเมืองใหญ่ๆ หลายที่ที่มีความวุ่นวาย สับสน จึงมีพื้นที่สีเขียวเพื่อช่วยให้ผู้คนได้เข้ามาผ่อนคลาย แถมบางที่อาจเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปในตัวอีกด้วย

สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย (Lumpini Park, Bangkok Thailand)

สวนลุมพินี หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า สวนลุม เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 7 บนที่ดิน ณ ทุ่งศาลาแดง นี้ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 6 พระราชทานมาเพื่อให้สร้างงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ ไว้สำหรับจัดแสดงสินค้าไทยเป็นครั้งแรก และพระราชทานนามว่า สวนลุมพินี ที่มาจากสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าในประเทศเนปาลสวนลุมพินีเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 ตั้งอยู่บนถนนพระรามที่ 4 มีลักษณะเป็น “สวนอเนกประสงค์” ใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ รวมกันหลายอย่าง ตั้งแต่สมัยอดีต สวนลุมพินี

นอกจากจะเป็นสถานที่ออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรม จัดงานฉลอง เป็นสถานจัดงานลีลาศ งานบอลและงานอื่นๆ อีกมากมาย ปัจจุบัน สวนลุมพินียังคงเป็นสวนสาธารณะยอดนิยมที่มีผู้คนไปพักผ่อนหย่อนใจ ทำกิจกรรมต่างๆ มากมายบรรยากาศโดยรอบจะร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งบริเวณ พร้อมกับความสวยงามของสวนไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายชนิดตามฤดูกาล อีกจุดเด่นคือสระน้้ำขนาดใหญ่ที่สะท้อนภาพของตึกสูงตระหง่านที่อยู่รายล้อมของสวน จุดน่าสนใจของสวนคือ บริเวณลานตะวันยิ้มลานเพื่อกิจกรรมนันทนาการที่ออกแบบมาเพื่อคนพิการโดยเฉพาะ เช่น มีทางลาดแทนขั้นบันได สนามเด็กเล่นชนิดพิเศษ ที่จอดรถคนพิการ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อคนด้อยโอกาสครบครัน นอกจากผู้คนจะมาสวนลุมเพื่อออกกำลังกาย รำมวยจีนที่สโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ ณ อาคารลุมพินีสถาน เป็นที่พบปะสังสรรค์ พักผ่อนออกกำลังกายและฝึกอาชีพของผู้สูงอายุและในอาคารยังมีเวทีลีลาศหมุนได้ใช้เป็นที่จัดกิจกรรมลีลาศและฝึกสอนในวันเสาร์-อาทิตย์ ศูนย์สร้างโอกาสเด็กสวนลุมพินี ให้บริการแนะนำ ปรึกษา ช่วยเหลือ สอนหนังสือ

การเดินทาง
แนะนำว่าให้เดินทางมาโดยรถไฟฟ้าจะสะดวกในการเดินทางมาที่สวนลุมมากกว่า มาได้ทั้ง BTS และ MRT เลย ถ้ามา BTS ให้ลงที่ สถานีศาลาแดงออกทางออก 5 ตรงทางถนนพระราม 4 เดินข้ามถนนมาก็จะเจอกับสวนลุมแล้ว แต่ถ้ามา MRT ให้ลงสถานีสีลมทางออก 1 หรือจะขึ้นที่ สถานีลุมพินี ออกทางออก 3 ก็สามารถเดินมาได้เช่นกัน

สวนป่าเมจิ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Meiji Jingu Forest – Tokyo Japan)

สวนป่าเมจิ เป็นสวนป่าที่อยู่ล้อมรอบศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ในเขตชิบูย่า (Shibuya City) กรุงโตเกียว ใกล้กับสถานีฮาราจูกุ (Harajuku Station) และอยู่ติดกับสวนโยโยกิ (Yoyogi Park) สวนป่าเมจิแห่งนี้อาจดูเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วเป็นการวางแผนกว่า 100 ปีที่แล้ว ภายใต้โครงการวิสัยทัศน์ 150 ปี ด้วยความร่วมมือ ของอาสาสมัครประมาณ 110,000 คน นำโดย Dr. Honda Seiroku (1866–1952) รวมกันปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น จาก 365 สายพันธุ์ที่ได้รับบริจาคโดยคนจากทั่วประเทศ เพื่อเป็นเกียรติแก่จักรพรรดิเมจิ (1852–1912) และจักรพรรดินีโชเกน (1849–1914) บนพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 700,000ตารางเมตร

แนวปฏิบัติในการสร้างผืนป่าแห่งนี้เกิดจากแนวคิดดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เกี่ยวเนื่องกันกับธรรมชาติ ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยคนญี่ปุ่นเชื่อว่า เทพเจ้าจะลงมายังพื้นดินจากยอดต้นไม้สูง และวิญญาณจะอาศัยอยู่ในพืช ต้นไม้หิน น้ำ และวัตถุทางธรรมชาติอื่นๆ คนญี่ปุ่นจึงสร้างศาลเจ้าชินโตเพื่อบูชาเทพเจ้าเหล่านี้ ป่าศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รายรอบศาลเจ้าเหล่านี้ เรียกว่า “ป่าของศาลเจ้าปกครอง” ได้รับการคุ้มครองเป็นเวลานานหลายร้อยถึงหนึ่งพันปีและห้ามมิให้เด็ดใบไม้แม้แต่ใบเดียวภายในป่ายังมีสวนขนาดใหญ่ซ่อนอยู่

สวนนี้มีชื่อว่า Meiji Shrine Inner Garden มีค่าเข้าชม 500 เยน สวนชั้นในแห่งนี้เคยเป็นทรัพย์สินของจักรพรรดิ และได้รับมอบหมายจากจักรพรรดิเมจิ ภายในสวนมีธรรมชาติและสัตว์ต่างๆ ให้ชม รวมถึงสวนดอกไม้ที่จะสลับกันบานในแต่ละฤดู ไฮไลต์ของสวนนี้คือดอกไอริสซึ่งจะบานในช่วงต้นเดือนมิถุนายน

การเดินทาง
เดิน 10 นาที จากสถานีฮาราจูกุ (Harajuku Station) หรือเดิน10 นาที จาก Yoyogi Station

คลองชองกเยชอน โซล เกาหลีใต (Cheonggyecheon Stream Seoul South Korea)

คลองชองกเยชอนหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า คลองชองเกชอน หรือ ชองเคยอน อยู่ในพื้นที่ของกรุงโซล เขตจังหวัดคยองกี เป็นคลองที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณตั้งแต่ยุคของราชวงศ์โชซอน มีอายุมากกว่า 600 ปี ลeธารแห่งนี้มีความยาว 8.4 กิโลเมตร หรือ5.2 ไมล์ มีจุดเริ่มต้นจากชองกเยพลาซ่า (Cheonggye Plaza) และไหลผ่านในใจกลางกรุงโซลจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก และไปบรรจบกับลำธารชุงนังชอน (Jungnangcheon) ซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำฮัน (Hangang River) และไหลลงสู่ทะเลเหลืองในลำดับต่อไป

เดิมบริเวณโดยรอบของคลองนั้นเต็มไปด้วยชุมชนแออัด มีน้ำเสียและขยะถูกทิ้งลงคลองจากบ้านเรือนและชุมชนที่มาอาศัยอยู่ริมคลอง มีทางด่วนยกระดับพาดผ่านอยู่ด้านบน เป็นจุดที่มีมลพิษมากจนยากเกินเยียวยา กระทั่งปี 2003 ภายใต้โครงการพัฒนาและบูรณะคลองชองกเยชอนเพื่อให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม โดยมีการรื้อทางยกระดับออกรื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่กีดขวาง ปิดบังทางน้ำทั้งหมด และเวนคืนที่ดินแหล่งชุมชนที่อยู่ติดกับคลองแห่งนี้ รวมถึงการฟื้นฟูลลำคลอง บำบัดน้ำเน่าเสีย จนในที่สุดชองกเยชอนก็กลับมาเป็นดั่งเส้นเลือดของชาวเมืองอีกครั้ง

ปัจจุบันคลองชองกเยชอนกลายเป็นคลองที่มีภูมิทัศน์รอบๆ ที่ร่มรื่นและสวยงาม น้ที่เคยเน่าเสียก็กลับมาใสสะอาด กลายเป็นแหล่งเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางเมืองที่วุ่นวายสองข้างทางของคลองความยาว 5.8 กิโลเมตรนี้เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งย่านที่พัก ที่นั่งเล่นให้ชาวเมืองได้มาพักผ่อนหย่อนใจ บริเวณกำแพงทั้งสองข้างริมคลองประดับด้วยหินอ่อน และประติมากรรมที่สวยงาม นอกจากนี้บริเวณสองข้างทางริมคลองยังเต็มไปด้วยร้านคาเฟ่และร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ ให้ไว้นั่งพักผ่อนอีกด้วย และในช่วงเวลากลางคืนนั้นจะมีการเปิดไฟประดับตามทางเดินอย่างสวยงาม สามารถเดินเล่นเลียบคลองแห่งนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน

การเดินทาง
– รถไฟใต้ดินรถไฟใต้ดินสาย 1 สถานี City Hall, Jonggak,Jongno 3-ga, Jongno 5-ga, Dongdaemun,Sinseol-dong หรือ รถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี City Hall, Euljiro 1-ga,Euljiro 3-ga, Euljiro 4-ga, Sindang, Sangwangsimni หรือ รถไฟใต้ดินสาย 1, 3 และ 5 สถานี Jongno 3-ga หรือ รถไฟใต้ดินสาย 4 สถานี Dongdaemun History &Culture Park หรือ รถไฟใต้ดินสาย 5 สถานี Gwanghwamun
– รถบัส : ขึ้นรถบัสที่ไปยัง Gwanghwamun หรือ Jongno

สวนสาธารณะฮ่องกง (Hong Kong Park)

สวนสาธารณะฮ่องกง เป็นสวนสาธารณะกลางเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางของเกาะฮ่องกง มีพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ เปิดอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม ปี 1991 ด้วยแนวคิดในการออกแบบที่น่าสนใจคือ Modern Nature เป็นการผสมผสานดีไซน์แบบ Modern ให้เข้ากับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่เดิมบริเวณเป็นกองทหารที่ชื่อค่ายทหารวิกตอเรีย ในปี 1979 รัฐบาลได้ตัดสินใจว่าควรใช้ส่วนของกองทหารรักษาการณ์บริเวณเชิงเขาเพื่อการพัฒนาเชิงพาณิชย์และการก่อสร้างอาคารราชการ และจัดหาสวนสาธารณะ โครงการนี้ดำเนินการในราคา 398 ล้านดอลลาร์ ภายในสวนมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น กรงนกขนาดใหญ่ รวบรวมนกกว่า 80 สายพันธุ์เอาไว้

ภายในจัดเป็นโซนต่างๆ หลายโซนที่มีทั้งสวน น้ำพุ น้ำตกจำลอง ลำธารเล็กๆ ในทุกๆ เช้าวันพุธจะมีกิจกรรมดูนกโดยผู้เชี่ยวชาญได้ฟรี ที่บริเวณ Artificial Lakeเวลา 08.00 – 10.00 น. มีอาคารสไตล์ยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกงซึ่งปัจจุบันจัดแสดงเป็นพิพิธภัณท์เกี่ยวกับชา (Museum of Tea Ware) มีเรือนกระจกที่ชื่อว่า Forsgate Conservatory ก็จะมีพืชแบบป่าดิบชื้นจัดแสดงอยู่หลากหลายสายพันธุ์เช่นกัน และยังมีน้ำตกอยู่ภายในด้วย นอกจากนี้ยังมีสนามเด็กเล่น ร้านค้าร้านอาหาร คาเฟ่ และยังมีชื่อเสียงว่าเป็นสถานที่จดทะเบียนสมรสยอดฮิตของชาวฮ่องกงด้วย

เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 06.00-23.00 น.
การเดินทาง : สวนสาธารณะฮ่องกง (Hong Kong Park) จะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Admiralty ที่มีสายสีแดง TsuenWan Line และสายสีน้ำเงิน Island Line ผ่าน ให้ออกที่ทางออก Exit C1 แล้วเดินผ่านเข้าห้าง Queensway Plaza ไปทะลุออก Pacific Plaza แล้วออกทางด้านหลังห้างซึ่งจะมีบันไดเลื่อนลงไปที่สวนสาธารณะฮ่องกง (Hong Kong Park) ได้เลย

สวนลุกซ็องบูร์ ฝรั่งเศส (Jardin du Luxembourg หรือ Luxembourg Garden – France)

สวนลุกซ็องบูร์ (Jardin du Luxembourg หรือ LuxembourgGarden) ตั้งอยู่ในเขตที่ 6 ของกรุงปารีส เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกรุงปารีส มีพระราชวังลุกซ็องบูร์ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสวน ชื่อลักเซมเบิร์กมาจากภาษาละติน Mons Lucotitius ซึ่งเป็นชื่อของเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสวน

เริ่มสร้างในปี 1612 มีพื้นที่ประมาณ 224,500 ตารางเมตร (ประมาณ 145 ไร่) ด้วยพระประสงค์จากสมเด็จพระราชินี มารี เดอ เมดีชี (Marie de’ Medici) แห่งฝรั่งเศสชายาของกษัตริย์เฮนรี่ที่สี่ของฝรั่งเศส (ยุคนั้น สมเด็จพระราชินี มารีเป็นแม่ม่าย) เพื่อสำหรับการเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยใหม่ของเธอ และเธอได้ออกแบบสร้างราชวังเลียนแบบพระราชวังบ้านเกิดของเธอในฟลอเรนซ์ด้วย โดยมีการปลูกต้นเอล์มกว่า 2,000 ต้นจึงทำให้ที่นี่มีสไตล์คล้ายคลึงในแถบถิ่นเมืองฟลอเรนซ์อย่างเห็นได้ชัด

ปัจจุบันเป็นที่ทำการของวุฒิสภาฝรั่งเศสและสวนสาธารณะแห่งพระราชวังลุกซ็องบูร์ให้ประชาชนใช้บริการได้ตามอัธยาศัย นอกจากต้นไม้ที่มีอยู่หลายพันต้นแล้ว สวนแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยรูปปั้นต่างๆ เก้าอี้อีกเป็นจำนวนมาก และขึ้นชื่อเรื่องสนามหญ้าทางเดินเล่นที่มีต้นไม้เรียงรายเตียงดอกไม้เรือใบจำลองบนอ่างทรงกลมและที่งดงามน้ำพุของราชวงศ์ Medici สร้างขึ้นในปี 1620 ที่ตั้งประดับในเขตพื้นที่ทำให้โซนสวนดูสวยและสง่างาม

ทางเหนือจะเจอกับปราสาทลุกซ็องบูร์ มองจากราชวังส่วนตรงกลางสวนจะมีแอ่งน้ำสี่เหลี่ยม และมีเรือจำลองให้ได้นั่งเล่นชมวิวทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้มีโรงละครหุ่นกระบอก และแถบๆ นั้นเรียงรายด้วยต้นแอปเปิลและลูกแพร์อย่างเรียบร้อย ส่วนทางใต้ของสวนจะเจอน้ำพุหอดูดาวซึ่งสร้างมาจากทองสัมฤทธิ์

เวลาเปิด-ปิด : แบ่งตามเดือนได้ดังนี้ จะเปิดตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 08.15 น. ถึง 17.00 น. บางฤดูเปิดถึง 20.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ RER สาย B มาลงที่สถานี Luxembourg ออกจากสถานีก็ถึงเลยหรือนั่งรถไฟเมโทร Saint – Germain -des Pres สาย 4

สวนสาธารณะเซนต์เจมส์ ลอนดอน อังกฤษ (St. James’s Park London England)

สวนสาธารณะเซนต์เจมส์ ตั้งชื่อตามโรงพยาบาลโรคเรื้อนที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ St. James the Less ที่นี่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ สมัยก่อนที่นี่เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ก่อนจะเป็นโรงพยาบาล แล้วจึงมาเป็นทรัพย์สินของสำนักพระราชวัง จนถึงสมัยพระเจ้าชาลส์ที่สองเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงเปิดสวนนี้ให้ชาวลอนดอนเข้ามาใช้ได้ ตั้งอยู่ข้างพระราชวังบักกิงแฮม ในย่านเวสต์มินสเตอร์ (Westminster) ของกรุงลอนดอน มีขนาด 58 เอเคอร์

สวนตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของหมู่สวนสาธารณะที่กระจุกตัวอยู่ใกล้เคียงกัน สวนอื่นๆ ได้แก่ (เรียงจากตะวันออกไปตะวันตก) สวนสาธารณะกรีนพาร์ก (Green Park), สวนสาธารณะไฮด์พาร์ก (Hyde Park) และสวนเคนซิงตันการ์เดน (Kensington) สถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ สถานีเซนต์เจมส์พาร์ก, สถานีวิกตอเรียและสถานีเวสมินสเตอร์ภายในสวนมีทะเลสาบขนาดเล็กที่ชื่อว่าทะเลสาบสวนเซนต์เจมส์ มีเกาะอยู่สองเกาะ ได้แก่ เกาะดั๊ก (Duck Island)
(ตั้งชื่อตามฝูงนกน้ำในทะเลสาบ) และเกาะตะวันตก จากสะพานที่ทอดข้ามทะเลสาบ ที่เรียกสะพานสีฟ้า (Blue Bridge)

ภายในสวน ตรงระหว่างเดินผ่านสะพานจะมองเห็นพระราชวังบักกิงแฮม ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ London Eye และหอนาฬิกาบิ๊กเบนเป็นฉากหลังที่สวยงามถือเป็นจุดที่ควรถ่ายรูป ส่วนใจกลางของสวนสาธารณะ St James’s Park เป็นสถานที่ตั้งของสวนแห่งความทรงจำ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระราชินีวิกตอเรีย และถ้าใครมาในช่วงเดือนมิถุนายน ก็จะได้ชมกองทัพทหารอังกฤษเดินสวนสนามเพื่อเป็นการเฉลิมพระชนมพรรษาให้กับพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 อีกด้วย

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันเวลา 05.00 – 24.00 น.
การเดินทาง : สามารถเดินทางได้โดยรถไฟใต้ดิน underground tube มาลงที่สถานี Westminster

สวนสาธารณะสแตนลีย์ แวนคูเวอร์ แคนาดา (Stanley Park Vancouver Canada)

สวนสาธารณะสแตนลีย์ เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่กลางเมืองแวนคูเวอร์ มีพื้นที่กว่า10,000 เอเคอร์ในสวนมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุนับ 100 ปีสวนแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะยอดนิยมของชาวแคนาดาและนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาปีละหลายล้านคนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กลางเมืองสวนสแตนลีย์เป็นแหล่งสัมผัสธรรมชาติและพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายและกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ ของชาวเมืองแวนคูเวอร์

จุดเด่นของสวนสาธารณะแห่งนี้ที่นักท่องเที่ยวเข้าไปชมกันมากที่สุด คือ กลุ่มเสาโทเทม (Totem) สัญลักษณ์ของชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียนแดง เสานี้สร้างเป็นที่ระลึกว่าบริเวณนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาวพื้นเมืองอินเดียนแดงมาก่อนนั่นเอง สำหรับเสาโทเทมชนพื้นเมืองใช้เพื่อเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเผ่า เป็นที่เก็บอัฐิของคนตาย หรือสถานที่ประจานศัตรู กลุ่มเสาแห่งนี้ได้ถูกนำมาจากที่ต่างๆ กันเป็นการรวมเอาเสาโทเทมแบบต่างๆ ที่ชาวพื้นเมืองในท้องถิ่นทำขึ้นมารวมไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์สถานและแผ่นหินสลักจำนวนมาก รวมทั้งรูปปั้นของศิลปินและคนมีชื่อเสียงต่างๆ มากมาย ถ้าคุณได้มาเยือนที่แคนาดา ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่คุณต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเลยละ

การเดินทาง
นั่งรถบัส TransLink’s #19 รถบัสจอดที่ Stanley ParkDrive และถนนไปป์ไลน์ใกล้ Lost Lagoon

สวนสาธารณะเซ็นเท็นเนียล ซิดนีย์ ออสเตรเลีย (Centennial Park, Sydney Australia)

สวนสาธารณะเซ็นเท็นเนียล มีเนื้อที่ 189 เฮกตาร์ (1,185 ไร่ 1 งาน) อยู่ในเขตของเมืองซิดนีย์และเทศบาลเขตแรนด์วิก (Randwick) โดยสวนสาธารณะแห่งนี้ เป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มสวนสาธารณะ Centennial Parklands ซึ่งเป็นกลุ่มปาร์กแลนด์สามแห่งที่ติดต่อกันประกอบด้วยสวนสาธารณะ Centennial Park, Moore Park และ Queen’s Park ทั้งสามแห่งจดทะเบียนเป็นมรดกของรัฐ มีเนื้อที่รวมกัน 360 เฮกตาร์ (2,250 ไร่)

สวนสาธารณะเซ็นเท็นเนียล สร้างบนพื้นที่มีน้ำท่วมขังในอดีตกว่า 200 ปี มาถูกกันเป็นพื้นที่สำรองตั้งแต่ปี 1811 ผู้ว่าการ Lachlan Macquarie ได้กำหนดให้พื้นที่แห่งนี้เป็นสวนสาธารณะซิดนีย์แห่งที่สอง และพัฒนาเป็นสวนสาธารณะในอนาคต สวนสาธารณะแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสำคัญทางประวัติศาสตร์ในหลายโอกาส รวมถึงพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการตั้งถิ่นฐานของคนผิวขาวในวันที่ 26 มกราคม 1888 นั่นคือเหตุผลที่สวนสาธารณะนี้จึงมีชื่อว่า Centennial ที่แปลว่าครบร้อยปี และเป็นสถานที่เฉลิมฉลองการรวมเครือรัฐออสเตรเลียในวันที่ 1 มกราคม 1901 พิธีจัดตรงจุดที่ตั้ง Federation Pavilion

ในปัจจุบันมากกว่าหนึ่งศตวรรษที่สวนสาธารณะเซ็นเท็นเนียล ยังคงสถานะเป็นสวนสาธารณะ ที่ต้อนรับผู้คนเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจและเป็นหนึ่งในสวนสาธารณะใจกลางเมืองเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนขี่ม้า นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมพันธุ์พืชและสัตว์นานาชนิดรวมถึงต้นฟิกพอร์ตแจ็กสัน ต้นโอ๊กโฮล์ม และต้นสนเกาะนอร์ฟอล์กที่มีอายุย้อนไปถึงต้นศตวรรษที่ 20 อีกด้วย

การเดินทาง
– มีรถประจำทางหลายสายให้บริการ ลงที่ป้ายตรงถนนอ็อกซ์ฟอร์ดใกล้กับประตูสวนสาธารณะ ได้แก่สาย 333, 340, 352, 355, 389 และ 440 จากทางแยกบอนไดหรือตัวเมือง
– ส่วนรถไฟสามารถลงที่สถานีรถไฟ Bondi Junction อยู่ห่างจากทางตอนเหนือสุดของสวนสาธารณะซึ่งจะผ่านถนน Grafton St. และ Oxford St. เราสามารถเดินมาสวนได้ใช้เวลา
ประมาณ 10 นาที

สวนสาธารณะปาร์กเกวย์ บาร์เซโลนา สเปน (Park Gu ell Barcelona, Spain)

สวนสาธารณะปาร์กเกวย์เรียกได้ว่า เป็นสวนสาธารณะที่ภายในสวนนั้นถูกตกแต่งไปด้วยงานศิลปะ งานประติมากรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่ประดับตกแต่งลวดลายด้วยเครื่องกระเบื้องโมเสกนับล้านชิ้น จัดวางให้ผสมผสานไปกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ตัวสวนตั้งอยู่บนเนินเขาเอล คาร์เมล (El Carmel) อยู่ใกล้ๆ กับเมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1900-1914 ปัจจุบันอายุกว่า 100 ปี เป็นผลงานของสถาปนิกอันตอนี เกาดีอี กูร์เนต (Antoni Gaudi i Cornet) หรือที่รู้จักกันใน นาม เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลันนั่นเอง ว่ากันว่าที่นี่เป็นผลงานด้านสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปใต้

แรกเริ่มตั้งใจให้ที่นี่เป็นย่านหรูหราของบาร์เซโลนา ภายหลังทางการบาร์เซโลนาขอซื้อโครงการนี้เพื่อเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะที่เต็มไปด้วยอาคารหลากสีสัน จากที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมือง และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้แบบเต็มตาโดยในช่วงแรกๆ นั้นสวนยังคงเป็นส่วนบุคคล แต่ต่อมาในปี 1922 จึงกลายมาเป็นที่สาธารณะ และได้กลายมาเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองบาร์เซโลนา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005

บรรยากาศของสวนเปรียบเสมือนฉากในเทพนิยาย แฮนเซลกับเกรเทล(Hansel and Gretel) อาคารหินสีน้ำตาลตัดด้วยเศษกระเบื้องโทนขาว-น้ำเงินที่รูปร่างอาคารคล้ายกับถ้ำหรือกระโจม หรือกำแพงหินอิฐที่ด้านบนปลูกดอกไม้รูปร่างกึ่งฟรีฟอร์ม กึ่งออกแบบ ความไม่เท่ากันอย่างสม่ำเสมอกลายเป็นศิลปะที่น่าทึ่ง สิ่งที่ห้ามพลาดคือ “มังกรโมเสก” (Mosaic dragon) ที่ไต่คลานบนบันไดน้ำพุ เนื่องจากที่นี่อยู่บนเขา บนที่สูง จุดชมวิวเมืองจึงเป็นอีกมุมมหาชนที่ไปถ่ายรูปกัน ทำให้ที่นี่เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.00-21.30 น. มีค่าเข้าชม: 8.5 ยูโร
การเดินทาง : เดินทางโดยรถสาธารณะ มีรถบัสสาย 24 และ V19 ลงที่ Ctra del Carmel-Ramiro de Maeztu หรือสาย 116 Marianao-Mercedes

สวนอังกฤษ มิวนิก เยอรมนี (English garden munich หรือ Englischer Garten Germany)

สวนอังกฤษแต่อยู่ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี แห่งนี้มีพื้นที่กว่า 2,331 ไร่ (หรือ 3.7 ตารางกิโลเมตร) หนึ่งในสวนเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป (ใหญ่กว่าสวนเซ็นทรัลพาร์ก ที่นิวยอร์ก) พื้นที่กว้างขวางนี้ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญตามธรรมชาติของชาวเมืองมิวนิก ด้วยความงดงามและหลายหลากอีกทั้งเนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากย่านท่องเที่ยว สามารถเดินเท้าจากพระราชวังมิวนิกมาได้ทำให้มีผู้คนมากมายแวะเวียนมาเป็นจำนวนมาก

ภายในสวนมีถนนและทางเดินความยาวรวมกันกว่า 75 กิโลเมตร) ทอดตัวยาวตั้งแต่กลางเมืองจนถึงสุดเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือ หนึ่งในบรรดาสวนสาธารณะกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1789 โดยเซอร์เบนจามิน ทอมป์สัน เพื่อถวายแด่คาร์ล เทโอดอร์เจ้าผู้คัดเลือกแห่งบาวาเรีย ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าสวนอังกฤษ

เนื่องจากสวนแห่งนี้มีการจัดภูมิทัศน์ธรรมชาติแบบเดียวกับที่กำลังนิยมในประเทศอังกฤษ ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 สวนแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนก 50–60 สายพันธุ์บริเวณทะเลสาบ Kleinhesseloher See ที่แม้ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติแต่ก็สวยงาม มีฝูงห่าน หงส์ ว่ายน้ำอยู่มีเรือให้เช่าพายเล่น ทั้งยังมีหอคอยจีน สถาปัตยกรรมแบบจีนที่นับเป็นจุดเด่นของที่นี่ และเป็นแลนด์มาร์กที่ทำให้เป็นจุดนัดพบ มีโรงน้ำชาญี่ปุ่น Japanisches Teehaus ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2515 และที่ขาดไม่ได้ของชาวเยอรมันนั่นคือลานเบียร์อีก 2 แห่งที่จุคนได้มากกว่า 9,000 คน

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน
การเดินทาง : เดินทางโดยรถสาธารณะโดยขึ้นรถไฟ ขบวนที่สามารถไปได้คือ U6 ลงสถานี Dietlindenstrabe

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0