Central Park ป่ากลางกรุง

สวนสาธารณะแห่งนี้มีขนาด 843 เอเคอร์ หรือ 750 ไร่หรือ 3.4 ตารางกิโลเมตร ถ้าใครคิดภาพตามหน่วยไม่ออกว่าขนาดประมาณไหน เทียบง่ายๆ คือเท่ากับ สนามฟุตบอล 460 สนามต่อกันนั่นเอง

นี่คือขนาดความยิ่งใหญ่และกว้างขวางของสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ก (Central Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางทางตอนบนของเกาะแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก (New York) ระหว่างถนนเลขที่ 59 และ 110 th มันจึงเป็นตัวแบ่ง พาร์ติชัน Upper West และ Upper East ออกจากกันนั่นเอง ด้วยขนาดพื้นที่ที่ใหญ่และต้นไม้มากมายนานาพรรณ เซ็นทรัลพาร์ก จึงเปรียบเสมือนปอดขนาดใหญ่ของคนเมืองนี้เลยทีเดียวก่อนไปเที่ยวชมสวนสาธารณะแห่งนี้ ขอเล่าประวัติให้ฟังก่อน

สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ก สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1853 เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี ค.ศ. 2390 เป็นสวนสาธารณะที่คณะกรรมการจัดการรัฐนิวยอร์กได้ลงมติให้สร้างพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน โดยมุ่งฟื้นฟูพื้นที่ทางธรรมชาติเดิมและสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ที่เสื่อมโทรมให้กลับมาสวยงาม พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของชาวนิวยอร์กอีกด้วย ด้วยวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ และการเห็นคุณค่าของพื้นที่สีเขียว ทำให้สวนสาธารณะฯ แห่งนี้ ได้รับการจัดแต่งภูมิทัศน์สิ่งปลูกสร้างให้เข้ากับธรรมชาติอย่างลงตัว สถาปนิกผู้ออกแบบภูมิทัศน์สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ก็คือ เฟรเดอริก ลอว์ ออล์มสเตด (Frederick Law Olmsted) บิดาแห่งภูมิสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ และคัลเวิร์ต โวกซ์ (Calvert Vaux) สถาปนิกชาวอังกฤษ นับเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมชิ้นเอกในศตวรรษที่ 19 และเป็นสถานที่สำคัญแห่งแรกของนิวยอร์กในปี ค.ศ. 1974 อีกด้วย

สำหรับการเดินทางมาสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ก จากท่าอากาศยานนานาชาติเจเอฟเค (JFK) สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองนิวยอร์กโดยมีจุดหมายปลายทางไว้ที่สถานี Times Sq – 42 Street ได้เลยถ้านั่งรถไฟสาย AirTrain JFK Red ที่ Terminal 8 และ 9 ไปลงที่สถานี Jamaica Station (AirTrain) และต่อรถใต้ดินที่สถานี Sutphin Blvd-Archer Av-JFK (E) แล้วลงที่สถานี 42 St – Port Authority Bus Terminal เดินเท้าต่อประมาณ 4 นาที ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 19 นาที

ด้วยพื้นที่ความกว้างของสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ก ที่ภายในสวนสาธารณะมีสถาปัตยกรรมและธรรมชาติที่สวยงามอยู่มากมาย ผมจะยกตัวอย่างจุดที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการแวะไปกัน

จุดแรกเลยคงหนีไม่พ้น น้ำพุ Bethesda Fountain ที่นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์กก็ว่าได้ ใครไปใครมาเป็นต้องมาแวะแชะภาพกันที่นี่ ทั้งคนไทยเองและชาวต่างชาติ สำหรับคนที่เคยดูภาพยนตร์ไทยเรื่อง กุมภาพันธ์ หรือภาพยนตร์ต่างประเทศ อย่างเช่น The Avengers ก็อาจจะคุ้นๆ ตา น้ำพุแห่งนี้ออกแบบโดย Emma Stebbins ในปี 1868 Emma Stebbins เป็นผู้หญิงคนแรกที่มีโอกาสสร้างงานอาร์ตชิ้นสำคัญในสมัยนั้น

ยอดน้ำพุเป็นรูปปั้นบรอนซ์ สูง 8 ฟุต เป็นทูตสวรรค์ที่มีปีกมีชื่อว่า Angel of Water ที่สื่อถึง Healing the paralytic at Bethesda เป็นรูปปั้นเดียวในสวนสาธารณะที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นแบบดั้งเดิมมือซ้ายถือดอกลิลลี่ซึ่งเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ มือขวากำลังให้พรกับน้ำที่ไหลลงมา เหมือนเป็นพรจากนางฟ้าที่จะคืนพลังให้ทุกคน ด้านล่างเป็น เครูบ (Cherub) หรือเทวดาเด็ก 4 ทิศ ที่หมายถึงความสมดุล (Temperance), ความบริสุทธิ์ (Purity), สุขภาพดี (Health) และความสงบสุข (Peace) เรียกอีกอย่างว่า Angel of the Waters น้ำไหลลงมาตัวรูปปั้นสู่บ่อด้านล่างตามลำดับ

ใกล้ๆ กันนั้นคือ โถงทางเดิน Bethesda Terrace โถงทางเดินนี้สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1860 เป็นสถาปัตยกรรมหลักในสวนสาธารณะที่ประกอบด้วย บันไดเชื่อมต่อขนาดใหญ่ระหว่างชั้นบนและชั้นล่าง และเพดานที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม หินเป็นสีมัสตาร์ด – มะกอกเป็นหินทรายนิวบรันสวิก (New Brunswick sandstone) ซึ่งเป็นหินที่แข็ง เหมาะสำหรับการขึ้นรูป

ส่วนขั้นบันไดเป็นหินแกรนิตและแท่นวางรูปแบบก้างปลาที่ปูด้วยอิฐโรมันวางบนขอบ ที่นี่เป็นอาคารแบบเปิดกว้างใช้สำหรับเป็นที่พักพิงให้ผู้มาเยี่ยมชมมาหลบฝนและหลบความหนาวโดยมีเครื่องทำความร้อนอยู่ที่บริเวณนี้ด้วย ไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือเพดาน Minton Tile ที่ออกแบบโดย Jacob Wrey Mould

จุดต่อไปเป็นจุดที่เรียกได้ว่า เป็นจุดที่คุณรู้สึกได้ถึงความเป็นป่ากลางเมืองของสวนแห่งนี้ นั่นคือตรงบริเวณริมทะเลสาบ (The Lake Viewing Area) ทะเลสาบผืนใหญ่ที่มีฉากหลังเป็นอาคารอะพาร์ตเมนต์ที่ชื่อ The San Remo ตึกแฝดสุดเก๋ไก๋ โดดเด่นและกลมกลืนไปกับต้นไม้ใหญ่ในสวนได้อย่างลงตัว ส่วนของทะเลสาบ จริงๆ คืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับเป็นแหล่งจ่ายน้ำชั่วคราวของชาวนิวยอร์กในอดีต จุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปตนเองท่ามกลางสวนสีเขียวโดยมีอาคารสูงอยู่เบื้องหลัง แบบใครเห็นรูปก็รู้ว่าคุณอยู่นิวยอร์ก ยิ่งในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศปลอดโปร่ง หรือช่วงฤดูร้อน ผู้คนชาวนิวยอร์กก็จะเดินทางกันออกมาปูเสื่อปิกนิก นั่งกินลมชมวิวกันในบริเวณนี้

นอกจากลานกว้างใกล้ริมทะเลสาบ แล้วแต่ละจุดแต่ละมุมของสวนก็จะมีพื้นที่และเก้าอี้ตั้งวางกระจายอยู่ พร้อมๆ กับแผนที่ที่แสดงว่าคุณอยู่ตรงไหน ตั้งไว้ทั่วสวนเลย

แม้ว่าสวนฯ นี้จะมีสะพานที่เชื่อมสระน้ำและทางเดินทั้งที่สร้างจากเหล็กและหินมากถึง 360 สะพาน แต่จะขอแนะนำ 2 สะพานยอดนิยมให้รู้จัก นั่นก็คือสะพาน Bow Bridge และสะพาน Springbanks Arch สำหรับสะพาน Bow Bridge (เดิมคือสะพานหมายเลข 5) ซึ่งข้ามทะเลสาบทางตอนใต้ของสวน ออกแบบโดย Calvert Vaux และ Jacob Wrey Mould สร้างเสร็จในปีค.ศ. 1862 มีความยาว 87 ฟุต (27 เมตร) ได้ ชื่อว่าเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในเซ็นทรัล พาร์กสร้างจากเหล็กหล่อ ตกแต่งสวยงาม ขณะที่สะพานอื่นๆ ใน Central Park ไม่เด่น แต่สะพาน Bow Bridge สร้างให้โดดเด่นจากสภาพแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด

อีกสะพานก็คือ สะพาน Springbanks Arch เป็นสะพานที่เห็นบ่อยในภาพยนตร์ของอเมริกา ของไทยที่เห็นไปถ่ายสะพานแห่งนี้เช่น ซีรีส์เรื่องฮอร์โมน สะพานหินแห่งนี้ สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1863 ตกแต่งเก็บรายละเอียดโดย Jacob Wrey Mould ชื่อสะพานหมายถึง น้ำพุธรรมชาติที่เคยไหลผ่านอุโมงค์ข้างทางเดิน สะพานนี้สร้างจากอิฐและหิน มีขั้นบันไดเล็กๆ ที่ทอดขึ้นจากทางใต้สุดของอุโมงค์อิฐสีแดง ด้านที่หันไปทางน้ำตกที่เคยเป็นที่รู้จักในนามสระซาบรินา (Sabrina’s Pool) ในศตวรรษที่ 19 ด้านใต้ของดาดฟ้ามีราวเหล็กหล่อยาว 50 ฟุต 8 นิ้ว (15.44 ม.)

สำหรับวัยผู้ใหญ่หน่อยอาจจะเคยได้ยินชื่อของ จอห์น วินสตัน โอโนะ เลนนอน (John Winston Ono Lennon, MBE) หรือจอห์นเลนนอน นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงทั่วโลก และเป็นสมาชิกร่วมก่อตั้งวงเดอะบีเทิลส์กันบ้าง จอห์น เลนนอน ถูกฆาตกรรมตรงทางเข้าอาคาร อะพาร์ตเมนต์ Dakota ใกล้ทางด้านตะวันตกของสวนสาธารณะแห่งนี้ ภรรยาของเขา โอโนะ โปรยอัฐิของเขาที่สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ก ต่อมาจึงกลายเป็นอนุสรณ์สตรอว์เบอร์รีฟิลด์ (Strawberry Fields) โดยภาพโมเสกถูกสร้างขึ้นในวิถีด้วยคำว่า “Imagine” ที่เขียนขึ้นหลังจากได้รับการตั้งชื่อตามเพลงของเลนนอนปี พ.ศ. 2514 จากอนุสรณ์สำหรับคนวัยผู้ใหญ่รู้จักกันดี

แต่ถ้าถามเด็กๆ อนุสรณ์หรือรูปปั้นที่น่าสนใจ คงเป็น รูปปั้นอลิสอินวันเดอร์แลนด์ (Alice in Wonderland) รูปปั้นฮอตฮิตสำหรับเด็กๆ ชอบมาปีนป่ายบนรูปปั้นของอลิสและเพื่อนๆ อลิสและผองเพื่อนของเธอสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1959 โดย George Delacorte มอบรูปปั้นนี้ให้ไว้เป็นของขวัญสำหรับเด็กๆ ในเมืองนิวยอร์กและเจตนาอีกเรื่องคือการที่เขาสร้างรูปปั้นนี้ไว้เป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึงภรรยาของเขาที่ชื่อว่า Margarita ซึ่งเธอชอบอ่านเรื่อง อลิส ให้กับลูกๆ ของเธอฟัง ตรงบริเวณพื้นใกล้รูปปั้นคุณจะเห็นจารึกเพลง Twinkle, Twinkle Little Star ด้วย และไม่ไกลกัน คือ Conservatory Water หรือบ่อที่ทำขึ้นมาพิเศษสำหรับให้คนเอาเรือใบจำลองมาขับเล่นกัน

เนื่องจากสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์กมีขนาดใหญ่มาก หากจะให้เดินให้ทั่วๆ ภายใน1-2 วันคงเป็นไปได้ยาก แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะทางสวนมีบริการทัวร์ชมสวน ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีหรือ 45-50 นาที โดยรถม้าเพื่อพาไปยังจุดเด่นๆ ดังๆ ของสวน หรือจะเลือกโปรแกรมที่พาเดินไปยังจุดที่มีการถ่ายภาพยนตร์ในสวนแห่งนี้ก็ย่อมได้ เรียกว่า Movie Sites Walking Tour นี่คือทัวร์สองชั่วโมงที่จะพาคุณไปยังสถานที่ที่เห็นได้จาก Breakfast at Tiffany’s, The Avengers

สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ก เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 01.00 น.
แนะนำให้มาวันธรรมดาเพราะเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะมาก โดยเฉพาะวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสและอากาศร้อน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0