Santorini A Place Of Dreams

“เมืองชายทะเล ยุโรปเหรอ ซานโตรินี ไหมพี่ สวยดี ขาวๆ ฟ้าๆ”
“เอาแบบ 2 วันพอไหม หรือ 3 วัน หรือ 4 วัน”
“มีที่เที่ยวเยอะไหมพี่ หรือไปกินๆ นอนๆ ดูทะเล”
หลากหลายคำถามเมื่อพูดถึงซานโตรินี (Santorini) หรือหลายคนรู้จักในชื่อของธีรา (Thira) เกาะทางใต้ของทะเลอีเจียน (Aegean) ประเทศกรีซ (Greece)

ก่อนจะไปถึงที่กินที่นอนที่เที่ยวในซานโตรินี ขอแนะนำฤดูกาลก่อน ที่เกาะแบ่งเป็น 2 ฤดูคือ ฤดูร้อนตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงตุลาคม แม้จะร้อนไปนิดแต่ก็ได้เห็นท้องฟ้าใสตัดกับท้องทะเล และอาคารสีขาว สวยงามมาก ส่วนฤดูฝนตั้งแต่พฤศจิกายนถึงมีนาคม แม้อากาศจะเย็นแต่ฟ้าก็จะครึ้ม และบางครั้งฝนตกก็ทำให้รู้สึกรำคาญใจในบางครั้ง

การเดินทางจากเมืองไทยก่อนเลย จากเมืองไทยเราสามารถนั่งเครื่องของสายการบิน Qatar, Emirates, Etihadหรือการบินไทย แล้วไปต่อเครื่อง 1 ครั้ง ก่อนไปลงที่สนามบินเอเธนส์ ของกรีซ จากนั้นค่อยต่อเรือหรือนั่งเครื่องไปซานโตรินีอีกที ถ้าโดยเรือจากท่าเรือพิราอุส (Piraeus port) ใช้เวลาประมาณ 4-8 ชั่วโมงขึ้นกับประเภทของเรือ แต่ถ้านั่งเครื่องก็ประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง ราคาเครื่องแพงกว่านั่งเรือประมาณ 3 เท่าลงที่ท่าอากาศยานแห่งชาติซานโตรินี (ธีรา) เมื่อถึงเกาะแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะสามารถเช่ารถส่วนตัวขับรอบเกาะได้ คิดเป็นรายวัน หรือเช่าแท็กซี่พร้อมคนขับอันนี้ก็จะแพงหน่อย แต่ถ้าอยากประหยัดบนเกาะก็มีรถเมล์ หรือรถโดยสารประจำทาง

อยู่ที่พักบนเกาะ ผมขออ้างอิงตามความชอบในวิวละกัน ถ้าคุณไม่ต้องการเล่นนำ้ชายหาดสะดวกกับการเดินทาง มีจุดชมวิวสวยๆ แนะนำให้พักที่เมืองเอีย (Oia) หรือเมืองฟิร่า (Fira) ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ อย่างเมืองเอียที่อยู่ทางตอนเหนือก็จะมีโรงแรมสวยๆ บรรยากาศดีๆ จุดชมพระอาทิตย์ตกที่แสนโรแมนติก ส่วนเมืองฟิร่าเป็นศูนย์รวมของสาธารณูปโภค รถโดยสารสาธารณะรถเช่า ศูนย์กลางลงเรือเพื่อเที่ยวชมเกาะภูเขาไฟ ร้านอาหารแหล่งบันเทิง ไม่เน้นความโรแมนติกมาก ถ้าคุณต้องการเล่นน้ำชายหาดอาบแดด ต้องเลือกเมืองฝั่งตะวันออก ได้แก่เมืองคามารี (Kamari) เพริสซา (Perissa) และเพริสโวลอส (Perivolos) เป็นต้น

เมืองเอีย (Oia)

เมืองเอีย (Oia) เมืองทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ราคาที่พักมีหลายระดับตั้งแต่ 100 ยูโร ไปจนถึง 1,000 ยูโร ขึ้นกับว่าคุณจะเอาวิวแบบเปิดมาเห็นทะเลเต็ม เอาสระน้ำแช่ตัวชมวิวไหม แล้วแต่งบเลย

ส่วนใครไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถเดินทางมาเที่ยวชมวิวสวยได้ เอียตั้งอยู่บนยอดเขาประมาณ 150 เมตรเป็นที่รู้จักกันในนาม “รังอินทรี” จากที่ซึ่งมีภูเขาไฟ Palia และ Nea Kameni เส้นทางเดินหลักซึ่งเป็นก้อนกรวดที่เรียกว่า “Nikolaou Nomikou” ความเพลิดเพลินของการมาเที่ยวที่เมืองเอีย คือการได้เดินสำรวจไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ของอาคารบ้านเรือน เป็นเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมแบบ ไซคลาดิก (Cycladic) ที่งดงามราวกับภาพวาด สร้างด้วยอิฐทาสีขาวโพลน ตัดกับท้องฟ้าสีคราม

บางบ้านเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก ก็มีของน่ารักน่าซื้อไปหมดบางบ้านเป็นร้านกาแฟเปิดให้เห็นมุมทะเลสวยๆ บางร้านเป็นร้านหนังสือที่คนรักหนังสืออยากจะทิ้งตัวอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนเลย มีหนังสือน่าสนใจหลายเล่มมาก บางบ้านก็ปลูกดอกไม้นานาพรรณสีสันสวยงามน่ามองมาก

สิ่งหนึ่งที่คุณมาเอียแล้วแนะนำเลยคือการไปชมพระอาทิตย์ตกดิน อาจจะเลือกร้านอาหารสักร้าน หรือเตรียมของกินมาปิกนิกชมบรรยากาศยามเย็นที่แสนโรแมนติกก็ไม่ว่ากัน

อีกหนึ่งวิธีชมพระอาทิตย์ตก คือ การเช่าเรือออกไปบริเวณจุดชมวิวตะวันตกดินกลางน่านน้ำ เพื่อรอชมเวลาที่แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์กระทบผิวน้ำก่อนหมดวัน โดยมีฉากหลังเป็นเมืองเอีย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สุดแสนโรแมนติก

ที่เมืองฟิร่าก็มีทัวร์แบบนี้ขาย หรือจะไปกินอาหารทะเลสด อร่อยพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่ท่าเรืออัมมัลดิ (Ammoudi port) ซึ่งเป็นอู่ต่อเรือตั้งแต่สมัยโบราณที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นที่จอดเรือเฟอร์รีเล็ก และยังเป็นท่าเรือสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วยก็ประทับใจแน่นอน

เมืองฟิร่า (Fira)

ถ้าคุณเป็นคนชอบความสะดวกสบายของกินเยอะราคาไม่แพงที่พักเมืองฟิร่าที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมน่าจะเหมาะกับคุณคิดง่ายๆ ว่าที่พักราคาถูกกว่าเมืองเอียประมาณครึ่งหนึ่ง

ความพิเศษของฟิร่าคือเป็นศูนย์รวมของย่านการค้า แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ร้านขายของฝากของที่ระลึก ถ้าเป็นโรงแรมที่ติดหน้าผา คุณก็จะได้วิวทิวทัศน์สีครามน้ำทะเล ตัดกับท้องฟ้าเข้มและสีขาว

ช่วงยามเย็นของเมืองฟิร่าก็สวยงามไม่แพ้เมืองเอีย ลองเดินเลียบหน้าผาฝั่งวิวทะเล จะมองเห็นเกาะภูเขาไฟ Nea Kameni อยู่ด้านหน้า ตรงเวิ้งท่าเรือเก่ามีเรือสำราญที่แล่นมาอย่างช้าๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่เคยหลับใหลหรืออย่างบริเวณถนน VIA’D’ORO (GOLD STREET) ก็คึกคักหลายคนมาจับจ่ายซื้อสินค้าที่ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก กินอาหารที่ร้านอาหารบรรยากาศเลอค่า มองไกลออกไปเห็นวิวภูเขาไฟเช่นกัน

หมู่บ้าน Pyrgos (Pyrgos Village)

หมู่บ้าน Pyrgos (Pyrgos Village) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากฟิร่าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีชื่อเสียง และเป็นหมู่บ้านที่คนท้องถิ่นเดิมของชาวซานโตรินีอยู่อาศัยกัน บนจุดสูงสุดของเกาะ มีประชากรประมาณ 500 คน ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่บนเชิงหน้าผา พร้อมวิวทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงาม ที่นี่เป็นแหล่งผลิตไวน์ของเกาะซานโตรินี

ทัวร์ 3 หาด

สำหรับคนชื่นชอบการเล่นน้ำ นอนอาบแดดท่ามกลางผืนทรายละมุนริมท้องทะเลแล้วแนะนำ 3 หาดนี้เลย ได้แก่ Red Beach, White Beach และ Black Beach หาดแดง (Red beach) เป็นชายหาดที่อยู่ด้านล่างของหน้าผา มีสีแดงที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ทำให้สีของทรายบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงแกมขาว ถ้ามองไปจะเห็นสีแดงของหน้าผากับสีฟ้าเข้มของท้องทะเลตัดกันอย่างสวยงาม เนื่องจากหินและดินแถวนี้เป็นสีแดง มีพื้นที่ให้นอนเล่นพอประมาณ

หาดที่สองคือ หาดขาว (White Sand Beach) หรือ หาด Vlychada ชายหาดแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใครซึ่งปรากฏเป็นดวงจันทร์เนื่องจากการก่อตัวของหินภูเขาไฟสีขาว ทำให้หินบริเวณนี้เป็นสีขาวทั้งหมด มีพื้นที่ให้ปูผ้านอนค่อนข้างน้อย แต่ก็พอมีกิจกรรมทางน้ำและบาร์ริมหาดที่ให้บริการ คุณสามารถว่ายน้ำในทะเลหรือเพลิดเพลินกับการนอนอาบแดดบนชายหาดได้

ส่วนหาดสุดท้ายคือ หาดดำ (Black Sand Beach) หรือหาด Perissa Black Sand Beach หาดที่เป็นตัวยืนยันว่า เกาะซานโตรินีแห่งนี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ โดยลาวาภูเขาไฟที่เย็นตัวลงแล้วนั้น ทำใหเ้เกิดหาดทรายสีแดงและขาว ในขณะที่อุณหภูมิของน้ำทะเลที่หาดทรายสีดำจะอุ่นกว่าอย่างชัดเจน

สามารถนั่งรถบัสมาจากเมืองฟิร่าหรือเช่ารถยนต์ ATV หรือจะเช่าทัวร์รายวันมาก็ได้ตัวหาดทอดยาวไกลพอควร มีเก้าอี้ชายหาดมากมายให้เลือกนั่ง นอนเล่นมากที่สุดในสามหาด บริเวณสุดปลายหาดยังมีร้านอาหารทั้งอาหารทะเลและอาหารกรีกพร้อมเสิร์ฟ อีกทั้งหาดนี้ยังมีจุดกระโดดน้ำจากโขดหินที่มีความสูงให้สำหรับนักท่องเที่ยวใจกล้าอีกด้วย


เมืองโบราณอโครติรี (Akrotiri)

เมืองโบราณอโครติรี หรือเรียกว่า “Town ofLost Atlantis หรือ เมืองที่หายไปจากแอตแลนตีส” เป็นชุมชนอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดของซานโตรินีและยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เก่าแก่ที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่ที่ส่วนตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะซานโตรินีมีซากปรักหักพังของเผ่าดอเรียนที่ยังหลงเหลืออยู่

หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในปี 1860 นักโบราณคดีชาวเยอรมัน ค้นพบซากปรักหักพัง ที่ย้อนกลับไปถึงรัชสมัยปโตเลมี ผู้สร้างวิหารให้กับเทพเจ้าอียิปต์ในศตวรรษที่ 4 และ 3 ก่อนคริสต์ศักราชและยังมีซากปรักหักพังในยุคเฮเลนนิสติกและยุคโรมัน โบราณสถาน Akrotiri ยังเป็นอารยธรรมมิโนอันเก่าแก่ทีสุ่ดในบรรดาอารยธรรมกรีกอกี ด้วยสามารถมองเห็นภูเขาเนียคาเมนี (Nea Kameni) ซึ่งเป็นแหล่งถ่ายภาพที่ได้ภาพมุมกว้างของเกาะที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

Mykonos Island

เป็นเกาะทางใต้ของทะเลอีเจียนที่มีความสวยงามอีกเเห่งของกรีซ เเละเต็มไปด้วยชายหาดที่เเสนจะสวยงามอย่างมาก โดยเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเเบบกรีซ เเละมีอาหารที่อร่อยหลากหลายเมนูเลยทีเดียว บอกเลยว่า ว้าวมาก สวยมากจริงๆ ตึกสีขาวสบายตา บวกกับความฟ้าของท้องฟ้าและน้ำทะเล ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ

บนเกาะซานโตรินียังมีที่ท่องเที่ยวอีกมากมายหลายจุด หากคุณมีเวลาเพียง 1-2 วัน แนะนำให้ไปเดินแถวเมืองเอีย และฟิร่า แต่ถ้ามีเวลาเยอะสามารถท่องเที่ยวทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกได้อย่างเต็มที่ สำหรับผมคิดว่าประมาณ 3 วันน่าจะพอดี

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0