Bula Fiji
Story & Photo by Kanjana Hongthong
ในนามของผู้ประกาศตัวว่าเป็นนักล่าเกาะน่าเที่ยว แน่นอนว่าฉันต้องมีชื่อของประเทศฟิจิ (Fiji) อยู่ในลิสต์ของการสำรวจโลกแน่ๆ เพราะฟิจิเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีเกาะแก่งน้อยใหญ่กว่า 300 เกาะ ให้ไปสำรวจกัน แต่ถ้าจะไปให้ทั่วทั้งหมด คาดว่าย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ฟิจิเลยน่าจะสะดวกกว่า
ถึงแม้ว่าจากเมืองไทยจะยังไม่มีเที่ยวบินบินตรงไปหาฟิจิ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนในการเดินทางไปทำความรู้จักกับประเทศนี้ เพราะฟิจิ แอร์เวย์สมีเที่ยวบินบินตรงจากทั้งสิงคโปร์ และฮ่องกง ฉันจึงเลือกบินจากกรุงเทพฯ ไปตั้งหลักที่สิงคโปร์ก่อน แวะเดินเล่นหาอะไรอร่อยๆ ในสิงคโปร์กิน แล้วค่อยบินต่อไปหาฟิจิ ซึ่งใช้เวลาแค่ราวๆ 10 ชั่วโมงก็ถึงนาดีเมืองหลวงของฟิจิแล้ว
ที่นี่ไม่ได้มีสนามบินอันโก้หรูและกว้างขวางเหมือนที่อื่นหรอก มีแต่รอยยิ้มของผู้คนและเสียง Bula คอยต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ จดจำคำคำนี้ไว้ให้ดีเถอะ เพราะชีวิตหลังจากนี้ในฟิจิ จะได้ยินคำว่า Bula ปลิวอยู่ในอากาศทุกหนทุกแห่งของฟิจิ เพราะนี่คือคำทักทายของชาวฟิจิ ที่ต่อให้ไม่รู้จักกัน แต่แค่เดินผ่านหรือสวนกัน คนฟิจิก็มักจะเอ่ยขึ้นทักทายกันเสมอ
จากสนามบินฉันนั่งแท็กซี่ไปตั้งหลักที่เกาะเดนาเราเกาะนี้มีโรงแรมชั้นนำรอนักเดินทางอยู่ที่นั่น พักผ่อนหย่อนหลังสบายตัวแล้วถึงค่อยออกไปทำความรู้จักกับเมืองนาดีที่อยู่ห่างจากเกาะเดนาเราไปราวๆ 15 นาที
นาดีเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีถนนสายหลักพาดผ่านใจกลางเมือง ไม่ต้องหวังว่าจะมาช้อปปิ้งแบรนด์เนมที่นี่หรอกนะ แต่ถ้าช้อปปิ้งผักผลไม้ละก็มีแน่ เพราะที่นี่เป็นดินแดนภูเขาไฟ ดินดีปลูกอะไรก็งอกงามเบ่งบานไปหมด
ฉันไปเดินสำรวจตลาดสดประจำเมืองแล้วถึงได้กล้าพูดแบบนี้ แตงโม ฟักแฟง ทุกอย่างอวบอิ่มใหญ่โตไปหมด แถมแม่ค้าที่นี่ยิ้มแย้ม การเดินสำรวจตลาดเลยเคลื่อนไปอย่างมีความสุข ความจริงเดินตลาดประเดี๋ยวเดียวก็รู้แล้วว่า ฟิจิเป็นประเทศที่สมบูรณ์
ทั้งเรื่องอาหารทะเลและผักผลไม้ ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือทั้งคนมาเดินตลาดและแม่ค้าเขาชอบทัดดอกไม้ไว้ที่หูกัน คนฟิจิผูกพันกับดอกไม้ ไม่ต้องมีเทศกาลงานอะไร ออกจากบ้านเขาก็ทัดดอกไม้กันมาแล้ว แถมทัดหูทั้งผู้หญิงผู้ชายเลย
นั่นก็เพราะการทัดดอกไม้เป็นการบ่งบอกถึงสถานภาพของตัวเอง ถ้าทัดดอกไม้ไว้ที่หูซ้าย หมายถึง ยังโสด เข้ามาพูดคุยได้ แต่ถ้าเป็นหูขวาหมายถึงมีคู่ครองแล้ว แต่งงานแล้ว หรือบางคนอาจจะคบหาดูใจกับคนรักอยู่
อีกอย่างหนึ่งที่เห็นคือเรื่องทรงผม ผู้หญิงที่นี่เขานิยมทรงผมพุ่มดอกไม้กันมาก เขาเรียกทรงแบบนี้ว่าฟิเจี้ยน สไตล์ คือผมจะหยิกติดหัวอย่างเป็นทรง
ออกจากตลาดสดประจำเมือง ที่นาดียังมีตลาดนัดงานฝีมือที่ขายข้าวของจำพวกงานหัตถกรรมหลากรูปแบบ
อาจจะไม่ได้ ใหญ่มาก แต่ก็มีข้าวของที่น่าช้อปไม่น้อยเหมือนกัน
ไม่ไกลจากตลาดเป็นวัดฮินดู ความจริงคนฟิจิมากกว่า 90% นับถือศาสนาคริสต์ ที่นี่จึงมีโบสถ์ให้ชาวเกาะได้ไปปฏิบัติศาสนกิจกัน แต่ในเวลาเดียวกันก็มีวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้ให้ชาวฮินดูได้ไปไหว้เทพกันด้วย
เพราะในสมัยก่อนมีชาวอินเดียเข้ามาตั้งรกรากอยู่ ทุกวันนี้จึงมีชาวฟิจิกลุ่มหนึ่งที่หน้าตากระเดียดไปทางอินเดียอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย
พูดถึงคนฟิจิ เวลานัดกับคนฟิจิ ก็ไม่ต้องรีบเร่งมาก คนที่นี่เขาเนิบช้า สมมุตินัด 10 โมงเขาอาจจะมาถึง 10.15 ก็ไม่มีการเคืองกัน เขาเรียกฟิจิ ไทม์ คือจะช้าไปสัก 10 – 20 นาทีก็ไม่มีปัญหายิ่งอยู่ฟิจิหลายวันเข้าฉันยิ่งรู้ว่าชีวิตคนฟิจินี่อิงแอบกับธรรมชาติมากๆ
ต้นไม้ใบหญ้าที่ปลูกรอบๆ บ้าน นอกจากเอามาถักทอเป็นพัด ตะกร้า หมวกแล้ว ต้นไม้หลายชนิดยังเป็นยาสารพัดประโยชน์ได้สบายๆ รอบๆ บ้านคนฟิจิจึงมีต้นไม้เยอะ เวลาโดนแมลงกัดต่อย เคล็ดขัดยอก ท้องเสีย หรือปวดฟัน พวกเขาจะใช้ใบไม้ที่อยู่รอบๆ บ้านนี่แหละมาปรุงเป็นยา
นอกจากจะอยู่กับธรรมชาติดีๆ แล้ว เรื่องน้ำฟิจิก็โด่งดังเหลือเกิน ฉันมาถึงที่นี่ก็ตั้งใจมาดื่มน้ำฟิจิให้มากที่สุด เพราะเป็นอันรู้กันว่าน้ำฟิจิมาจากแหล่งน้ำใต้ดินธรรมชาติที่ปราศจากมลพิษ
ฟิจิขึ้นชื่อเรื่องระบบนิเวศวิทยาที่บริสุทธิ์อันดับต้นๆ ของโลก อุดมไปด้วยแร่ซิลิกา ที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม ผิว เล็บ และกระดูก น้ำแร่ของฟิจิจะผ่านกระบวนการผลิตอย่างเป็นมิตรต่อธรรมชาติ บรรจุลงในแพ็กเกจที่ปราศจากการปนเปื้อนจากสัมผัสของคนจนกระทั่งเปิดฝา พูดเลยว่าจิบแล้วรสชาตินุ่มละมุน ข้อสำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกายสุดๆ
มาถึงฟิจิแล้ว ทางที่ดีต้องออกไปสำรวจเกาะอื่นๆ ด้วย เพราะฟิจิได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเกาะสวยๆ เยอะ ที่นี่มีรีสอร์ตดีๆ ให้เลือกพักกลางทะเลเยอะ ฉันเลือกนั่งเรือไปหา Cast Away Island Fiji Resort เกาะที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก
รอบเกาะมีแนวปะการังให้ดำน้ำ มีเส้นทางเดินเท้าขึ้นภูเขาไปชมวิว และมีกิจกรรมทางน้ำให้ทำมากมาย
เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ทางรีสอร์ตแนะนำให้นั่งเรือไปเที่ยวเกาะโมนูริกิ เกาะที่เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายหนังเรื่องดังอย่าง Cast Away ถ้ายังจำกันได้ พระเอกของเรื่องอย่างทอม แฮงก์ มาติดเกาะและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว
ทุกวันนี้เกาะนี้ก็ยังคงเป็นเกาะร้าง ไม่มีรีสอร์ตตั้งอยู่ แต่ละวันก็จะมีนักท่องเที่ยวพากันแวะเวียนไปเล่นน้ำ อาบแดด และดำน้ำรอบๆ เกาะ เรียกว่าใครที่ชอบตามรอยหนังดัง คงต้องมาปักหมุดที่เกาะโมนูริกิกันด้วย
เรื่องน้ำทะเลไม่ต้องพูดถึง สีน้ำที่นี่เขียวครามสด ยิ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวในราวเดือนมิถุนายน – เดือนตุลาคมด้วยแล้ว แสงแดดอันจัดจ้านยิ่งขับให้น้ำทะเลรอบๆ เกาะสวยขึ้นอีก
เห็นที่นี่แล้ว จึงเห็นด้วยกับนักเดินทางหลายคนที่บอกว่า หากคุณเป็นนักล่าเกาะน่าเที่ยว ฟิจิคือที่ที่อยู่ในหมวดจำเป็นต้องมา
– จากกรุงเทพฯ ยังไม่มีบินตรงไปฟิจิ แต่สามารถบินไปตั้งหลักที่สิงคโปร์หรือฮ่องกงก็ได้ จากนั้นฟิจิ แอร์เวย์สมีเที่ยวบินบินตรงไปยังนาดี คลิกไปสำรวจเที่ยวบินได้ที่ www.fijiairways.com/
– ที่ฟิจิมีที่พักให้เลือกหลากหลาย ทั้งที่ตัวเมืองนาดี เกาะเดนาเรา และตามเกาะต่างๆ คลิกไปสำรวจได้ที่เว็บไซต์จองที่พักบุ๊กกิ้ง www.booking.com/
– คนไทยไปเที่ยวฟิจิไม่ต้องทำวีซ่า