เรคยาวิค แรกรู้จัก
Story & Photo by Kanjana Hongthong
นาทีนี้ใครๆ ก็พากันพุ่งไปหาประเทศไอซ์แลนด์ (Iceland) กันทั้งนั้น เรียกว่าเนื้อหอมที่สุดใน พ.ศ. นี้ เลยก็ว่าได้ แต่การจะเหาะเหินเดินอากาศไปหาไอซ์แลนด์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจากเมืองไทยยังไม่มีเที่ยวบินบินตรงไปนครหลวงของไอซ์แลนด์อย่างเมืองเรคยาวิค (Reykjavik) ใครจะดั้นด้นไปหาไอซ์แลนด์จึงต้องจับทิศจับทางหาเครื่องต่อกันให้ดี ไม่อย่างนั้นงบบานปลายแน่
ส่วนฉันอาศัยว่าอยากจะแวะไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัมก่อน และบังเอิญมีสายการบินโลว์คอสท์จากอัมสเตอร์ดัมบินตรงเข้าเรคยาวิคพอดี ทุกอย่างเลยลงตัวไปหมด
สารภาพตรงนี้เลยว่าถึงจะผ่านการเดินทางมาแล้ว 115 ประเทศ แต่เมื่อเครื่องบินค่อยๆ หย่อนตัวลงแนบแผ่นดินไอซ์แลนด์ ระดับความตื่นเต้นของฉันดีดตัวขึ้นอย่างเร็วพลัน “นี่เรือบินพาเหาะเหินเดินอากาศมาหาดาวดวงไหนกันละเนี่ย ดาวพลูโตหรือดาวเนปจูน” ฉันได้แต่รำพึงในใจเมื่อมองลงมาจากเครื่องบินแล้วเห็นทุ่งหิมะขาวโพลนสลับกับทุ่งแล้งสีดำเคล้าน้ำตาล
ประเทศที่ 116 อย่างไอซ์แลนด์ทำท้องไส้ฉันปั่นป่วนไปหมด มันทั้งตื่นเต้นระคนตื่นตาตื่นใจ ความจริงไอซ์แลนด์ทำฉันปั่นป่วนมาตั้งแต่ก่อนเดินทางมาถึงแล้ว แค่รู้ค่าแท็กซี่ที่จะนั่งเข้าเมืองก็แทบถอนสมอ เพราะแพงน้ำตาไหลพรากเลย ต้องมานั่งศึกษาหาข้อมูลถึงได้พบว่าจากสนามบินเขามีรถบัสวิ่งเข้าเมืองออกทุกครึ่งชั่วโมงเรียกว่า Flybus ที่จะจอดส่งที่สถานีรถประจำทางในเมืองหรือจะให้ไปส่งที่โรงแรมก็ได้ แต่ต้องเพิ่มสตางค์ขึ้นมาอีกนิดก็เรียกว่าสะดวกสบายเลยทีเดียว แถมบนรถมีฟรี Wi-Fi ให้บริการตลอดระยะเวลา 45 นาที เป็น 45 นาทีที่เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ ประเดี๋ยวเดียวรถบัสก็พามาถึงเมืองหลวงอย่างเรคยาวิคซะแล้ว
เรคยาวิคเป็นเมืองที่ไม่เหมือนกับที่ฉันจินตนาการไว้สักเท่าไหร่ เดิมทีคิดว่าต้องเป็นเมืองหนาวๆ ที่แห้งแล้งสีสัน ที่ไหนได้อาคารบ้านเรือนสีสันคัลเลอร์ฟูลก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ความสนุกของการเดินเที่ยวในตัวเมืองเรคยาวิค จึงเป็นการดูอาคารที่มีสีสัน หลายแห่งมีการวาดการ์ตูนและทำเป็นกราฟฟิตี้ที่ดูดีมีเรื่องราว ไม่ได้ไปในแนวเลอะเทอะจนความอาร์ทหายไป
แต่อย่างหนึ่งขอให้รู้ไว้ว่าไอซ์แลนด์เป็นดินแดนที่ดินฟ้าอากาศเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ ฝนพรำเม็ดอยู่ ประเดี๋ยวเดียวอาจจะมีแดดออก สิ่งที่แน่นอนอย่างเดียวคือลมที่จัดว่าแรงมาก เหมือนใครเปิดพัดลมเบอร์ 5 เอาไว้ตลอดเวลา
ซึ่งเมื่ออุณหภูมิเลขตัวเดียวทำปฏิกิริยากับลมแรงๆ การเดินเหินสำรวจเมืองจึงเป็นไปด้วยอาการสั่นเบาๆ นักท่องเที่ยวบางคนมาไอซ์แลนด์นี่แทบไม่อยากจะแวะเรคยาวิค เพราะคิดว่าไม่มีอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วเรคยาวิค มีมุมที่น่าเที่ยวไม่ใช่น้อย
อย่างถ้าเป็นมุมบังคับของเรคยาวิค แน่นอนว่าทุกคนคงจะไปที่โบสถ์ฮัลกริมสเคียร์ค่า (Hallgrímskirkja) โบสถ์ที่มีรูปร่างหน้าตาและสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นแปลกตาและความที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของเรคยาวิคจึงมักมองเห็นโบสถ์นี้ได้ทุกองศา มองไปมองมาฉันว่าโบสถ์นี้หน้าตาเหมือนยานอวกาศมากกว่า บางคน บอกเหมือนจรวดทั้งที่จริงแล้วสถาปนิกที่ออกแบบโบสถ์นี้เขาเป็นผู้ที่หลงใหลในรูปทรงของหินบะซอลต์ที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวา เลยออกแบบด้านนอกให้เหมือนแท่งหินบะซอลต์ แต่พอทำออกมาแล้วหน้าตาเหมือนยานอวกาศไปซะอย่างนั้น
ด้านในไม่ได้เข้มขลังเหมือนพวกโบสถ์ในยุโรป ออกแนวตกแต่งอย่างเรียบง่าย ซึ่งสำหรับชาวเรคยาวิคแล้วเมื่อมีงานสำคัญก็มักมาจัดกันที่นี่ และใครที่อยากเห็นเรคยาวิคในมุมสูงด้านในของโบสถ์มีลิฟท์ให้ขึ้นไปชมวิวด้วย เมื่อออกมาด้านหน้าโบสถ์จึงพบว่ามีรูปปั้นของนักสำรวจที่ชาวไอซ์แลนด์ยกย่องอย่างเลฟร์ อีริคสัน ยืนเด่นตระหง่านอยู่กลางลานกว้าง ซึ่งรูปปั้นนี้สหรัฐฯ ได้มอบให้แก่ประเทศไอซ์แลนด์เป็นที่ระลึกในโอกาสฉลองครบรอบรัฐสภา 1 พันปีของไอซ์แลนด์
ความจริงจากด้านหน้าโบสถ์ฉันตั้งใจจะเดินไปหามุมที่เป็นคอนเสิร์ตฮอลล์แห่งใหม่ที่เรียกว่าฮาร์ปา (Harpa) แต่ไม่รู้เดินอีท่าไหนมีแต่ร้านรวงเต็มไปหมด มารู้ตัวอีกทีก็ตกอยู่ในวงล้อมของร้านรวงซะแล้ว นั่นแหละถึงได้รู้ว่าเรื่องช้อปปิ้งเรคยาวิคก็ไม่ได้หนาวซะจนร้านรวงร้างราจากแฟชั่น ตรงกันข้าม แฟชั่นฤดูหนาว เสื้อกันหนาว และอุปกรณ์กันหนาว จัดได้ว่าที่นี่จัดเต็มมาก
ใครมาถึงไอซ์แลนด์ แล้วคิดว่ายังต้านทานความหนาวไม่ไหว ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมาที่นี่แล้ว คุณสามารถซื้อหาเฟอร์นิเจอร์กันหนาวสารพัดอย่างได้จุใจแน่และล้วนแล้วแต่เป็นของที่มีคุณภาพที่ดีทั้งสิ้น เพราะโดยมากเขาจะทำจากวัสดุที่สามารถรับมือกับอากาศหนาวจัดได้
ความเพลินอีกอย่างหนึ่งของการเดินเหินบนถนนสายช้อปปิ้งประจำเมืองคือการได้ไปดูพวกอาคารบ้านเรือนหลากสีสันที่เขามักมีพวกภาพวาดน่ารักๆ ไว้ตามฝาผนังให้ชมเป็นระยะ
แต่พูดก็พูดเถอะ ใครมาที่นี่อย่ามาถามหาพวกกาแฟสตาร์บัค แม็คโดนัลด์อะไรพวกนี้นะ เพราะที่เรคยาวิคไม่มีสิ่งเหล่านี้ มีแต่โลคัล คาเฟ่ที่เก๋และมีกาแฟรสชาติดีให้นั่งจิบคลายหนาว หรือถ้าอยากกินเบอร์เกอร์เขาก็มีร้านที่เป็นโลคัล แบรนด์ขายเบอร์เกอร์เหมือนกัน
จนแล้วจนรอดฉันก็พาตัวเองเดินไปถึงฮาร์ปาจนได้ ที่นี่คือคอนเสิร์ตฮอลล์แห่งใหม่ที่อวดงานสถาปัตยกรรมสุดทันสมัย มองจากด้านนอกนี่ว่าเจ๋งละพอเดินเข้าด้านในถึงกับร้องว้าว ถึงความรู้เรื่องสถาปนิกเท่าหางอึ่ง แต่ฉันว่าสถาปนิกคนไหนได้มาเห็น ที่นี่คงถูกใจแน่
ตัวอาคารได้รับการออกแบบอิงกับรูปทรงเรขาคณิต ให้มองได้หลายมิติ ส่วนผนังเป็นกระจกสลับสี มีบันไดทอดตัวหลายชั้นเรียกว่าออกแบบได้ล้ำจริงๆ เห็นโมเดิร์นแบบนี้เกือบไม่เสร็จเหมือนกันเพราะเป็นโครงการที่ใช้เงิน 5 พันกว่าล้าน แถมเริ่มสร้างได้แค่ปีเดียวเมื่อตอนปี ค.ศ. 2007 ไอซ์แลนด์ก็เจอวิกฤติเศรษฐกิจถาโถมพอดีทำให้โครงการนี้ดีเลย์ออกไป แต่ก็สร้างเสร็จในที่สุด
ที่นี่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรเมื่อมองออกไปเห็นภูเขาหิมะเป็นทิวแถว เป็นภาพที่งดงามจนลืมความทันสมัยของฮาร์ปาไปชั่วขณะ ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าออกกันทั้งวัน บ้างมาเที่ยวชมสถาปัตยกรรม บ้างก็มาจับจองตั๋วคอนเสิร์ตที่มีให้ดูกันตลอดทั้งปี
ก่อนจะไปสัมผัสความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของไอซ์แลนด์ ออเดิร์ฟด้วยการทำความรู้จักกับเรคยาวิคถือว่าเป็นเมนูอุ่นเครื่องที่ทำให้เครื่องอุ่นได้ดีไม่ใช่น้อย
– จากกรุงเทพฯ บินไปตั้งหลักที่อัมสเตอร์ดัมก่อน มีเที่ยวบินบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปอัมสเตอร์ดัมทุกวัน จากนั้นบินต่อด้วยสายการบินโลว์คอสท์ไปเรคยาวิคอีก 3 ชั่วโมงเศษ
– ในเรคยาวิคมีที่พักให้เลือกเยอะและมีให้เลือกหลากหลายราคา โดยเฉพาะพวกอพาร์ทเม้นท์และเกสท์เฮาส์จะมีค่อนข้างเยอะ
– จากสนามบินเข้าตัวเมืองเรคยาวิค เข้าไปหาข้อมูลการเดินทางโดย Flybus ก่อนได้ที่ www.re.is/flybus