Let’s go to FUKUI ไปเที่ยวฟุคุอิ

เรื่องและรูปโดยทีมงาน Vacationist

ฟุคุอิ หรือ ฟุกุอิ หรือฟุคุย แล้วแต่ใครจะเรียกนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของภูมิภาคชูบุและหันเข้าหาทะเลญี่ปุ่นไปทางทิศเหนือ ทางด้านตะวันออกของจังหวัดเป็นแนวเขาที่เชื่อมกับเทือกเขาทาเทยามะและที่ราบ ส่วนทิศตะวันตกประกอบด้วยแนวเนินเขาและพื้นที่ราบที่ค่อนข้างจำกัด

แม้ว่าจังหวัดฟุคุอิจะไม่เป็นที่คุ้นชื่อนักท่องเที่ยวชาวไทยมากนัก แต่เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ยกตัวอย่างเช่น วัดเอเฮจิ วัดเซนที่มีชื่อพิพิธภณัฑ์ไดโนเสารซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ งานหัตถกรรมดั้งเดิม เช่น เครื่องปั้นดินเผาเอจิเซ็นซึ่งเป็นเครื่องปั้นดินเผาหนึ่งในหกชนิดอันเก่าแก่ที่สุดที่พบในประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว ครั้งนี้เราเลือกมา 8 สถานที่ บวกกับ 1 เมือง ที่น่าสนใจมาแนะนำกัน

สถานีรถไฟฟุคุอิ (Fukui Station)

สถานีรถไฟในญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าไม่มีสถานีรถไฟไหนน่าสนใจเท่าสถานีรถไฟฟุคุอิเป็นแน่ เพราะบริเวณภายในสถานีรถไฟเจอาร์ฟุคุอิ และบริเวณด้านหน้าของสถานี เต็มไปด้วยรูปปั้นและรูปวาดของไดโนเสาร์เต็มไปหมด และขนาดใหญ่เท่ากับไดโนเสาร์จริงๆ แถมยังขยับเคลื่อนไหว ส่งเสียงร้องได้อีกด้วย

เหตุที่ตกแต่งสถานีด้วยไดโนเสาร์และแทบทุกจุดของเมืองมีไดโนเสาร์ก็เพราะว่าที่จังหวัดนี้มีการขุดค้นเจอซากไดโนเสาร์นั่นเอง สำหรับคนที่สนใจสามารถไปชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์จังหวัดฟุคุอิ (Fukui Prefectural Dinosaur Museum)

การเดินทาง
จากสถานีโอซาก้า นั่งรถไฟเจอาร์โฮคุริคุ (Hokuriku) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์จังหวัดฟุคุอิ (Fukui Prefectural Dinosaur Museum)

พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์จังหวัดฟุคุอิ อยู่ที่เมืองคัตสึยามะ (Katsuyama) ซึ่งห่างจากตัวเมืองฟุคุอิไปประมาณ 45 นาที -1 ชั่วโมง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ศึกษา ค้นคว้าและรวบรวม เกี่ยวกับฟอสซิลไดโนเสาร์ที่ใหญ่แห่งหนึ่ง

ซึ่งฟอสซิลของจริงที่จัดแสดงที่นี่นั้น ไม่ได้มีแค่ที่พบในประเทศญี่ปุ่น ยังมีฟอสซิลอื่นๆ จากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วยกว่า 40 โครงกระดูก ภายในยังมีหุ่นยนต์ไดโนเสาร์ที่ขยับราวกับมีชีวิตจริง เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมในหมู่เด็กๆ แต่ผู้ใหญ่เองก็ชื่นชอบเช่นกัน

การเดินทาง
ขึ้นรถไฟเอจิเซ็น สายคัตสึยาม่า (Echizen Railway Katsuyama Line) ที่มุ่งหน้าไปยังคัตสึยาม่าซิตี้ ซึ่งจะระบุไว้ว่า “Katsuyama Iki” โดยจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นลงจากรถไฟที่สถานีคัตสึยาม่า (Katsuyama Station) และขึ้นรถบัสชุมชนอีก 15 นาทีหรือแท็กซี่อีก 10 นาที
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 720 เยน / เด็กมัธยมปลายและนักศึกษา 410 เยน / เด็กประถมและมัธยมต้น 260 เยน

สวนโยโคะคัง (Yokokan Garden)

สวนโยโคะคัง เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบสุคิยะซุคุริ (Sukiya-zukuri) ที่อดีตนั้นเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของตระกูลมัตสุไดระ (Matsudaira Clan) ตระกูลขุนนางผู้ปกครองเมืองฟุคุอิ ภายในสวนประกอบไปด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยหินและต้นไม้ การออกแบบ

สวนในลักษณะพิเศษนี้ถือเป็นตัวอย่างของสวนในกลางยุคสมัยเอโดะที่หาชมได้ยาก และยังคงแบบดั้งเดิมดั่งภาพวาดมาจวบจนถึงปัจจุบันเราสามารถจิบน้ำชาชมวิวได้จากตัวคฤหาสน์ซึ่งออกแบบเป็นร้านน้ำชาเข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. และปิดทำการทุกวันหยุดสิ้นปี เสียค่าเข้าชม 210 เยน

การเดินทาง
จากสถานีฟุคุอิ สามารถเดินไปได้ ผ่านสำนักงานจังหวัดฟุคุอิ แล้วเดินต่อใช้เวลาเพียง 5-10 นาที

วัดไดฮนซัง เอเฮจิ (Daihonzan Eihei-ji Temple) หรือวัดเออิเฮจิ (Eihei-ji Temple)

วัดไดฮนซัง เอเฮจิ หรือวัดเออิเฮจิ เป็นวัดของศาสนาพุทธนิกายโซโต (Buddhist Soto Sect.) ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 750 ปีนิกายโซโตมีสองวัดหลัก หนึ่งในโยโกฮามาจังหวัดคานากา(วัดโซจิจิ) และอีกที่ที่เอเฮจิ ทั้งสองวัดเป็นรากของนิกายโซโตและแหล่งที่มาของความเชื่อ สร้างโดย โดเกนเซนจิ ในปีค.ศ. 1244 วัดประกอบไปด้วยอาคารรวมไปถึงประตูใหญ่และหอธรรมต่างๆ รวมกว่า 70 หลัง เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินเล็กๆรวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 330,000 ตารางเมตร แวดล้อมไปด้วยต้นสนเก่าแก่

ปัจจุบัน ที่นี่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยี่ยมชมวัด และเป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติของสงฆ์ผู้ฝึกตนจากทั่วประเทศ สำหรับผู้เข้าเยี่ยมชมที่เป็นบุคคลทั่วไปก็สามารถมาลองฝึกปฏิบัติ เช่น การนั่งสมาธิหรือการคัดลอกพระสูตรได้ ทั้งแบบมาฝึกแค่ชั่วโมง หรืออยากค้างคืนก็ได้ โดยต้องมีการจองก่อนล่วงหน้า

การเดินทาง
นั่งรถจากสถานีฟุคุอิ (Fukui) ใช้รถบัสเคฟุคุ ไปยังวัดเออิเฮจิ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที โดยรถยนต์ 15 นาที จาก “ฟุคุอิ-กิต้า ไอซี”

ศาลเจ้าเคฮิ (Kehi Shrine)

ศาลเจ้าเคฮิ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่เรียกว่า ยิ่งใหญ่ที่สุดในพื้นที่เอจิเซ็น (Echizen) สร้างเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าของทางหลวงพาดผ่านบริเวณโฮคุริคุ (Hokuriku) เสาทั้งเจ็ดต้นเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าเจ็ดองค์ โดยมากคนที่มาขอพรที่นี่จะขอเรื่องเกี่ยวกับ ให้การเก็บเกี่ยวได้ผลผลิตดี ปกป้องรักษาทะเลและให้จับปลาได้เยอะ

กล่าวกันว่าประตูใหญ่ของศาลเจ้าทำจากต้นจูนิเปอร์ที่ถูกพัดมาเกยฝั่งจากเกาะซาโด (Sado) นั้นได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมโดยรัฐบาล พร้อมกับศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima) ในจังหวัดฮิโรชิม่า (Hiroshima) และศาลเจ้าคาสุกะ ไทฉะ (Kasuga Taisha) ในจังหวัดนารา (Nara) ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามศาลเจ้าไม้ในประเทศญี่ปุ่น ประตูสูง 10.93 เมตร สร้างขึ้นในปี 1645 ประตูบานเดิมถูกสร้างเมื่อปี 810 แต่ทรุดโทรมลงในปี 1343

เมื่อคุณเดินผ่านประตูเข้าศาลเจ้า คุณจะเห็น “น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ชีวิตยืนยาว”อยู่ด้านซ้ายมือ ตามตำนานบอกว่า น้ำนี้ผุดออกมาจากใต้ดิน ตอนสร้างศาลเจ้าเพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าแห่งอายุยืนนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงรู้จักน้ำแห่งนี้ว่า “น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ชีวิตยืนยาว”

การเดินทาง
15 นาที จาก สถานี JR Tsuruga ถ้าเดินทางโดยรถบัส Fukutetsu และลงที่สถานี Kehi-jingu mae

ศาลเจ้าเคยะคุโระทซึ (Keyakurotatsu Shrine)

ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาอะซุคะ (Asuka-san) ที่นี่มีชื่อเสียงมากในเรื่องจุดรับพลังงาน (Power Spot) เหตุผลหนึ่งเพราะเชื่อกันว่าที่นี่กำเนิดจากเทพเจ้ามังกรดำเป็นหนึ่งในสี่เทพเจ้าในตำนานยุคโบราณของญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเฮอัน โดยเทพเจ้าองค์นี้มีอำนาจควบคุมน้ำขึ้น น้ำลง หากใครได้มารับพลังงานที่นี่จะทำให้คนมีกำลังใจและทำให้ชีวิตดีขึ้น สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเดินทาง
นั่งรถเมล์จากสถานีฟุคุอิ (Fukui) มาลงที่ป้าย Keiukusu แต่ถ้าเดินมาใช้เวลาประมาณ 18 นาทีจากสถานีฟุคุอิเช่นกัน

ซากโบราณสถานตระกูล อิจิโจดานิ อาซากุระ (Ichijodani Asakura Clan Ruins)

ตั้งอยู่ห่างจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฟุคุอิประมาณ 10 กิโลเมตร มาตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมืองเป็นของขุนศึกตระกูลอาซากุระ ซึ่งปกครองพื้นที่นี้เป็นเวลา103 ปีตั้งแต่ปี 1471 มากกว่า 5 รุ่น ซากของเมืองได้รับเลือกให้เป็นสถานที่อันแสนพิเศษสามด้านดังนี้ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สถานที่อันแสนพิเศษแห่งความงดงามทางทัศนียภาพ และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ

ที่แห่งนี้ยังคงมีสิ่งก่อสร้างเก่าๆ หลงเหลืออยู่ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัยของนักรบ, วัด, บ้านพ่อค้า, บ้านช่างฝีมือและแม้แต่ถนนก็ได้ขุดขึ้นมาเกือบสมบูรณ์ ภูมิทัศน์รอบข้างได้รับการบูรณะเกือบสมบูรณ์แบบและมีการตกแต่งให้มีลักษณะคล้ายยุคสงคราม นอกจากจะได้ชมบ้านเมืองเดิมแล้วท่านยังลองชุดเกราะและเสื้อผ้าจากยุคสงครามของญี่ปุ่นได้

การเดินทาง
จากสถานี JR ฟุคุอิ ขึ้นรถเมล์เคฟุคุไปโจเคียวจิ ลงที่ป้ายฟุคุเก็นมาจินามิ จะอยู่ถัดจากป้ายรถประจำทาง
ค่าเข้าชม 210 เยน สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี, ผู้พิการทางร่างกายและผู้สูงอายุเกิน 70 ปี ฟรี

หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo Cliff)

เป็นหน้าผาที่ถูกคลื่นน้ำทะเลกัดเซาะจนกลายเป็นผาหน้าตัดโดยธรรมชาติ ถูกกัดเซาะโดยคลื่นในมหาสมุทร ลักษณะของหน้าผาที่เป็นรอยแยกรูปเสาหินเหลี่ยมอันเกิดจากหินแอนดีไซต์ที่มีส่วนประกอบของแร่ไพร็อกซีนนี้หาพบได้ยากและมีเพียงสามแห่งในโลกเท่านั้น ทอดตัวเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร สูง 25 เมตรเราจะได้เห็นวิวทะเลญี่ปุ่นแบบพาโนรามา 360 จากหอคอยโทจินโบ (Tojinbo Tower) ที่มีความสูง 55 เมตรและสามารถเห็นภาพความสวยงามของหน้าผาจากเรือท่องเที่ยวที่ล่องไปรอบๆ หน้าผา

การเดินทาง
นั่ง JR Limited Express ชิราซะกิ ( สาย 4) Nagoya – Fukui ประมาณ 2 ชั่วโมง
รถไฟเอ็นเซ็นเท็ตซึ Fukui – ท่าเรือมิคุนิ ประมาณ 50 นาที แล้วเดินจากสถานี หรือ
นั่งเคย์ฟุคุบัสจากสถานี – ท่าเรือมิคุนิ โทจินโบ ประมาณ 5 นาที

ปิดท้ายกันที่เมือง อาวาระออนเซ็น (AwaraOnsen) อยากแนะนำให้คุณได้ไปลองพักกัน อาวาระออนเซ็น เป็นย่านบ่อน้ำพุร้อนเก่าแก่ของจังหวัดฟุคุอิ ถูกค้นพบและเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 1883 แม้จะเคยประสบปัญหาภัยพิบัติแผ่นดินไหว แต่ยังคงความเป็นเมืองสปาได้จนถึงทุกวันนี้ คุณสมบัติของบ่อน้ำพุร้อนที่นี่คือมีปริมาณแร่ธาตุโซเดียม และโพแทสเซียมที่แตกต่าง ช่วยคลายความเมื่อยล้า บวกกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกจนได้รับฉายาว่า “ห้องรับรองแห่งคันไซ” ที่บรรดาศิลปิน นักเขียน นักท่องเที่ยวแวะเวียนกันเข้าพักไม่ขาดสาย เดินทางก็ง่ายจากสถานีฟุคุอิมาลงที่สถานี Onsen Awara หรือสถานี Awarayuno-machi ได้เลย

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองฟุคุอิ ซึ่งจริงๆ มีอีกมากมาย หากได้ไปญี่ปุ่นในครั้งต่อไปทางเราขอแนะนำให้ไปจังหวัดฟุคุอิกัน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0