Sexy…Barcelona

Story & Photo by Kanjana Hongthong

ถ้า ซาน เทลโม (San Telmo) ทำให้นึกถึงกรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) แห่งอาร์เจนตินา ถนนลา รัมบลา (La rambla) คงทำให้นึกถึงเมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) แห่งสเปนอยู่เสมอ

ทั้งซาน เทลโมและลา รัมบลา มีความคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นหย่อมย่านที่มีชีวิตชีวา เมืองไหนที่มีถนนหรือย่านแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมปลุกให้เมืองนั้นไม่ใช่แค่น่าเที่ยว แต่อาจถึงขั้นน่าอยู่ แต่บังเอิญว่าบาร์เซโลนาไม่ได้มีแค่ ลา รัมบลา ซะด้วยสิ แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้บาร์เซโลนา กลายเป็นเมืองที่มีความเย้ายวนไปจนถึงขั้นเซ็กซี่ไปโดยปริยาย เพราะเวียนไปเวียนมาบาร์เซโลนาอยู่หลายรอบถึงได้กล้าพูดแบบนั้น จะว่าไปสำหรับเมืองที่คุ้นเคยกันดีอย่างบาร์เซโลนา มีอยู่ 2 สิ่งที่ทำให้ฉันคิดถึงบาร์เซโลนาอยู่เสมอคือ ศิลปินไร้เหลี่ยมมุมอย่างเกาดี้ และถนนคนเดินอันมีชีวิตชีวาอย่าง ลา รัมบลา

บาร์เซโลนาเที่ยวล่าสุด ฉันมุ่งหน้าไปหา ลา รัมบลา อย่างคนคุ้นเคยกันดี แต่ก่อนจะไปถึงมุมนั้น ฉันแวะไปที่จัตุรัสคาตาลุนญ่าที่มีรูปปั้นที่สวยงามและลานน้ำพุรอทุกคนอยู่ พอดีว่าจัตุรัสนี้อยู่แถวหัวถนนลา รัมบลา อย่างคนไม่รีบร้อนไปไหน เลยแวะนั่งดื่มด่ำ บรรยากาศอันสุนทรีย์ของจัตุรัสนี้สักพักก่อนจะขยับตัวไปหาถนนลา รัมบลา

แล้วก็พบว่าทุกอย่างบนถนนสายนี้ยังเอ่อล้นไปด้วยความมีชีวิตชีวาเหมือนเคย ช่วงหัวถนนมีแผงขายดอกไม้ สองฟากฝั่ง ที่แคบแต่ยาว ไม่ได้มีแค่อาคารที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆ เรียงรายอยู่เท่านั้น ลองแฉลบออกนอกลู่นอกทางไปนิดเดียว ไม่ว่าจะด้านซ้ายหรือขวาก็แทบกู่ไม่กลับ แต่มุมหนึ่งที่ทำให้ขลุกอยู่ได้นานคือตลาดสดบุคเคอเรียที่อยู่ริมถนนลา รัมบลา

ที่จริงมาถึงเมืองริมทะเลของสเปนอย่างบาร์เซโลนา แล้วอยากหาอาหารทะเลสดๆ มาชิม ขอให้มุ่งหน้ามาที่ตลาดสดบุคเคอเรียแห่งนี้ นี่คือตลาดสดขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของบาร์เซโลนา ที่มาแล้วไม่ได้มีแค่อาหารทะเลสดๆ เสิร์ฟแน่

แต่ยังมีอาหารการกินคาวหวานสารพัดชนิดขายอยู่ตามแผงด้วย จะซื้ออะไรล่ะ ขาหมูรมควัน มะกอก ถั่ว เครื่องเทศ ชีส ข้าวผัดสเปน หรือแม้แต่พิซซ่า มีให้เลือกชิมกันตามใจกระเพาะ ยังไม่นับสีสันของพวกผักผลไม้ในตลาดนี้ที่ถูกใจนักท่องเที่ยวมาก แต่สิ่งดีที่สุดของการมาเยือนตลาดบุคเคอเรียคือได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบาร์เซโลนาว่าเขากินอยู่กันอย่างไร

ฉันก็ขลุกอยู่ในนี้อยู่พักใหญ่ ก่อนจะถอนสมอออกจากตลาด เพื่อไปเดินทอดน่องบนถนนลา รัมบลาอีกครั้ง ดีตรงที่ถนนนี้เหมือนถนนสายศิลปะสายย่อมๆ เพราะมีแผงขายภาพเขียน มีศิลปินมานั่งวาดภาพ สุนทรีย์ไม่เคยพร่อง

และอีกอย่างที่อยู่คู่กับลา รัมบลาคือศิลปินเร่ที่พร้อมจะแปลงโฉมตัวเองเป็นคนดังทุกแขนง ไล่ไปตั้งแต่คลีโอพัตราไปยันคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

ใครมีจินตนาการส่วนตัวแบบไหน มีไอเดียบรรเจิด หรือมีความสามารถพิเศษอะไร ก็มาหาที่ว่างบนถนนสายนี้แล้วปล่อยของที่มีได้อย่างเสรี

ทั้งศิลปินมืออาชีพ มือสมัครเล่น และศิลปินข้างถนนทุกแขนง ก็เลยยึดถนนสายนี้ประกอบอาชีพกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ขอเพียงแค่หย่อนเหรียญยูโรลงไปในกล่อง จะถ่ายรูปหรือจะให้เขาเล่นบทไหนก็ได้หมด

ศิลปินริมทางน่ะแค่สีสัน ส่วนร้านค้าและคาเฟ่หน้าตาจิ้มลิ้มที่ตั้งให้เกลื่อนถนน นี่ก็ผงชูรสชั้นดี แต่ที่ทำให้กราฟแห่งความคึกคักของถนนสายนี้พุ่งปรี๊ด ฉันว่าคงเป็นผู้คนที่เดินพ่นลมหายใจรดใส่ ลา รัมบลา นี่แหละ ไม่ได้พูดเกินจริงแน่ แต่สังเกตว่าใครได้ลองมาเดินทอดน่องบนถนนสายนี้ก็อารมณ์ดีกันทั่วหน้า

เดินไปจนสุดถนนนั่นแหละ ถึงได้แวะไปแหงนคอมองอนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างเป็นเกียรติให้แก่นักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่รายนี้ สูงประมาณ 60 เมตร เขายืนคอยอยู่แถวท่าเรือเก่าของเมืองบาร์เซโลนา ที่นอกจากจะมีเรือลำน้อยใหญ่ที่มาจอดเรียงรายกันแน่นท่าเรือแล้ว

ยามแดดร่มลมตกผู้คนจะพาเหรดกันมานั่งกินลมชมวิวกันฉ่ำปอด นั่งผึ่งแดดอยู่มุมนี้ได้พักใหญ่ ก็เดินแฉลบเข้าไปหาย่านเมืองเก่าหรือที่เรียกว่าบาร์รี่ โกธิก (Barri Gothic) ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารประจำเมืองที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่อลังการและสวยงามตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองเก่า

วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1298 แต่ถ้าจะสืบสาวถึงอายุจริงเห็นว่าเก่าแก่ 2,000 ปีเลยทีเดียว เพราะโดยปกติของเมืองเก่า มักจะมีการสร้างซ้อนทับกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ยุคโรมัน ยุคมิดเดิลเอจ ยุคมุสลิมมาครอง จนถึงปัจจุบัน แต่ส่วนที่เป็นด้านหน้าของตัวอาคารสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 โดมสร้างขึ้นเมื่อปี 1913

ใครที่ชอบสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่อลังการมาที่นี่รับรองว่าอิ่มเอมแน่ ยิ่งด้านในนี่เข้มขลังไม่แพ้โบสถ์ไหนในโลก ยิ่งใครที่ชอบบรรยากาศสุดคลาสสิกแบบโบสถ์เซนต์โซเฟียนิสตันบุล มาที่นี่น่าจะชอบโบสถ์นี้เหมือนกัน ใครอยากมองบาร์เซโลนาจากมุมสูง ขึ้นลิฟต์ไปดูวิวจากหลังคาได้ หรือถ้าคิดว่าฟิตพอจะขึ้นบันได 210 ขั้นก็ไม่ว่ากัน

ที่จริงละแวกนี้ไม่ได้มีแค่มหาวิหารแห่งนี้ แต่ยังแวดล้อมไปด้วยอาคารสไตล์นีโอคลาสสิกในยุคศตวรรษที่ 19 และเต็มไปด้วยอาคารหินยุคกลางสมัยศตวรรษที่ 13-15 สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ยังมีร่องรอยของโรมันอยู่ แต่บางชิ้น เช่น โคมไฟกลางเมืองเก่าใกล้กับบริเวณที่ตั้งของน้ำพุ นั่นคือหนึ่งในผลงานในยุคแรกๆ ของเกาดี้

อีกจุดหนึ่งที่ผู้คนไปขลุกอยู่เยอะคือจัตุรัส ซานต์ จาวม่า ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการบริหาร การปกครอง ตั้งอยู่บริเวณศาลากลาง (Town Hall) ที่สร้างแบบนีโอคลาสสิก และที่ตั้งประจันหน้ากันอยู่เป็นอาคารสภาเจเนรัลลิตัต (Generalitat) ที่สร้างแบบโกธิก ว่ากันว่า ในสมัยโรมันที่นี่อาจจะเป็นเวทีสำหรับการแสดงพลังทางการเมือง แต่ทุกวันนี้ผู้คนแห่แหนกันมาที่นี่ เพื่อเข้าชมโบสถ์พระแม่มารีสีดำ อันเป็นที่เคารพบูชาของชาวแคว้นคาตาลุนญ่า ส่วนหนุ่มสาวบางคู่เลือกใช้ที่นี่ประกอบพิธีวิวาห์

วันนั้นจำได้ว่า ขลุกอยู่ในเมืองเก่าและป้วนเปี้ยนอยู่นานมาก ก่อนจะเดินต่อไปบนถนน Passeig de Gracia เพราะย่านนั้นมีอาคารสวยงามหลายหลัง แต่ที่ดูเหมือนเป็นอาหารตาชั้นเลิศคืออาคารสวยงาม 3 หลังในสไตล์ทันสมัย หนึ่งในนั้นคือคาซา ลีโอ มอเรราซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของลุยส์ โดเมเนช ไอ มอนทาเนอร์ อาคารหลังนี้ ปัจจุบันกลายเป็นร้านค้าที่ทันสมัยแห่งหนึ่งในเมืองบาร์เซโลนา

ส่วนอีก 2 หลังซึ่งตั้งอยู่ติดกัน คือคาซา อมาตเลอร์ ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของไอ คาดาฟัลค์ และ คาซา บัตโย หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเกาดี้นั่นเอง หน้าคาซา บัตโย เหมือนมีงานกาชาด นักท่องเที่ยวยืนต่อคิวกันยาวเหยียด ฉันเองได้แต่ยืนเชยชมงานของเกาดี้อยู่หน้าบ้าน เพราะขืนต่อคิวเข้าไปด้านใน คงไม่ได้เห็นมุมอื่นของบาร์เซโลนา

พูดถึงผลงานของเกาดี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาคารบ้านเรือน แต่เกาดี้ออกแบบตั้งแต่พระราชวัง บ้าน แมนชั่น โบสถ์ โรงเรียน ไปจนถึงสวน ยังไม่หมดแค่นั้น พวกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยในบ้าน ประตู แจกัน โคมไฟ บันได หน้าต่าง เกาดี้ก็ลงมือออกแบบมาหมดแล้ว ว่ากันว่า พอเกาดี้เสียชีวิตลงอาคารหน้าตาและรูปทรงแปลกตาก็แทบไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

ฉันใช้เวลาสั้นๆ ในบาร์เซโลนา ทอดสายตามองชีวิตผู้คนชาวบาร์เซโลนาไปเรื่อยเปื่อย ถึงได้พบว่าถึงแม้ทุกวันนี้วิถีชีวิตแบบของคนที่นี่จะเปลี่ยนโฉมไปมาก แต่ตามท้องถนนก็ยังเห็นชาวสเปน ทักทายด้วยการจูบแก้มกัน ประมาณว่าพูดโอ๊ล่าแล้วจุ๊บซ้าย จุ๊บขวากันเป็นปกติ ผู้คนยังไปโบสถ์ แม้กลางคืนถึงรุ่งเช้าจะไปนั่งแฮงก์ที่ผับ หลายคนยังยึดศาสนาอันเคร่งครัดนำทางการใช้ชีวิต

แม้ภายนอกจะแต่งตัวด้วยอาภรณ์ฉูดฉาดทันสมัย เรียกว่า วัฒนธรรม แบบเดิมๆ ก็ยังไม่ได้จางหายไปจากสังคมสมัยใหม่ซะทีเดียว ถ้าเป็นอาหาร เมนูที่ชื่อบาร์เซโลนายังคงแซ่บและเซ็กซี่ถูกปากเหมือนเคย

  • สายการบินที่บินสู่บาร์เซโลนามีหลายสายการบิน เช่น สายการบิน มาฮาน แอร์
    ดูรายละเอียดได้ที่ www.mahan.aero หรือสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส
    ดูรายละเอียดได้ที่ www.turkishairlines.com
  • ที่บาร์เซโลนามีที่พักให้เลือกเยอะ ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการไปพักกับ Airbnb มีเจ้าบ้านคอยให้คำแนะนำ คลิกไปดูรายละเอียดได้ที่ www.airbnb.co.th
  • บาร์เซโลนายังคงมีพวกมิจฉาชีพเยอะ เดินเหินยังต้องระวังพวกล้วงกระเป๋า
Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0