ความหมายของตกแต่งวันคริสต์มาส (Christmas Day Symbols)

สิ้นปี เมื่อถึงเดือนธันวาคม ผู้คนก็เริ่มตกแต่งและออกแบบต้นคริสต์มาส เดิมแม้จะเป็นเทศกาลสำหรับชาวคริสต์ ปัจจุบันกลายเป็นเทศกาลแห่งความสุขสำหรับทุกคนทั่วโลก การได้เฉลิมฉลองกับครอบครัวเป็นความอบอุ่นที่หลายคนชื่นชอบ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งต้นคริสต์มาสนั้นก็มีความหมายแตกต่างกันไป แต่ละชิ้นมีความหมายอย่างไร

ต้นคริสต์มาส

เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์หลักของเทศกาลก็ว่าได้ ต้นคริสต์มาสเป็นต้นสนชนิดไม่ผลัดใบ ที่หาง่าย มีความหมายว่าเป็น “ต้นไม้ในสวนสวรรค์ หรือ ต้นไม้แห่งชีวิต” ของพระผู้เป็นเจ้าเพราะมีสีเขียวตลอดทั้งปี หากกล่าวตามพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์นั้น กล่าวได้ว่า พระเยซูเจ้าเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต (คัมภีร์ไบเบิล ยอห์น15:5) ที่เสมือนเป็นแสงสว่างที่คอยช่วยนำทางให้แก่ผู้คนในความมืด ปัจจุบันเพื่อความสะดวกก็ใช้เป็นต้นไม้พลาสติกเพื่อเก็บไว้ใช้ในปีถัดไปได้

พวงมาลัยคริสต์มาส (Christmas Wreath)

โดยทั่วไปจะนิยมแขวนไว้หน้าประตูทางเข้าบ้าน ใช้ประดับบนต้นคริสต์มาสก็ได้ หรือแม้แต่วางไว้เหนือเตาผิง พวงมาลัยนี้แทนสัญลักษณ์ โดยรูปร่างวงกลมเตือนใจถึงมงกุฎหนามของพระเยซู ใบไม้สีเขียวหมายถึงความเป็นอมตะ นิรันดร ที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีที่สิ้นสุด และโบว์สีแดงที่ถูกร้อยเข้ากับพวงมาลัยหมายถึงความรื่นเริง เชื่อกันว่าการแขวนพวงมาลัยไว้หน้าบ้านจะปกป้องบ้านเรือนจากพลังชั่วร้าย และนำโชคดีมาให้นั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่า The Christmas Wreath จะสามารถปกป้องบ้านเรือนให้ปลอดภัยจากปีศาจร้าย และพลังชั่วร้ายได้อีกด้วย ซึ่งช่วงเวลาก่อนวันคริสต์มาส ถือว่าเป็นช่วงที่พลังชั่วร้ายมีมากที่สุดในรอบปี ผู้คนจึงนิยมแขวน The Christmas Wreath ไว้ที่หน้าประตูบ้าน หน้าต่าง บนเตาผิง หรือจุดที่ช่องต่าง ๆ ที่สามารถรอดเข้าผ่านตัวบ้านได้นั้น

ต้นฮอลลี่ (Holly)

ต้นฮอลลี่ก็เป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาสอีกหนึ่งอย่างที่เห็นบ่อย บางครั้งนำมาทำเป็นพวงมาลัยต้นคริสต์มาส หรือนำมาทำต้นคริสต์มาส ซึ่งความหมายของต้นฮอลลี่จะมีความสัมพันธ์กับพระเยซูเช่นกันคือ สีเขียวเป็นตัวแทนของการมีชีวิตนิรันดร์ สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดของพระเยซูที่ไหลหยดจากไม้กางเขน ใบไม้หนามยังเป็นสิ่งที่เตือนถึงมงกุฎหนามที่อยู่บนศีรษะของพระเยซู สีแดง และสีเขียว ของฮอลลี่ เป็นสัญลักษณ์ของความรักและศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า

ระฆัง หรือกระดิ่ง (Bells)

ระฆัง หรือกระดิ่ง ถูกใช้ประดับบนต้นคริสต์มาส เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ถึงผู้ที่ล่วงลับ นอกจากนี้ระฆังยังเป็นตัวแทนของความรื่นเริง และการส่งต่อความสุขให้กันด้วยและยังมีความเชื่ออีกว่าในคืนวันคริสต์มาสอีฟ (Christmas Eve ) คืนวันที่ 24 ธันวาคม ก่อนเที่ยงคืน การตีระฆังให้มีเสียงดังกังวานถือเป็นสัญญาณของการเฉลิมฉลองการจากไปของเหล่าปีศาจและเริ่มต้นเทศกาลคริสต์มาส

ลูกกวาดรูปไม้เท้า (Candy cane)

ลูกกวาดรูปไม้เท้า ถูกนำมาตกแต่งต้นคริสต์มาส เพื่อเป็นของขวัญให้กับเด็ก ๆ ในการฉลองเทศกาลคริสต์มาส สีแดง” เป็นตัวแทนพระโลหิตของพระเยซู และ “สีขาว” เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ และอีกความหมายหนึ่ง คือ อักษรย่อตัว J ในชื่อของพระเยซูในภาษาอังกฤษที่มีพระนามว่า Jesus ในปัจจุบันจึงนิยมนำมาประดับต้นไม้ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระเยซูอีกทางหนึ่งนั่นเอง

ถุงเท้า (Christmas sock)

อีกหนึ่งตำนานของเทศกาลคริสต์มาสคือ เชื่อกันว่าการแขวนถุงเท้าเป็นการรอคอยของขวัญจากเหล่าซานต้า เริ่มจากเรื่องเล่าว่านักบุญนิโคลัส (Saint Nicholas) ที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะยากจน นักบุญนิโคลัสจึงนำทองหย่อนลงไปในปล่องไฟ แต่ทองกลับตกลงไปในถุงเท้าที่แขวนไว้เหนือเตาผิงเพื่อตากให้แห้ง ดังนั้นถุงเท้าที่แขวนเหนือเตาผิง จะเปรียบเสมือนการการให้และการรับ เมื่อได้รับของขวัญกันในวันคริสต์มาสก็มีการให้ต่อกัน

ดอกกุหลาบบนต้นคริสต์มาส (Christmas Rose)

ดอกกุหลาบบนต้นคริสต์มาส มีลักษณะเป็นสีขาวและมีสีชมพูบนปลายกลีบ (รู้จักกันในชื่อ Helleborus Niger Christmas Rose) มาจากตำนานที่เล่าต่อกันมาว่า ช่วงที่พระเยซูประสูติ มีโหราจารย์ 3 ท่านเดินทางมาพบพระเยซู ทุกคนนำของขวัญมาถวาย หญิงเลี้ยงแกะคนหนึ่งซึ่งกำลังดูแลแกะอยู่หน้าประตูถ้ำ ได้เห็นของขวัญที่ทุกคนนำมาถวาย รู้สึกตื้นตันไม่มีอะไรจะมอบให้ นางฟ้าจึงบันดาลดอกไม้นี้ให้ผุดขึ้นมาจากหิมะใกล้เท้าของเธอ สื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ เพื่อมอบแก่พระเยซู

ต้นคริสต์มาส (Poinsettia Tree)

เป็นต้นไม้ที่นำมาประดับบ้าน แต่ไม่ได้ถูกประดับไฟแบบต้นสน โดย ตำนานมีอยู่ว่าเด็กสาวชาวไร่ฐานะยากจนอยากจะมอบของขวัญให้แก่พระแม่มารี แต่ก็ไม่มีสิ่งใดมอบให้ ระหว่างเดินทางเด็กสาวพบกับนางฟ้าตนหนึ่งนางฟ้าจึงมอบเมล็ดพันธุ์ให้เธอไปเพาะ เมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาส เมล็ดพันธุ์ได้เติบโต และมีใบยอดและดอกสีแดงเลือดหมูสดใส ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาส

ดาวบนต้นคริสต์มาส (Christmas Star)

ดาวคริสต์มาส ถูกขนานนามในอีกชื่อว่า “Star of Bethlehem” เชื่อว่าในอดีตช่วงเวลาที่พระเยซูประสูติ โหราจารย์ได้มองเห็นดวงดาวที่สุกไสวบนท้องฟ้า จึงออกเดินทางตามหาดาวดวงนั้น จนไปพบสถานที่ประสูติของพระเยซูที่เมืองเบธเลเฮม จึงเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซู เรียกดาวดวงนี้ว่า Star of Bethlehem

อีกตำนานเล่าว่า ดาวนี้คือดาวของดาวิด (Star of David) เป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในตะวันออกกลาง เชื่อว่ามีอำนาจพิเศษเพื่อขับไล่ภูตผีปิศาจ อันเป็นความเชื่อเดิมตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลในกลุ่มชาวยิว การประดับดาวไว้บนยอดต้นคริสต์มาสเปรียบเสมือนดวงดาวที่สุกสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้านั่นเอง

เครื่องประดับและแอปเปิ้ล (Baubles and Apples)

เดิมที่แอปเปิ้ลก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประดับต้นคริสต์มาส เนื่องจากความเชื่อที่ว่าต้นคริสต์มาสคือต้นไม้แห่งสวรรค์ และแอปเปิ้ลก็คือผลไม้แห่งสวรรค์ ในสวนเอเดน (Garden of Eden) สีสันสดใสของแอปเปิ้ลนั้นมองดูคล้ายกับผลไม้แห่งสวรรค์ นั่นเองแต่ในภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ผู้คนเริ่มใช้เครื่องประดับ( Baubles)ในการประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสแทนการใช้แอปเปิ้ล เนื่องจากมีสีสันสวยงามหลากสี

นอกจากนี้ ไฟตกแต่ง แต่ละสีที่นำมาประกับก็มีความหมายที่ดี อีกด้วย

สีแดง หมายถึง ไฟ, พระโลหิต และความโอบอ้อมอารี

สีเขียว เป็นสีของธรรมชาติ มีความหมายถึงความนิจนิรันต์ ความหวังและความอ่อนเยาว์

สีขาว เป็นความสว่างไสว แสงอาทิตย์ และแสงดาวคริสต์มาส สัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์

สีทอง เป็นสัญลักษณ์ของความสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข ความรุ่งเรือง และหมายถึง Star of Bethlehem อีกด้วย

รู้ความหมายของแต่ละสิ่งแล้ว ก็ไปซื้อของตกแต่งคริสต์มาสกันได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0