เชสกี้ ครุมลอฟ Cesky Krumlov เมืองแสนโรแมนติก ไข่มุกแห่งโบฮีเมีย

หากคุณกำลังมองเมืองเล็กน่ารักไว้สำหรับพักผ่อนปลายปี เมืองที่เต็มเปื่ยมไว้ด้วยความรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มาสัมผัส เมืองมรดกโลกที่หลายคนยอมรับว่าเป็นเมืองสุดแสนโรแมนติก อันดับต้นๆตามมาที่นี่เลย เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) เมืองที่จะทำให้รู้สึกรักและประดับใจอย่างแน่นอน

เชสกี้ ครุมลอฟ อยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐเช็กห่างจากกรุงปรากประมาณ 180 กิโลเมตร เชื่อใครหลายคนรู้สึกรักเมืองนี้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ยิ่งช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ภาพของถนนที่ปูด้วยอิฐและบ้านที่เหมือนหลุดมาจากอดีต อบอวลไปด้วยกลิ่นอายยุคเก่าแสนโรแมนติก ความสวยงามเก่าแก่เช่นนี้ทำให้ที่นี่ได้รับได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1992

จุดเด่นของเมือง เชสกี้ครุมลอฟ นอกจากบ้านและอาคารล้วนใช้หลังคาเป็นสีส้มแดง ก็คือ แม่น้ำวัลตาวา (Vltava River) ที่ไหลผ่านและคดเคี้ยวเหมือนรูปตัว S ไปตามเนินเขา มองลงมาจากมุมสูงเหมือนหยดน้ำดูแปลกตา และสวยงามกลายเป็นภาพจำที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง

สำหรับการเดินทางไปเมือง เชสกี้ครุมลอฟ ถ้าไปโดยรถไฟ จะเดินทางหลายต่อมาก แนะนำให้เลือกรถบัส มีรถบัสจากกรุงปรากไป สามารถขึ้นได้จาก 2 สถานีคือ ได้แก่ สถานี Na Knizeci อยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน Andel และสถานี Florenc โดยต้องจองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ก่อนใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง มีรถให้เลือกหลายบริษัททั้ง Regiojet, Flixbus หรือถ้าใครต้องการไปเที่ยวแบบ one day trip มีบริการ private car และทัวร์แบบ one day trip สามารถสอบถามจากที่พักที่คุณพักที่ปรากได้

จัตุรัส Old Town Square

เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเชสกี้ ครุมลอฟ ที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่ง นอกจากที่นี่จะเป็นที่ตั้งของที่ว่าการเมือง ที่มีจุดสังเกตอยู่คือ น้ำพุตรงกลางมีชื่อว่า Marian Column CeskyKrumlov มีรูปปั้นของพระแม่มารีและนักบุญ 8 องค์ นักบุญผู้อุปถัมภ์ของเมืองและผู้ปกป้องโรคระบาด ด้านบนมีรูปปั้นของ St. Wenceslas, St. Vitus, St. John Evangelist, St. Judas Thaddeus, และแถวล่าง St. Francis Xavier, St.Sebastian, St. Gaetano and St. Rochus. ที่เชื่อกันว่าช่วยคุ้มครองผู้คนในเมือง

ที่นี่เป็นเหมือนจุดนัดพบของนักเดินทางมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก ให้เราได้นั่งพักผ่อน อยู่รอบๆจัตุรัส และในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีทางเมืองมีการจัดงานใหญ่ที่เรียกว่า เทศกาลกุหลาบห้ากลีบ (Five-petalled Rose Festival) อาคารบ้านเรือนต่างๆ จะพร้อมใจกันประดับประดาอย่างสวยงาม ชาวเมืองจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบยุคกลางและยังมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็นการประลองบนหลังม้าแสดงละคร เต้นรำพื้นเมือง เป็นหนึ่งเทศกาลเล็กแต่น่ารักที่ไม่ควรพลาด

ปราสาทเชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov Castle)

เป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งที่ทุกคนต้องไป ปราสาทเชสกี้ครุมลอฟ เป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสาธารณรัฐเช็กมีอายุกว่า 700 ปี หอคอยสีชมพูตั้งเด่นเป็นสง่าเปรียบเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ตัวปราสาทสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13เป็นสไตล์การก่อสร้างแบบกอทิก เรอเนสซองซ์ และบาโรก เคยเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวของขุนนางชั้นสูงถึง 3 ตระกูล(Rosenberg, Habsburg และ Schwarzenberg) ก่อนจะตกเป็นสมบัติของรัฐบาลในที่สุดส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท คือ ส่วนของหอคอยปราสาท (Castle Tower) มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 แต่เดิมได้รับการออกแบบในสไตล์โกธิค เราสามารถชมบริเวณโดยรอบของปราสาท และสามารถขึ้นไปถ่ายรูปวิวมุมสูงของเมืองได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้าจะเข้าไปชมภายในปราสาทมีห้องต่างๆ หลายห้อง เช่น ห้องนอนของเจ้าเมือง ห้องนอนของอัศวิน ห้องรับรอง ห้องสวดมนต์ ห้องเต้นรำ เป็นต้น ต้องซื้อทัวร์เข้าชมปราสาท

สวนปราสาทเชสกี ครุมลอฟ (The Castle Garden)

สวนแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 17 ในปี ค.ศ. 1745 อยู่ทางทิศตะวันตกของปราสาท พื้นที่มากกว่า 11 เฮกเตอร์ ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สไตล์ Rococo และยังมีต้นโอ๊ก และต้นบีชขนาดใหญ่หลายต้นคอยให้ร่มเงาด้วย มีถนนเข้าสองทางที่นำมาจากประตูเมืองสวนแห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Royal Garden เพราะด้านบนเป็นเส้นทางที่ขุนนางสามารถเดินผ่านไปยังสวนของปราสาทจากปราสาทโดยตรงได้นั่นเอง เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.

สะพาน Cloak (Cloak Bridge)

สะพาน Cloak Bridge เป็นสะพานเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 เชื่อมต่อระหว่างพระราชวังกับสวน CastleGardens ของปราสาทและส่วนอื่นๆ จุดเด่นก็คือ เป็นสะพานที่มีหลังคาส่วนเสาของสะพานเชื่อมต่อลงไปถึงพื้นดิน บริเวณระเบียงจะเห็นวิวแบบ 360 องศา ที่ไม่ควรพลาด สำหรับสะพานแห่งนี้คือ ขึ้นไปชั้นบนจะมีจุดถ่ายรูปบนสะพานที่สามารถถ่ายรูปวิวที่มองเห็นเมืองได้ทั่วทั้งเมืองอีกแห่ง และยังสามารถมองเห็น โบสถ์ St vitus ที่เป็น
สัญลักษณ์อีกอย่างของเมืองด้วย

โบสถ์เซนต์วิตัส (Church of St. Vitus)

โบสถ์เซนต์วิตัส (St.Vitus) หรือชื่อในภาษาท้องถิ่นว่า Kostel Svatého Víta เชื่อกันว่า สร้างมาพร้อมกันตั้งแต่สมัยสร้างเมือง เป็นโบสถ์คาทอลิกก่อตั้งขึ้นในราวปี ค.ศ.1317 อายุกว่า 700 ปี โบสถ์ดั้งเดิมนั้นมีขนาดเล็ก Petr Ivon Rosenberg จึงตัดสินใจสร้างอาคารที่มีขนาดใหญ่ขึ้นการก่อสร้างอาคารใหม่จึงเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1340 ภายใต้คำสั่งของ Linhart of Aldenberg ผู้สร้างชาวเยอรมันต่อมาเจ้าของอาคาร Stanek แห่งเชสกี้ ครุมลอฟ ได้ทำการ
ต่อเติมโบสถ์ ในช่วงภายใต้การปกครองของ Jindrich III von Rosenberg ได้สร้างโบสถ์เซนต์วิตัสใหม่ให้มีความสูงส่งมากยิ่งขึ้น ผสมผสานศิลปะหลายสไตล์เข้าด้วยกันสะท้อนผ่านสถาปัตยกรรมและประติมากรรมทั้งภายในและภายนอกโบสถ์ ด้านหน้าโบสถ์ที่เป็นงานออกแบบสไตล์กอทิกและบาโรก มีจุดสังเกตอยู่ที่หน้าต่างขนาดยักษ์ที่สูงเท่ากับผนังด้านนอกของโบสถ์ และหอคอยนีโอโกธิครูปทรงแปดเหลี่ยมที่สร้างเพิ่มขึ้นมาในศตวรรษที่ 19 ด้านในโบสถ์ มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ทั้งจิตรกรรมฝาผนังรูปเซนต์แคทเธอรีน แท่นบูชาหลัก สไตล์บาโรกจากศตวรรษที่ 17 ประติมากรรมรูป St.Wenceslas นักบุญองค์อุปถัมภ์ของสาธารณรัฐเช็ก รวมถึงรูปนักบุญท่านอื่นๆ

โบสถ์เซนท์จอสท์ (St. Jost).

โบสถ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำวัลตาวา ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 14 มีอายุมากกว่า 700 ปีโดย Peter I. von Rosenberg ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลโรเซนเบิร์ก(Rosenbergs) ซึ่งตัวอาคารและศิลปะของตัวโบสถ์เป็นสไตล์โกธิคที่ได้รับการอนุรักษ์ ความสวยงามของที่นี่คือความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบและทัศนียภาพโดยรอบที่อยู่ติดกับแม่น้ำวัลตาวา โดยอาคารสองชั้นของโบสถ์ St.Jost ด้านบนเป็นหลังคาสูงซึ่งปกคลุมด้วยรางน้ำ และมีหอคอยที่มีโดมด้านบนสุด ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 โบสถ์ถูกสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์เรอเนซองส์โดย PeterWok von Rosenberg ตามสถาปนิก Domenico Benedetto Cometta แห่ง Eckthurn ส่วนในปัจจุบันโบสถ์เก่าแก่ของ St. Jost ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นกระบอก ร้านค้า และร้านอาหาร

หากได้มาสาธารณรัฐเช็ก เมนูประจำถิ่นที่อยากแนะนำคือ เมนูปลาเทราท์ (Trout) เป็นเมนูประจำท้องถิ่นก็ว่าได้ ปลาเทราท์เป็นปลาน้ำจืด อาศัยอยู่ในน้ำไหลและใสสะอาด เป็นที่นิยมบริโภคเนื่องจากมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว, โอเมกา 3 สูง ส่วนเนื้อปลาจะนุ่มหวาน โดยมากมักเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดและผักร็อกเก็ต โดยมีเลม่อนมาด้วย ความเปรี้ยวของเลเม่อนจะช่วยชูรสอาหารได้ดีขึ้น

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0