Relaxation in Taipei & Taoyuan ผ่อนคลายที่ไทเปและเถาหยวน

Story & Photo by Editiorial Staff

ณ วินาทีนี้ คงไม่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยคนไหนที่ไม่รู้จัก “ไต้หวัน” ดินแดนน้องใหม่ที่กำลังมาแรง ด้วยการเดินทางที่แสนสะดวกสบายใช้เวลาไม่นานจากกรุงเทพฯ สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายครบทุกรูปแบบทั้งธรรมชาติ อาหาร และแหล่งจับจ่ายใช้สอยค่าเงินก็ไม่ต่างจากเมืองไทยมากนัก จ่ายเงินทีก็ไม่ต้องสะดุ้ง จึงไม่แปลกที่หลายคนไปไต้หวันแล้ว ก็ยังอยากไปอีก

โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง เกาสง ไถจง หรือแม้แต่เมืองหลวงอย่างเช่น ไทเปเอง แต่ไม่ว่าจะไปอีกสักกี่รอบ ไทเปก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้ผ่อนคลายกันอีกหลายจุด รวมไปถึงเมืองข้างเคียงที่หลายคนอาจคุ้นหูและยังคุ้นเคยอย่างเช่นเมืองเถาหยวน ครั้งนี้ผมจะพาบินลัดฟ้าไปพักผ่อนกับหลายจุดของสถานที่ท่องเที่ยวในไทเปและเถาหยวนกันแบบ พิเศษ ทั้งที่เที่ยวที่กินที่ไม่ซ้ำใครและหลายมุมมองกัน

Taoyuan – New destination

เมืองเถา-ยฺเหวียน หรือเถาหยวน ที่เราเรียกกัน เป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติไต้หวันเถา-ยฺเหวียน ประตูที่จะเดินทางสู่ไทเป ไต้หวัน หลายคนเดินทางมาเถาหยวนแล้วเดินทางต่อเข้าเมืองหรือแม้กระทั่งเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆ แต่ผมอยากแนะนำว่าที่เมืองเถาหยวนแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่ตั้งสนามบินและเมืองผ่านเท่านั้นเถาหยวนยังมีอะไรน่าสนใจอีกมากมาย อยากให้คุณลองใช้เวลา 1 วันที่เถาหยวนดู

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีครบครัน เริ่มจากไหว้พระกันก่อนเลยที่ วัดต้าซี อิ๋งฟู่ ซงฉง (Daxi Gods of Wealth Temple) วัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเรื่องความมั่งคั่ง ร่ำรวย รวมไปถึงขอความรัก

การขอพรที่วัดนี้คือ ขอพรกับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้เลย มีพิธีกรรมเริ่มจากจุดธูปอธิษฐาน จากนั้นให้ตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างก้อนหยกรูปทรงเงินโบราณ 3 ขัน แล้วเอามือถูวนรอบ หยก 3 รอบ จากนั้นนำน้ำมนต์มาพรมหน้าผาก ไหล่ซ้าย ไหล่ขวา

จุดธูปถวายเครื่องบูชา อธิษฐานขอพรจากเง็กเซียนฮ่องเต้อีกครั้งด้วยความตั้งใจเสร็จแล้วโยนปัวะโป้ยเสี่ยงทายลุ้นรับเงินขวัญถุง ได้เงินเห็นๆ พร้อมใบสะเดาะเคราะห์กลับบ้าน

ไหว้พระเสร็จไปเที่ยวย่านเมืองเก่ากันบริเวณย่าน ถนนโบราณต้าซี (Daxi Old Street) ถ้าให้ได้อรรถรสผมแนะนำให้ลองเช่าชุดโบราณใส่ดู

อย่างผู้หญิงเขาก็จะมีชุดกี่เพ้าสวยๆ ให้เช่าแล้วเดินชมสถาปัตยกรรม จิบน้ำชาในย่านแห่งนี้

ไม่ต้องถามว่ามีมุมถ่ายรูปไหม เพราะเยอะเต็มไปหมดให้อารมณ์ฟินไม่หยอก อย่างที่วัยรุ่นชอบพูดกัน ไม่ไกลกันที่ห้ามพลาดคือ สะพานต้าซี (Daxi Bridge)

เป็นสะพานแขวนที่ได้รับอิทธิพลมาจากช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาปกครองไต้หวัน มีการออกแบบซุ้มประตูสะพานด้วยศิลปกรรมแบบบารอก เพื่อให้เข้ากับอาคารที่ถนนโบราณต้าซี

ชาวเมืองนิยมมาชมไฟตอนกลางคืน อีกทั้งที่นี่ยังใกล้กับย่านถนนโบราณที่มีแหล่งของกิน ของซื้อ ของฝากอีกด้วย

และหากคุณยังมีเวลาพออีกสักวันหรือเดินทางมากันเป็นครอบครัว ผมแนะนำให้ไปเที่ยว สวนสนุกเสี่ยวเหยินกว๋อ (Window on China Theme Park) หรือที่หลายคนมักเรียกสวนสนุกโดราเอมอนเพราะมีเครื่องเล่นและบ้านจำลองในธีมการ์ตูนเรื่องดังอย่างโดราเอมอนอยู่ภายในสวนสนุก

ด้านในแบ่งออกเป็น 3 โซนคือ เมืองจำลอง (Mini World หรือ Globetrot) ที่จำลองเมืองต่างๆ กว่า 133 แห่งทั่วโลกไว้ ต่อมาในปี 2008 ได้เปิดโซนที่สองสวนน้ำคลื่นจัมโบ้ (Jumbo Wave Water Park) สวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสดชื่นและสนุกไปกับกิจกรรมทางน้ำ

และโซนสุดท้ายคือโซนการแสดงใน Playhouse พื้นที่สำหรับชมการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยกตัวอย่างเช่น กายกรรมจีนแบบดั้งเดิม (Traditional Chinese Acrobatics) เป็นต้น

ที่นี่มีรถรางให้บริการจากโซนต่างๆ รถเข็นเด็กเล็กก็ขึ้นได้มีที่กั้นเพื่อความปลอดภัยระหว่างรถรางแล่นไป ค่าเข้ารวมเครื่องเล่นทั้งหมดราคาประมาณ 800 NTD ถ้าเป็นคนไทยจะลดราคาให้เป็นพิเศษ

แต่ถ้าหากไม่ชอบเล่นสวนสนุก ชอบทำกิจกรรมแล้วละก็ ให้ตรงไปที่นี่เลย โรงงานทำช็อกโกแลต (Republic of Chocolate)

ไม่ต้องอะไรมาก แค่คุณเดินเข้าไปภายในอาคารก็จะได้กลิ่นของช็อกโกแลตหอมฟุ้งไปทั่ว ด้านหน้ามีภาพวาดบนกำแพงขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็น 4 เรื่องราวในการเผยแพร่วัฒนธรรมการทำช็อกโกแลต

สำหรับส่วนของโรงงานผลิตก็มีทั้งส่วนงานผลิต พิพิธภัณฑ์ นิทรรศการความรู้เกี่ยวกับช็อกโกแลต และที่ผมคาดว่าคนรักกิจกรรมน่าจะชอบคือ โซนกิจกรรม DIY ที่ให้คุณได้ลองทำช็อกโกแลตเอง

ค่าทำกิจกรรมเพียง 350 NTD เท่านั้นก็ได้ช็อกโกแลตรูปแบบของตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีห้องกิจกรรมบนเรือโจรสลัดจำลองให้เด็กๆ ได้สนุกสนาน และมีห้องที่รองรับเด็กพิเศษ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลด้วย

ไม่ว่าคุณจะมีเวลา 1 วันหรือ 2 วันผมว่าเถาหยวนเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางใหม่สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อน ก่อนเข้าไทเป หรือแม้แต่ขากลับออกมาจากไทเปก็ตาม

Historism

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์แล้วละก็เชื่อได้ว่า สถานที่ท่องเที่ยวอย่างเช่นพิพิธภัณฑ์น่าจะเป็นเสมือนสวรรค์ของคุณก็ว่าได้ ที่ไทเปมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจหลายแห่งเริ่มจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติกู้กง (National Palace Museum) ย่านซือหลิน (Shilin District)

ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในที่สุดของพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่มากที่สุดในโลก ก็ว่าได้ เพราะที่นี่รวบรวมสิ่งของสำคัญทางประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุล้ำค่า และงานศิลปะกว่า 7 แสนชิ้นซึ่งนำมาจากพระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ทำในช่วงสงครามกลางเมืองของจีน

เนื่องจากมีของมากมายทางพิพิธภัณฑ์จึงมีการหมุนเวียนเปลี่ยนจัดแสดงชิ้นงานไปเรื่อยๆ ทุกๆ 3-4 เดือน งานที่เป็นที่กล่าวขวัญกันมากอยู่ที่ห้องจัดแสดงสิ่งมหัศจรรย์ นั่นก็คือหยกรูปผักกาด ที่เลือกชิ้นหยกที่มีสีขาวและเขียวมาสลักคล้ายผักกาด และมีแมลงเกาะกินใบ

และหินที่มีลักษณะชั้นลาย ซึ่งนำมาแกะเป็นเหมือนหมูสามชั้น เป็นต้น อีกหนึ่งสถานที่ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ก็คือ อนุสรณ์สถานซุน ยัต เซ็น (National Sun Yat-sen Memorial Hall) ย่านซินยี่ (Xinyi District)

ซึ่งอยู่ในย่านเดียวกันกับตึกไทเป 101 (Taipei 101) ที่รู้จักกันดี ที่นี่สร้างเพื่อระลึกถึง ดร.ซุน ยัต เซ็น บิดาของไต้หวัน

ตัวอาคารหลักเป็นอาคารทรงจีนหลังคาสีเหลือง ภายในอาคารประกอบด้วยจุดแสดงรูปปั้น ดร. ซุน ยัต เซ็น พร้อมกับการแสดงเปลี่ยนผลัดของนายทหาร พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด

และยังมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงต่างๆ ด้านนอกเป็นพื้นที่เปิดกว้างที่มีจัดเป็นสวนดอกไม้และน้ำพุรวมบริเวณกว่า 115,000 ตารางเมตร

จากสวนเราจะเห็นตึกไทเป 101 อยู่ไม่ไกลนัก ต่อด้วยอนุสรณ์สถานเจียงไคเชก (National Chiang Kai-shek Memorial Hall) เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของไต้หวันสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงอดีตประธานาธิบดี “เจียง ไคเชก” ผู้ซึ่งเป็นที่รักและศรัทธาของคนไต้หวัน

ที่แห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของไต้หวันและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม อันดับต้นๆ ของเมืองไทเป อนุสรณ์สถานนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 ใช้เวลาในการสร้างถึง 3 ปี

ภายในอนุสรณ์สถาน ประกอบไปด้วย 3 อาคารใหญ่ คือ Chiang Kai-Shek Memorial Hall, National Concert Hall และ National Theater ทุกอาคารล้วนมีสถาปัตยกรรมโดดเด่นสวยงาม สิ่งที่ห้ามพลาดคือการชมทหารเปลี่ยนเวรยามในทุกต้นชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.

Let’s go shopping

ภาพตลาดกลางคืนของไต้หวัน รวมถึงป้ายลดราคาที่ยั่วยวนชวนซื้อ เป็นหนึ่งในภาพจำของคนที่รักการจับจ่ายใช้สอย ข้าวของที่นี่ราคาไม่แพงเลย ทำให้ผมเองการจะซื้ออะไรสักอย่างในไต้หวันนั้นแสนสะดวกใจและง่ายต่อการเอาเงินออกมาจากกระเป๋าเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นย่านตลาดซีเหมินติง (Ximending) ย่านจงเจิง (Zhongzheng District) ซีเหมินติงคล้ายกับฮาราจูกุในประเทศญี่ปุ่น และสยามสแควร์ของประเทศไทย

เพราะเป็นแหล่งรวบรวมแฟชั่นหลากหลายของหนุ่มสาวชาวไต้หวัน และเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองไทเปด้วย

มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านขนม ห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงโรงแรมที่มาเปิดย่านนี้ มีตรอกซอกซอยเยอะแยะไปหมด

สำหรับขาช้อปเรียกได้ว่าที่นี่ช้อปทั้งวันก็ยังดูไม่หมด แต่ถ้าสำหรับคนที่ชอบใช้จ่ายกับเรื่องอาหารการกินแล้วละก็ แนะนำให้ไปที่ตลาดกลางคืนซือหลิน (Shilin Night Market) ย่านซือหลิน (Shilin District)

หนึ่งในตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน

ที่นี่มีสตรีตฟู้ดไต้หวันอร่อยๆ กับสินค้าแปลกตาน่าซื้อและน่ากิน

ตลาดจะแบ่งเป็นสองส่วน คืออาคารตลาดใหม่กับแผงลอยและร้านค้าต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ

ส่วนอาคารมีชั้นบนดิน 1 ชั้น กับชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ติดกับชั้นบนดินเป็นร้านอาหาร ส่วนสองชั้นลงไปเป็นลานจอดรถ

สำหรับอาหารที่นี่มีเยอะมาก ทั้งอาหารไต้หวันแบบต้นตำรับอาหารสตรีตฟู้ดกว่า 500 ร้าน เลือกชิมกันตามใจชอบ

Enjoy Eating

ว่ากันด้วยเรื่องของอาหารการกินในไทเปนั้น มีมากมายหลายอย่างดังที่กล่าวไป ทั้งอาหารสตรีตฟู้ด ร้านอาหาร หรือภัตตาคาร

แต่ผมอยากจะแนะนำร้านอาหารในไทเปที่มีความพิเศษมากกว่าอาหารที่ขายปกติ เพราะเป็นร้านที่เปิดมาเป็นเวลาที่ยาวนาน แถมราคาสามารถจ่ายได้ให้ได้ลิ้มลองกัน

เริ่มจากร้าน Guan Shi Yin Vegetarian Restaurant ร้านอาหารมังสวิรัติที่เปิดมานานกว่า 30 ปี เป็นหนึ่งในร้านอาหารมังสวิรัติที่มีชื่อเสียงมากในไทเปและไต้หวัน ความพิเศษของอาหารที่นี่คือ

การปรุงจากผักสดใหม่ให้รสชาติที่ดี บวกกับการตกแต่งที่สวยงามจนไม่รู้สึก ว่าเรากำลังกินผักอยู่เลย ที่สำคัญที่นี่มีอาหารมังสวิรัติ ทั้งแบบที่มีกลูเตน ไม่มีกลูเตน มีไข่ ไม่มีไข่ มีนม ไม่มีนม ครบทุกรูปแบบ

ต่อมาไปกันที่ร้านอาหาร Chiou Hwa ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Gloria Prince Hotel ในเครือ Prince Hotel ประเทศญี่ปุ่น

อาหารจานเด่นของที่นี่ยกให้กับซุปเต้าหู้ที่ถูกหั่นกว่าพันๆ ครั้งให้กลายแฉกราวกับดอกไม้บาน รับประทานแล้วสดชื่นไม่น้อย

และเป็ดปักกิ่งที่ด้านนอกมันวาว หนังกรอบ เนื้อในชุ่มฉ่ำ

อีกหนึ่งร้านที่เหมาะสำหรับครอบครัวนั่นก็คือ ร้าน Chen Family Restaurant เพราะที่นี่มีเสิร์ฟชาบูไต้หวัน หรือหม้อไฟไต้หวัน หนึ่งในเมนูที่เมื่อมาไต้หวันแล้วไม่ควรพลาดนั่นเอง

ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนดั้งเดิมที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1986

Sunset Point

การชมพระอาทิตย์ตกดินถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจได้ทั้งความสวยงาม ความโรแมนติก และความสงบ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ที่ไทเปเองก็มีจุดชมพระอาทิตย์ตกหลายจุด ที่ขึ้นชื่อไม่แนะนำไม่ได้ก็คงเป็น เขาเซี่ยงซานหรือเขาช้าง (Xiangshan or Elephant Mountain) แห่งย่านซินยี่ (Xinyi District)

เพราะจุดนี้จะเป็นจุดที่จะสามารถเห็นภาพมุมสูงของเมืองไทเป และความสวยงามของตึกไทเป 101 ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวและช่างภาพมักจะขึ้นมาเก็บภาพกันมาก การเดินทางให้ขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีแดง ลงที่สถานี Xiangshan ออกทางออกที่ 2 แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ผ่านสวนสาธารณะ (จะมีป้ายบอกทางไปตลอด) ที่นี่มีทางเดินขึ้นไปหลากหลายเส้นทาง ระยะทางก็จะมีจุดให้แวะพักเป็นระยะๆ ไม่ต้องกังวล และด้านบนสุดจะมีลานออกกำลังกายเล็กๆ สำหรับคนท้องถิ่นมาใช้บริการและมีลานชมวิว ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปมุมมหาชนนั่นเอง

ท่าเรือต้าเต้าเฉิง (Dadaocheng Wharf)

อยู่ในย่านต้าถง (Datong District) เราสามารถนั่งรถ MRT สายสีเหลืองลงสถานี Da Qiao Tou ออกทางออก 1 ได้ จากนั้นปักหมุดแล้วเดินมาเลยเป็นท่าเรือที่เคยรุ่งเรืองในอดีตเพราะอยู่ใกล้กับย่านการค้าสำคัญในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 แต่หลังจากที่ท่าเรือขนส่งสินค้าตั้มสุ่ย (Tamsui’s Fisherman Wharf) ถูกเปิดใช้งาน ความสำคัญของท่าเรือแห่งนี้ก็ลดลงไประดับหนึ่ง

ต่อมาเมื่อปี 2015 ทางรัฐบาลไต้หวันได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวมีการสร้างสวนสาธารณะ ทางจักรยานติดแม่นํ้า ทำให้ที่นี่กลับมาครึกครื้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะนอกจากจะมีจุดชมวิวสวยๆ แล้ว บ้านเรือนย่านนี้ก็มีความเก่าและเก๋ เหมาะกับการถ่ายรูปอย่างมากและในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี ท่าเรือนี้ยังเป็นที่จัดงานแสดงดอกไม้ไฟประจำปี (Dadaocheng Fireworks Festival) ที่จะจัดแสดงเหนือแม่น้ำตั้มสุ่ย (Tamsui River) อีกด้วย

ไม่ไกลจากท่าเรือนัก อีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์สวยๆ คือภาพของสะพานแห่งความรักตั้มสุ่ย (Tamsui Lover’s Bridge) เหตุที่เรียกว่าสะพานแห่งความรัก ก็เนื่องจากสะพานแห่งนี้เปิดทำการวันแรก ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2003 ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์นั่นเอง ทำให้เป็นที่นิยมของคู่รัก แต่มีความเชื่อกันว่าหากคู่รักคู่ไหนมาข้ามสะพานที่นี่ด้วยกันแล้วมีอันต้องเลิกรากันทุกคู่ซะงั้น MRT สายสีแดง ลงที่สถานี Tamsui ได้เลย

ขอขอบคุณ : สำนักการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ (Taiwan Tourism Bureau Bangkok)

เชื่อเถอะ ไม่ว่าคุณเป็นคนที่ต้องการการพักผ่อนรูปแบบไหนก็ตามไม่ว่าสายธรรมชาติ สายสถาปัตยกรรม สายประวัติศาสตร์ สายกิน สายช้อป ที่นี่ไต้หวัน มีทุกสิ่งที่ตอบโจทย์ของทุกความต้องการอย่างแน่นอน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0