วันตรุษจีน 2568
วันตรุษจีน” หรือ “วันปีใหม่จีน” เดิมทีไม่ได้เรียกว่าเทศกาลตรุษจีน แต่มีชื่อเรียกว่า “ซุ่ย”, “เหนียน” และ “วันชุงเจ๋” ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก (คริสต์มาส ) ประเพณี พิธีกรรม ความเป็นมาของการฉลองตรุษจีนนั้น มีมานานมากกว่า 100 ปี เล่าว่าเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ชาวจีนเลยกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิในทุกปี เป็น “เทศกาลเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิ” จนกลายมาเป็น “เทศกาลวันตรุษจีน” ในปัจจุบัน และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน
การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน มีการซื้อของต่าง ๆ มาเพื่อประดับตกแต่งบ้านเรือน พร้อมทั้งเตรียมทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดและปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไป รวมถึงประตูหน้าต่างจะถูกประดับประดาด้วยการแปะกระดาษสีแดงที่มีคำอวยพรให้ “อายุยืน ร่ำรวย อยู่ดีมีสุข” จากนั้นก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงและร่วมฉลองกินอาหารมื้อค่ำกันทั้งครอบครัว
สำหรับปี 2568 ตรงกับวันอะไร
ปฏิทินวันตรุษจีน 2568 หรือ ค.ศ. 2025

วันที่ 27 มกราคม เป็นวันจ่าย
วันจ่าย หรือ “วันตื่อเล็ก” ถือเป็นวันแรกของการเริ่มต้นวันตรุษจีน โดยวันดังกล่าวสมาชิกในบ้านที่รับหน้าที่ดูแลอาหารในครัว จะต้องไปหาซื้ออาหาร ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ มาเตรียมพร้อมไว้ ก่อนที่ร้านค้าต่าง ๆ จะหยุดยาวในช่วงวันตรุษจีน
วันที่ 28 มกราคม เป็นวันไหว้
วันไหว้หรือวันสิ้นปี เป็นวันที่ทุกคนจะทำการไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ด้วยอาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ ที่ซื้อเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะตรงกับวันสิ้นปี นอกจากวันนี้จะถือว่าเป็นวันสิ้นปีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมของครอบครัวและเครือญาติที่จะต้องมารวมตัวกันหรือนัดกันออกไปกินข้าวมื้อเย็นร่วมกัน และจะต้องมีเมนู “เกี๊ยว” อยู่ในมื้อนั้นด้วย เพราะเชื่อว่าการกินเกี๊ยวในมื้อวันสิ้นปีรวมกันจะทำให้มีเงินมีทองใช้ตลอดปี ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อว่ารูปร่างของเกี๊ยวนั้นเหมือนกับรูปทรงเงินของจีนนั่นเอง
วันที่ 29 มกราคม วันตรุษจีน เป็นวันเที่ยว
วันตรุษจีน : วันเที่ยว วันปีใหม่ หรือวันตรุษจีนนั่นเอง เพื่อความเป็นมงคลกับชีวิตจะนิยมทานมื้อแรกของวันนี้ด้วยอาหารเจ ด้วยความเชื่อที่ว่าทานเจมื้อนี้ก็จะเหมือนกันการได้ทานเจตลอดทั้งปี เป็นวันที่ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สดใสสวยงาม ใส่เสื้อสีแดง งดสีขาวดำ และพากันออกไปท่องเที่ยว หรือไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ โดยเฉพาะบรรดาลูกหลานจะนิยมเดินทางนำเอาส้ม 4 ผลไปแลกกับทางญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ แล้วส่วนมากผู้ใหญ่ก็มักจะให้ซองแดง หรืออั่งเป่าไปให้กับเด็ก ๆ พร้อมทั้งถือเคล็ดต่าง ๆ ตามธรรมเนียม เช่น งดทำบาป ไม่ด่าทอ ไม่พูดคำหยาบ และไม่คิดร้ายต่อกัน เพื่อความเป็นสิริมงคล
อาหารที่ใช้ในวันไหว้

เนื้อสัตว์ต่าง ๆและกับข้าว : ควรมีเนื้อสัตว์ครบ 3 ประเภท คือ สัตว์มีกีบที่เท้า สัตว์มีปีก และสัตว์มีคีบ ยกตัวอย่างเช่น หมูสามชั้น (ความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้) ไก่เต็มตัว (ความสง่างาม ยศ และความขยันขันแข็ง ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน) , เป็ด (สิ่งบริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย) , ปลาหรือปลาหมึกแห้ง (เหลือกินเหลือใช้ อุดมสมบูรณ์) ,บะหมี่ยาวหรือหมี่ซั่ว หรือฉางโซ่วเมี่ยน ( อายุยืนยาว) , – สาหร่ายทะเลสีดำ (ความมั่งคั่งร่ำรวย) , หน่อไม้ (การอวยพรให้ร่ำรวยผาสุก)
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง คือ เต้าหู้ขาว เนื่องจากสีขาว คือ สีสำหรับงานโศกเศร้า
ขนมไหว้ตรุษจีน : ฮวกก้วยหรือขนมถ้วยฟู (ความเพิ่มพูนรุ่งเรือง เฟื่องฟู), ขนมสาลี่ (รุ่งเรือง เฟื่องฟู), ขนมไข่ (ความเจริญเติบโต) , หมั่วโถวและซาลาเปา (ไหว้เพื่อให้เปาไช้ แปลว่า ห่อโชค), ขนมเข่ง (ความหวานชื่น ราบรื่นในชีวิต ขนมเข่งที่ใส่ในชะลอม หมายถึง ความหวานชื่นอันสมบูรณ์) และขนมเทียน (หวานชื่น ราบรื่น รูปลักษณ์เป็นกรวยแหลมมีลักษณะเป็นมงคลเหมือนเจดีย์)
รวมไปถึง จันอับ (จั๋งอั๊บ) หมายถึง ปิ่นโต หมายถึงความหวานที่เพิ่มพูน มีความสุขตลอดไป ใช้ไหว้เจ้าได้ทุกประเภท ประกอบด้วยขนม 5 อย่าง คือ เต้ายิ้งปัง คือ ขนมถั่วตัด, มั่วปัง คือ ขนมงาตัด, ซกซา คือ ถั่วเคลือบน้ำตาล, กวยแฉะ คือ ฟักเชื่อม และโหงวจ๊งปัง คือ ขนมข้าวพอง
ผลไม้: ส้มสีทอง (ความสวัสดีมหามงคล), กล้วย (กวักโชคลาภเข้ามา และขอให้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง) , สับปะรด (จีนเรียกว่า “อั่งไล้” แปลว่า มีโชคมาหา) , องุ่น (ความเพิ่มพูน) , แอปเปิล (ความสันติสุข สันติภาพ) , ทับทิม, สาลี่ (โชคลาภ ไม่นิยมไหว้บรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ) , และแก้วมังกร *ไม่ควรใช้ผลไม้ที่มียาง มีหนาม และมีสีดำ
เครื่องดื่มไหว้ตรุษจีน : น้ำชาหรือเหล้าจีน *จำนวนถ้วยตามจำนวนบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป
ข้าวสวย : ข้าวสวยใส่ชามพร้อมตะเกียบ *จำนวนชุดตามจำนวนบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป
เครื่องไหว้อื่น ๆ : กระดาษเงิน, กระดาษทอง, ธูป (จำนวนธูปไหว้คนละ 3 ดอก), อ่วงแซจี๊ (ใบเบิกทางให้บรรพบุรุษมารับของไหว้), อิมกังจัวยี่ (แบงก์กงเต็ก) และเสื้อกระดาษกงเต็ก
ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน : สิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ห้ามทำช่วงตรุษจีน
บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี
สิ่งที่ควรทำ
ทำความสะอาดบ้าน : ควรเตรียมทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ให้สะอาด เรียบร้อย และไม่รกรุกรัง เพราะเชื่อว่าเป็นการปัดเป่าสิ่งไม่ดีของปีเก่าออกไป พร้อมต้อนรับสิ่งดี ๆ ของปีใหม่เข้าบ้าน *แต่ต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนถึงวันตรุษจีนเท่านั้นนะ
ตกแต่งบ้านให้สวยงาม : ตกแต่งประดับประดาบ้านด้วยของที่มีสีมงคลอย่าง “สีแดง” หรือ “สีทอง” เช่น โคมไฟ หรือกระดาษฟู เพราะเชื่อว่าเป็นการเสริมความมงคลและขับไล่สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ออกไป แถมเป็นการขอพรให้อายุยืนยาว ร่ำรวยเงินทอง และชีวิตดีมีความสุขอีกด้วย

ใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี
เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี โดยมีธรรมเนียมคือ ผู้ใหญ่ที่ผ่านการแต่งงานมาและทำงานมีรายได้แล้ว จะมอบซองสีแดง(ที่มีเงินจำนวนหนึ่งข้างใน) ให้กับเด็กๆที่มีอายุต่ำกว่า หรือยังไม่ได้ทำงาน พร้อมกล่าวสวัสดีปีใหม่ ซึ่งสีแดงของอั่งเปานั้นมีความหมายถึงโชคดี และเงินที่ใส่ในซองอั่งเปานั้น มักจะมีจำนวนเป็นเลขนำโชคของจีนนั่นคือเลข 8

สิ่งที่ห้ามทำ
ไม่ควรทำงานบ้าน : เพราะการทำงานบ้านต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนจะเป็นเหมือนการขับไล่ความโชคดีออกไป *คนจีนเลยจะต้องทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อยก่อนช่วงตรุษจีน
ไม่ควรสระผม : คนจีนถือว่าการสระผมเป็นการชะล้างความโชคดีที่จะมาถึงในช่วงวันขึ้นปีใหม่
ไม่ควรใช้ของมีคม : ไม่ว่าจะเป็นมีด กรรไกร หรือที่ตัดเล็บ เพราะเหมือนกับว่าเป็นการตัดสิ่งที่ดีหรืออนาคตที่ดีที่จะนำมาในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ไม่ควรพูดคำหยาบและคำที่ไม่เป็นมงคล : ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่
ไม่ควรร้องไห้ : ไม่ควรร้องไห้ในวันขึ้นปีใหม่ เพราะมีความเชื่อว่าหากร้องไห้ในวันนี้ จะต้องมีเรื่องให้เสียใจไปตลอดทั้งปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฏิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน
ไม่ควรซักผ้าและล้างจาน : ห้ามใช้น้ำเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกในวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งน้ำกำเนิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นการซักผ้าและล้างจานในวันนี้ จึงเหมือนเป็นการลบหลู่เทพเจ้านั่นเอง ระวังซุ่มซ่ามหรือทำของแตก : ชาวจีนถือว่าการเดินสะดุด หรือทำสิ่งของตกแตกในช่วงวันขึ้นปีใหม่ หมายถึงการงานสะดุด และนำความโชคไม่ดีเข้ามาในอนาคต *แต่ถ้าหากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้แก้เคล็ดโดยการพูดคำว่า “ลั้ว ตี้ คาย ฮวา”
15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน
- วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน
- วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด
- วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน
- วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย
- วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข
- วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ
- วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์
- วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้
- วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย
- วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน

คำอวยพรตรุษจีน
ยกตัวอย่างเช่น
“新正如意 新年发财”
“ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” หรือที่ชาวจีนแต้จิ๋วจะออกเสียงว่า “ซิงเจี่ยอยู่อี่ ซิงนี้ฮวกใช้” และในภาษาจีนกลาง หรือจีนแมนดาริน ออกเสียงว่า “ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ”
ความหมายว่า คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนาในวันปีใหม่ มีแต่ความสุขมั่งคั่ง โชคดีร่ำรวยตลอดปี
“招财进宝” “เจาไฉจิ้นเป่า”
หมายความว่า เงินทองไหลมาเทมา ทรัพย์สมบัติไหลเข้าบ้าน