Havana Cuba, So cute
Story by Editorial Staff
ภาพของรถยนต์ยุค 60’s สีแดงสดที่จอดอยู่เบื้องหน้าของอาคารสีพาสเทล เป็นเสมือนการ์ดเชิญที่ชักนำให้ผมข้ามนำข้ามทะเลสู่เมืองฮาวานา ประเทศคิวบาแห่งนี้การเดินทางมาคิวบายังไม่มีสายการบินที่ให้บริการบินตรงจากเมืองไทย แต่ก็มีหลายสายการบินที่บินมาจากเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของยุโรปสู่สนามบินโฮเซ มาร์ติ (Jose Marti Airport) ได้อย่างสะดวกสบายทีเดียว
คุณก็จะสามารถมาสูดกลิ่นอายของรถยนต์คลาสสิกเบื้องหน้าตึกสีพาสเทลได้ เมืองหลวงของประเทศคิวบาคือกรุงฮาวานา หรือ ลาอาบานา (La Habana) นอกจากเป็นเมืองหลวงแล้วที่นี่ยังเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของคิวบาอีกด้วย
ลงเครื่องปุ๊บ ผมก็มุ่งหน้าสู่ย่านรวมพลคนเดินทางกันเลย บริเวณเมืองเก่าของฮาวานา ที่เรียกว่า ย่านคาซาบลันคา Casa Blanca (Statue of Jesus Christ) เป็นย่านเมืองเก่าที่มีชื่อเสียงเรื่องประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม ตัวเมืองเก่าและป้อมปราการที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1982 แรกสุดให้ไปตั้งหลักกันที่อาคารรัฐสภาเอลกาปิโตลิโอ (El Capitolio) รูปโคมที่อยู่ตรงจัตุรัสใจกลางเมืองกัน
คล้ายกับอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตันดีซีของสหรัฐอเมริกาเพราะไม่ว่าจะมาทัวร์ มาคนเดียว หรือจอยทัวร์ก็มักจะเริ่มต้นจากที่นี่กันทั้งนั้น ที่นี่สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1926 โดยเป็นที่ทำการของรัฐบาลคิวบาจนถึง ค.ศ. 1959 ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งคิวบาและหอสมุดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติในปัจจุบัน อาคารนี้ตั้งอยู่บริเวณถนนมาร์ตี (Paseo de Martí) ทางด้านใต้ในย่านฮาวานาตอนกลาง เดิมเคยเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดจนถึงปี 1950 ถูกตึกที่พักชื่อ FOCSA ทำลายสถิติไป
ด้านหน้าของอาคารรัฐสภาจะเห็นรถแท็กซี่คลาสสิกสีสันสดใสจอดรอลูกค้าเรียงเป็นแถว ใครอยากลองนั่งก็มาขึ้นตรงนี้ได้เลย ใกล้ๆ กันนั้นเป็นโรงละครกรานเตอาโตร เด ลาอาบานา (Gran Teatro de laHabana) เป็นโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในคิวบา
เป็นศูนย์รวมชาว Galician ที่อพยพมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรียหรือสเปน เยื้องๆ กันกับอาคารรัฐสภาคืออาคารบ้านเก่าที่ทาสีฟ้า สีชมพูพาสเทลเรียงหน้ากระดาน ที่นี่เองที่เป็นแม่เหล็กตัวโตที่ดึงผมให้มาที่คิวบาแห่งนี้ผมเดินเข้าไปในซอยตรงข้ามรัฐสภาไปสักพักพอเหงื่อออกประมาณ 15 นาที ก็เริ่มเห็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่ตรงกลางเมืองเก่า
ที่นี่เรียกว่าพลาซ่าเบียฆา (Plaza Vieja) จัตุรัสแห่งนี้สร้างตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 16 มีความโดดเด่นในเรื่องความหลากหลายทางสถาปัตยกรรมมากที่สุดแห่งหนึ่ง คุณจะเห็นอาคารสไตล์โคโลเนียล ตั้งอยู่เคียงข้างกับอาคารแบบบารอก (Baroque Style) นีโอคลาสสิก (Neoclassic Style) เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวได้อย่างประหลาดมาที่นี่อย่าลืมดื่มด่ำกับค็อกเทลโมฮิโต้ (mojito) ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เป็นการเร่งเครื่องท่องเที่ยวกัน
สำหรับย่านเมืองเก่าของฮาวานา (Old Havana) ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1519 โดยชาวสเปนปัจจุบันแม้อาคารหลายหลังจะชำรุดทรุดโทรมบ้างแต่ยังพอเห็นเค้าโครงของความสวยงามและรุ่งเรือง ข้างหน้าผมเห็นน้ำพุหินอ่อนจากเมืองคาร์ราราสีขาวเด่นเป็นสง่าอยู่ เด็กๆ และผู้คนเดินผ่านไปมาพบปะพูดคุย บางคนก็เอื้อมมือไปสัมผัสสายน้ำที่พุ่งทะยานอยู่ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น
ศิลปินหลากหลายแขนงออกมาวาดลวดลายศิลปะในแบบของตัวเอง การได้มานั่งชมผู้คนที่เดินผ่านไปมาจากร้านกาแฟที่อยู่รายล้อมจัตุรัส พร้อมกับมองสถาปัตยกรรมเป็นการท่องเที่ยวแบบเรียบๆ ที่ผมชอบเป็นที่สุด บ่อยครั้งคุณจะได้ยินเสียงเพลงจังหวะคิวบาลอยมากับสายลมเป็นระยะ บริเวณนี้มีโบสถ์สำคัญโบสถ์หนึ่งชื่อ Basillica Menor de San Francisco de Asis ด้านข้างของโบสถ์จะมีรูปปั้น Jose Maria Lopez Lledin ที่เรียกว่า EI Caballero de Paris ซึ่งศพของเขานั้นถูกฝังอยู่ที่โบสถ์นี้นั่นเอง ในย่านเมืองเก่านี้เดินไปอีกประมาณ 500 เมตร 5-6 นาทีจะเห็นอีกหนึ่งจตั ุรัสอย่ใูจกลางเขตเมืองเก่า นั่นก็คือ จัตุรัสพลาซ่าเดอาร์มาส (Plaza De Armas) จัตุรัสนี้เป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองฮาวานาสร้างตั้งแต่ช่วงต้น ค.ศ. 1500 ในชื่อพลาซ่าเดลาอิเกลเซีย เมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นสถานที่สวนสนามและสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองที่โอ่อ่าภูมิฐาน แต่ในปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักช้อปหนังสือมือสองและภาพวาดต่างๆ เลยทีเดียว ใจกลางจัตุรัสมีรูปปั้นหินอ่อนของคาร์ลอส มานูเอล เดอ เซสเปเดส (Carlos Manuel de Cespedes) ผู้นำสงครามอิสรภาพของคิวบาที่ต่อสู้กับสเปน ตรงทางเดินระหว่างรูปปั้นจะมีสวนที่ประดับประดาไปด้วยนhำพุ เห็นบางคนนั่งหลบร้อนอยู่บนม้านั่งใต้ร่มเงาต้นปาล์ม
ใครเป็นหนอนหนังสือก็ยิ้มกริ่มไปกับแผงหนังสือรอบๆ จัตุรัส ฝั่งตะวันออกของจัตุรัส จะเห็นโรงแรมระดับ5 ดาว เดิมเป็นคฤหาสน์ของเคานต์แห่งซานโตเวเนีย (Palacio del Conde de Santovenia) ข้างๆ กันนั้นคือเอลเตมเปลเต อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติที่ก่อตั้งเมืองฮาวานา ข้างๆ กับจัตุรัสจะเป็นป้อมเรอัลฟูเอร์ซา (Castillo de la Real Fuerza) หากมองจากท่าเรือในมุมสูงจะเห็นป้อมปราการมีรูปร่างคล้ายดาว
เดิมสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากโจรสลัด แต่ไม่ได้ใช้ตามวัตถุประสงค์เพราะตั้งอยู่ห่างไกลจากอ่าว ป้อมนี้จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นคลังเก็บสิ่งของมีค่าแทน ลักษณะเด่นที่ยอดแหลมสี่ต้น รวมถึงสะพานชักที่ทอดข้ามคูน้ำและกำแพงหินปูนหนาสูงกว่า 10 เมตร ด้านในเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโมเดลเรือและวัสดุโบราณหลากหลายชนิดที่ได้รับการกู้มาจากซากเรือที่อับปาง
จากป้อมมองข้ามคลองไปจะเห็น Cristo de la Habana (Chirst of Havana) รูปปั้นพระเยซูคริสต์คล้ายกับที่รีโอ เดจาเนโรของบราซิลอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจในย่านนี้คือ อาสนวิหารฮาวานา (Catedral de San Cristóbal de la Habana)
หรือที่รู้จักกันในนามของมหาวิหารเวอร์จินแมรีแห่งสมโภช ที่นี่เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์บารอกที่สวยงามอลังการแห่งหนึ่ง ว่ากันว่าที่นี่เป็นที่บรรจุร่างของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสถูกบรรจุไว้ที่อาสนวิหารแห่งนี้ระหว่าง ค.ศ. 1796 – 1898 ก่อนที่จะนำไปที่อาสนวิหารเซบิลล์ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่เคยมีการพิสูจน์มาก่อน หากสังเกตจะเห็นว่าวัตถุที่ก่อสร้างเป็นปะการังเป็นจำนวนมากสังเกตได้จากซากพืชและสัตว์ที่กลายเป็นฟอสซิลในผนังหิน อาสนวิหารฮาวานาเปิดให้เข้าชมทุกวันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าคุณต้องการขึ้นไปบนหอคอย ต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย เราจะเห็นวิวทิวทัศน์ของมุมสูงที่สวยงามของคิวบา
อีกหนึ่งจัตุรัสที่ทัวร์นิยมพามาชมกันคือ จัตุรัสซานฟรานซิสโก (Plaza de San Francisco) ซึ่งหันหน้าเข้าหาท่าเรือ เป็นจุดหนึ่งที่สามารถมองเห็นอ่าวจอดเรือที่สวยงามได้ รอบจัตุรัส มีร้านกาแฟให้นั่งดื่มด่ำไปกับผู้คนและการแสดงของศิลปิน เดิมที่นี่เป็นสถานที่ในการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้า และเป็นที่เก็บสินค้าในการค้าขายทางเรืออีกด้วย รอบข้างจะเห็นอาคารที่ได้รับการบูรณะอย่างดีมีหอคอยสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของทะเลฮาวานา ขณะที่หลายคนกำลังชื่นชมทางทะเล บางคนกลับชื่นชมกับน้ำพุแห่งสิงโต (Fuente de los Leones) อันน่าทึ่ง ซึ่งทำจากหินอ่อนสีขาวและมีอายุย้อนได้ถึง ค.ศ. 1836จากฝั่งเมืองเก่า สู่ฝั่งเมืองใหม่แห่งกรุงฮาวานา (Modern Havana)อันเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญเพื่อย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์ของคิวบา
อย่างเช่น อนุสรณ์สถานโฮเซ มาร์ติ (Jose Marti Memorial) อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับวีรบุรุษชาวคิวบา ผู้ซึ่งเป็นทั้งนักปรัชญา กวีและนักเขียนบทความ งานเขียนของท่านมีอิทธิพลต่อการสนับสนุนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของคิวบาจากสเปนในช่วงปลาย ค.ศ. 1800 ท่านได้พลีชีพในสมรภูมิรบใน ค.ศ. 1895 ก่อนที่จะบรรลุเป้าหมายสูงสุด อนุสรณ์สถานที่สร้างเป็นรูปปั้นสีขาวตั้งอยู่บนแท่นยก โดยมีความสูง 17 เมตร ด้านหลังเป็นตึกสูง 109 เมตร ที่สร้างขึ้นเป็นรูปดาวห้าแฉกอันเป็นสัญลักษณ์แสดงจุดสูงสุดของเสรีภาพ
ใกล้กันคือ จัตุรัสแห่งการปฏิวัติคิวบา (Revolution Square) และ จัตุรัสแห่งเกียรติยศ (Dignity Square) เราจะได้ชมประติมากรรมโลหะขนาดใหญ่กว่าของจริงที่ส่องสว่างทาบทากำแพงของอาคารสองหลังใกล้ๆ ลานสาธารณะ
ภาพเงาของวีรบุรุษการปฏิวัติของคิวบา เอร์เนสโต เกวารา (Ernesto Guevara) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เช เกวารา (Che Guevara) บนอาคารกระทรวงมหาดไทย และกามิโล เซียนฟูเอกอส บนอาคารกระทรวงการสื่อสาร
ที่พลาดไม่ได้คือ ถนนมาเลคอน (Malecon) ถนนเลียบชายฝั่งที่มีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร ยามช่วงเย็นๆ การได้นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วมองดูผู้คนที่ออกมาทำกิจกรรมต่างๆ อย่างคึกคัก
ไม่ว่าจะเป็นการสังสรรค์ ตกปลา ลงเล่นน้ำ หรือแค่มองภาพรถยนต์สีสันสดใสยุค 90 ที่วิ่งไปาริมถนนเลียบชายฝั่ง เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่พลิกภาพคิวบาในความคิดใครหลายๆ คนรวมถึงผม อย่างที่บอกคิวบามีความน่ารักที่น่าแวะมาเยือนเป็นอย่างมาก
– ไปเที่ยวคิวบา สามารถขอวีซ่าได้ที่สถานทูตคิวบา ชั้น 3 อาคารมีล่าแมนชั่น ซอยสุขุมวิท 27
– ในปัจจุบันคิวบามี 2 สกุลเงิน คือ กุ้ก (C.U.C. – Convertible Pesos) คือเปโซ ที่แปลงเป็นสกุลเงินอื่นได้ซึ่งมีค่าคล้ายกับดอลลาร์สหรัฐฯ ใช้สำหรับซื้อสินค้าอื่นๆ ทั่วไป เช่นเสื้อผ้า และสินค้าฟุ่มเฟือย นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศคิวบามีสิทธิ์ที่จะแลกเงินสกุล C.U.C. ได้เท่านั้น อีกหนึ่งสกุลคือ เปโซของประเทศหรือ กุ้บ (C.U.P.) ซึ่งเป็นสกุลเงินท้องถิ่นและมีค่าตำกว่ามาก เป็นเงินที่รัฐฯ ให้การสนับสนุนสัดส่วนการประทังชีวิต เช่น อาหารหรือสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เวลาจะแลกเงินแนะนำให้ทำที่ธนาคารหรือสนามบินเท่านั้นเพื่อทราบว่ากำลังแลกเปลี่ยนเงินสกุลอะไรจะได้ไม่ผิดพลาด
– ในคิวบา สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่ค่อยดีนัก โปรดพิมพ์กำหนดการเดินทางของคุณ เบอร์ติดต่อ ที่อยู่ และแผนที่ที่คุณจำเป็นต้องมีก่อนเดินทาง