Relaxation time in Giethoorn Village

สำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศยุโรปแบบชนบท อากาศดี วิวสวยและไม่มีมลพิษ ที่ที่สามารถท่องเที่ยวและพักผ่อนอย่างสงบเรียบง่ายได้อย่างเต็มที่แล้วละก็ ผมว่าหมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn Village) ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือที่เรียกกันว่า ฮอลแลนด์ น่าจะเหมาะกับคุณ ที่นี่มีคนเรียกหลายสมญานาม ไม่ว่าจะเป็น “หมู่บ้านไร้ถนน” หรือ “เวนิสเนเธอร์แลนด์” (Venice of The Netherlands) ด้วยเพราะที่นี่มีคูคลองลัดเลาะทั่วทั้งหมู่บ้านและไม่มีถนนให้รถคันใหญ่วิ่ง มีทางเท้าเล็กๆ ที่ลัดเลาะรอบคูคลองให้คนเดิน หรือจักรยานปั่นไปมาเท่านั้น

หมู่บ้านกีธูร์น ตั้งอยู่ในจังหวัดโอเฟอไรส์เซิล (Overijssel) ระหว่างเมืองซโวลเลอ (Zwolle) และเมืองสตีนวิก (Steenwijk) ห่างจากเมืองสตีนวิกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร สามารถเดินทางมาที่นี้ได้สะดวกจากกรุงอัมสเตอร์ดัมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที โดยรถยนต์ หรือจะนั่งรถไฟมาตั้งต้นที่เมืองซโวลเลอจากนั้นนั่งรถโดยสารประจำทางสาย 70 มายังที่นี้ โดยลงที่สถานี Bushalte Dominee Hylkemaweg และเดินเข้าไปยังหมู่บ้านได้เลย บางคนก็เลือกที่จะท่องเที่ยวเมืองซโวลเลอ (Zwolle) ซึ่งเป็นเมืองชุมทางรถไฟก่อนครึ่งวันแล้วมาต่อที่นี่หมู่บ้านกีธูร์นอีกครึ่งวัน และมีจำนวนไม่น้อยที่เลือกมาพักที่ห้องพักแบบ B&B ที่หมู่บ้านแห่งนี้

เล่ากันว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกค้นพบโดยชาวเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อปี ค.ศ. 1230 ชื่อของ Giethoorn มีต้นกำเนิดมาจากการค้นพบซากเขาแพะ (gietehorens) กองอยู่เต็มไปหมดเขาจึงได้ตั้งชื่อว่า “เกย์เธนฮอร์น” ซึ่งหมายถึง “เขาแพะ” แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็ออกเสียงเพี้ยนจนกลายมาเป็น “กีธูร์น” นั่นเอง ส่วนที่มีแม่น้ำลัดเลาะไปตามหมู่บ้านเต็มไปหมด ก็เพราะว่าที่นี่ในอดีตเคยถูกใช้เป็นเหมืองขุดถ่านหินเลนมาก่อน และรูที่ถูกขุดนั้นก็กลายมาเป็นทางให้น้ำไหลเข้ามา และคนในสมัยก่อนก็ใช้สายน้ำเหล่านี้เป็นทางขนส่งถ่านหินเลนในที่สุด

จากนั้นหมู่บ้านกีธูร์น เริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เนื่องจากในปี 1958 หลังภาพยนตร์ตลกชื่อดังของผู้กำกับชาวดัตช์ เบิร์ท ฮานสตรา (Bert Haanstra) อย่างเรื่อง Fanfare ได้เลือกหมู่บ้านกีธูร์นเป็นสถานที่ถ่ายทำ เหมือนกับเป็นการเปิดตัวหมู่บ้านให้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น จนมีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเดินทางมาเยี่ยมชมความสวยงามของธรรมชาติ และสัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติกของหมู่บ้านแห่งนี้ หมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ราวๆ 2,600 คน ส่วนมากเป็นชาวไร่ที่มีฐานะดี บ้านแต่ละหลังมีการออกแบบและตกแต่งให้เป็น กระท่อมสไตล์ยุโรปแบบตะวันตกที่แสนน่ารักอบอุ่น กลายมาเป็นเอกลักษณ์ที่แสนมีเสน่ห์ของหมู่บ้านกีธูร์น ภายในหมู่บ้านมีคลองขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 7-8 กิโลเมตร ลึก 1 เมตร แทรกตัวไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านใช้เรือเป็นยานพาหนะในการสัญจรไปมาภายในหมู่บ้าน แม้กระทั่งพนักงานไปรษณีย์ก็ใช้เรือพายไปส่งจดหมาย ดูแปลกตาดี

การพายเรือเป็นที่นิยมของที่นี่มานาน มีเส้นทางพายเรือแคนูระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร หรือสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากล่องเรือชมหมู่บ้าน จะมีทั้งเรือเช่าไฟฟ้า ทั้งแบบส่วนตัว (Private) ให้นักท่องเที่ยวขับเรือเที่ยวกันเอง และเรือเช่าแบบสาธารณะ (Public) เป็นตั๋วเรือโดยสาร นั่งได้ประมาณ 20 คน โดยมีพนักงานขับให้เพื่อล่องเรือชมหมู่บ้าน มีเรือที่เรียกว่า เรือกระซิบ (whisper boats) เป็นเรือที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไม่ส่งเสียงดังมาก ราคานั่งเรือเริ่มต้นที่ประมาณ 20 ยูโร เปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น.

แต่ถ้าไม่ใช้เรืออยากจะเที่ยวหมู่บ้านไร้ถนนให้ครบทุกตรอกซอกซอยกว่านี้ ก็สามารถปั่นจักรยานได้ค่าเช่าจักรยานมีทั้งแบบเต็มวัน ครึ่งวันเริ่มต้นแค่ 5 ยูโรเท่านั้น หรือเดินลัดเลาะตามคูคลองรอบหมู่บ้านได้เช่นกัน ผ่านสะพานไม้สวยๆ ที่เป็นทางเชื่อมต่อไปมาในหมู่บ้านได้ ว่ากันว่าที่หมู่บ้านมีสะพานทอดไปมาเกือบ 180 สะพานเลยทีเดียวระหว่างทางก็จะพบกับร้านอาหาร คาเฟ่ริมน้ำบรรยากาศดีๆ ร้านขายของฝากของที่ระลึกเก๋ๆ สวยๆ

นอกจากบ้านเรือนน่ารักๆ โบสถ์ประจำหมู่บ้าน ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผลงานโบราณวัตถุ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาไม่ต่ำกว่า 100 ปี ที่ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งคลอง ยกตัวอย่างเช่น Het Olde Maat Uus Museum ที่นี่จะให้บรรยากาศบ้านไร่ของหมู่บ้านกีธูร์น เมื่อศตวรรษที่แล้วว่าเป็นอย่างไร พิพิธภัณฑ์เปิดวันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 11.00-17.00 น. และวันอาทิตย์เวลา 12.00 น. ค่าเข้าชม 4 ยูโร สำหรับผู้ใหญ่ และ 1 ยูโร สำหรับเด็ก พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกแห่งคือ Museum de Oude Aarde ซึ่งคุณสามารถพบกับอัญมณีและแร่ธาตุมากมาย ผู้ใหญ่เข้าได้ในราคา 3.50 ยูโรและเด็กราคา 2.50 ยูโร ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคมเปิดให้บริการเวลา 10.00-18.00 น. และระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคมเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00-17.00 น. สำหรับผู้ชายที่นี่เหมาะเลย The Histomobil เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมรถม้าและรถโบราณให้ชม หรือถ้าไม่ชอบดูพิพิธภัณฑ์ ที่หมู่บ้านยังมีกิจกรรมยิงธนู มินิกอล์ฟ หรือกิจกรรมสันทนาการสำหรับเด็ก ส่วนอีกด้านหนึ่งของหมู่บ้านมีทะเลสาบโบเฟนไวด์ (Bovenwijde lake) อันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งเป็นจุดแวะพัก ที่สามารถมานั่งปิกนิกเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศแห่งการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยได้ แนะนำเลยว่าถ้าได้มาเนเธอร์แลนด์ ให้ใส่หมู่บ้านกีธูร์นเข้าไปได้เลยไม่ผิดหวังแน่นอน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0