Croatia Adriatic Destinations – 3 เมืองสวย ริมทะเลอะเดรียติกแห่งโครเอเชีย

Story & Photo by เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง

เมื่อพูดถึงประเทศโครเอเชีย (Croatia) อาจจะยังใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่จริงๆ แล้วประเทศโครเอเชียนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางชาวตะวันตกมานาน แม้จะเป็นประเทศเกิดใหม่แต่กลับมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ยาวนานย้อนไปถึงสมัยโรมัน

จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกหลายแห่ง และยังมีธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดในโลก เป้าหมายของการเดินทางของฉันสู่โครเอเชียครั้งนี้ จึงเป็นการไปเยือนมรดกโลกสามแห่งที่ตั้งอยู่ริมทะเลอะเดรียติก (Adriatic sea)

Sibenik…A charming coastal city

เมืองซิบีนิค (Sibenik) เป็นเมืองเก่าที่ตั้งอยู่ปากแม่น้ำชายฝั่งทะเลอะเดรียติกอีกเมืองหนึ่งของโครเอเชีย เป็นเมืองเล็กที่ตอนแรกฉันตั้งใจให้เป็นแค่ที่แวะพักจากการนั่งรถบัสมาจากเมืองซาเกร็บ (Zagreb) ที่อยู่ทางตอนเหนือสู่เมืองชายทะเลทางตอนใต้ของประเทศ

แต่เมื่อมาถึงฉันกลับหลงรักเมืองนี้ตั้งแต่แรกเห็น ด้วยบรรยากาศที่แสนสงบ นักท่องเที่ยว ไม่เยอะจนเกินไป ชาวเมืองให้การต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรและอบอุ่น

ด้วยความเป็นเมืองท่ามาตั้งแต่สมัยโบราณ บริเวณเมืองเก่าที่อยู่ริมทะเลจึงได้รับอิทธิพลของศิลปะมาจากอาณาจักรใหญ่ๆ ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นกรีก โรมันหรือเวนิส บรรยากาศจึงละม้ายคล้ายกับเมืองเก่าริมทะเลของอิตาลี เพียงแต่อาจจะไม่อลังการเท่าซิบีนิคเป็นเมืองที่มีป้อมปราการเก่าแก่หลายแห่ง

แต่ไฮไลต์ของเมืองก็คือ มหาวิหารเซนต์เจมส์ (Cathedral of St.James) หนึ่งในเจ็ดมรดกโลกของประเทศโครเอเชีย ที่สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1536

ใช้เวลาสร้างร้อยกว่าปี ตั้งอยู่ตรงลานจัตุรัส TRG Republike Hrvatske ตรงข้ามกับศาลาว่าการเมืองเก่า ลักษณะเป็นโบสถ์สไตล์เรอเนสซองส์

หลังคาทรงโค้งสองระดับที่มียอดโดมอยู่ทางด้านหลังของโบสถ์ ตัวโบสถ์ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากแต่มีรายละเอียดสูง

การก่อสร้างมหาวิหารแห่งนี้ใช้เทคนิคการประสานของท่อนหินอ่อนแบบตัวต่อเลโก้ ไม่มีการใช้วัสดุซีเมนต์ในการประสานหินเหล่านี้เลย ถือเป็นเทคนิคการก่อสร้างชั้นสูงมากในสมัยนั้น

ภายในโบสถ์กำลังมีการบูรณะครั้งใหญ่จึงเป็นอุปสรรคในการถ่ายภาพและเดินชมได้ไม่ค่อยสะดวกนัก

อาคารบ้านเรือนของเมืองซิบีนิคไม่ได้อยู่บนพื้นราบแต่สูงขึ้นไปตามเนินเขา การเดินสำรวจเมืองจึงต้องปีนป่ายบันไดขึ้นไปตามซอกซอยแคบๆ

มีป้อมปราการเก่าแก่ (St. Michael’s Fortress) ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขาของตัวเมืองเก่าที่ก่อสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 บริเวณป้อมนี้มีการขุดพบวัตถุโบราณมากมาย

ปัจจุบันป้อมแห่งนี้กลายเป็นจุดชมวิวเมืองซิบีนิคมุมสูง ที่สามารถมองออกไปไกลได้รอบทิศ และยังใช้เป็นสถานที่จัดงาน จัดการแสดงละครและดนตรีของชาวเมืองด้วย แนะนำให้ขึ้นมาช่วงเย็นๆ เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตกจากบนนี้

Split…Refections of old time

หลังจากใช้ชีวิตช้าๆ ที่เมืองซิบีนิค ก็นั่งรถบัสต่อลงมาทางใต้มุ่งหน้าสู่เมืองสปลิท (Split) วิวทะเลอะเดรียติกข้างทางสวยงามชวนให้เพลิดเพลิน

สปลิทเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองของประเทศ รองมาจากซาเกร็บที่เป็นเมืองหลวง ศูนย์รวมการคมนาคมของเมืองสปลิทจะอยู่ตรงบริเวณอ่าว ทั้งท่ารถบัส ท่าเรือเฟอรี่และสถานีรถไฟ

หลังจากเก็บของเข้าที่พักเสร็จแล้วก็ได้เวลาออกไปเดินเล่นบริเวณเมืองเก่า โดยมีจุดหมายอยู่ที่มรดกโลกแห่งที่สองอันโด่งดังของประเทศโครเอเชีย นั่นก็คือ พระราชวังดิโอคลีเซียน (Palace of Diocletian) ทางเข้าพระราชวังอยู่ตรงกำแพงเมืองเก่า ซึ่งแนวกำแพงนี้เคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ซีรีส์เรื่องดังอย่าง Game of Thrones ด้วย

เมื่อเดินเข้าไปแล้วจะรู้สึกได้ถึงความอลังการของพระราชวังแห่งจักรพรรดิดิโอคลีเซียน ซึ่งถือเป็นจักรพรรดิองค์สำคัญของโรมันยุคหลังๆ ผู้ซึ่งสามารถยุติความวุ่นวายต่างๆ ของบ้านเมืองและปกครองจักรวรรดิโรมันด้วยความสงบสุขเป็นเวลากว่า 20 ปี

พระราชวังแห่งนี้เป็นแนวกำแพงรูปสี่เหลี่ยม มีหอคอยป้องกันภัยจากศัตรูโดยรอบ ด้านหนึ่งอยู่ติดทะเลเพื่อให้สามารถหลบหนีได้หากโดนรุกรานจากทางบก

พื้นที่ในพระราชวังประมาณครึ่งหนึ่งแบ่งให้เป็นที่อยู่อาศัยของทหารและประชาชนด้วย ทำให้บริเวณนี้มีทั้งโบสถ์ บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ เฉกเช่นเดียวกับเมืองโบราณในอดีต สถานที่ที่โดดเด่นที่สุด ก็คือ

มหาวิหารเซนต์ดอมเนียส (Cathedral of Saint Domnius) ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 ถือเป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงโครงสร้างเดิมไว้ ภายในเป็นที่เก็บอัฐิของนักบุญดอมเนียส ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นองค์อุปถัมภ์พิทักษ์เมืองสปลิท และยังมีสมบัติล้ำค่ามากมายจัดแสดง เช่น งานจิตรกรรม เครื่องเงิน เครื่องทอง วัตถุโบราณ และหนังสือสำคัญทางศาสนา

ข้างใต้โบสถ์มีสุสานของจักรพรรดิดิโอคลีเซียน ออกมาจากมหาวิหารจะเห็นร่องรอยเสาหินโรมันอยู่ตรงลานกลางเมือง (Peristyle) สันนิษฐานว่าเคยเป็นพื้นที่สาธารณะที่พสกนิกรจะมาเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ สำหรับผู้ที่ไม่กลัวความสูง

ไม่ควรพลาดการปีนขึ้นไปชมวิวด้านบนของหอระฆัง Belfry ที่มีความสูงประมาณ 57 เมตร แม้จะหวาดเสียวเล็กน้อยแต่ด้านบนสามารถมองเห็นวิวเมืองสปลิทได้โดยรอบ ทั้งวิวตัวเมืองและวิวทะเล

หลังจากเดินชมภายในกำแพงของพระราชวังจนทั่ว เมื่อใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดิน

ฉันลองเดินทอดน่องเรื่อยเปื่อยไปตามเส้นทางเดินริมอ่าว ท้องฟ้ายามเย็นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูสด กระทบตัวเมืองเก่าให้ยิ่งดูขลังมากขึ้นไปอีก สีของท้องฟ้าตัดกับสีทะเลเข้มสวยงามมาก

ทำให้อดจินตนาการถึงความอลังการและความงดงามของเมืองสปลิทในห้วงอดีตไม่ได้ แม้ปัจจุบันสปลิทจะมีเมืองใหม่และความทันสมัยมาปะปน แต่ก็เป็นการผสมผสานที่ดีงามไปอีกแบบหนึ่ง

Timeless city of Trogir

อีกหนึ่งมรดกโลกที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองสปลิท ก็คือ เมืองทรอเกียร์ (Trogir) หนึ่งในอาณานิคมของอาณาจักรโบราณซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี ตัวเมืองเก่าเลยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ซึ่งประกอบไปด้วยโบสถ์ต่างๆ และอาคารเก่ามากกว่า 20 แห่งที่เรียงรายอยู่ภายในกำแพงเมือง มีลักษณะเป็น “เกาะเมือง” อยู่ติดกับแผ่นดินใหญ่ที่มีเพียงคลองเล็กๆ กั้นไว้เท่านั้นแลนด์มาร์กหลักของเมืองคือ

อาสนวิหารแห่งเซนต์ลอว์เรนซ์ (Cathedral of Saint Lawrence) ที่ตั้งอยู่ตรงจัตุรัสกลางเมือง ซุ้มประตูทางเข้าโบสถ์ทรงโค้งสไตล์โรมาเนสก์ที่ประดับไปด้วยงานแกะสลักที่น่าสนใจมาก

รอบๆ จัตุรัสกลางเมืองนี้ยังมีสถานที่สำคัญมากมาย ได้แก่ หอระฆัง วังซิปิโก (Cipiko palace) ศาลาประชาคม ศาลากลางเมือง และอื่นๆ

เมืองโบราณแห่งทรอเกียร์นั้นมีขนาดไม่ใหญ่นัก จึงสามารถเดินเล่นตามตรอกซอยได้ทั่วและทะลุถึงกันหมด

มีร้านค้า ร้านอาหารน่ารักๆ มากมาย เดินไปเดินมาทะลุออกมานอกเมืองทางด้านทิศใต้ที่อยู่ติดทะเล ซึ่งเป็นบริเวณที่บรรยากาศดีมาก สามารถข้ามสะพานไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ชื่อว่า Ciovo ฉันแอบหลงใหลเมืองเก่าริมน้ำแห่งนี้มากๆ บ้านเรือนเรียงรายตามไหล่เขาดูสงบ และกาลเวลาไม่สามารถทำลายความสวยงามลงไปได้เลย

การเดินทางสู่ 3 เมือง 3 มรดกโลก ริมทะเลอะเดรียติกทำให้ยืนยันได้ถึงความสวยงามและน่าเที่ยวของประเทศโครเอเชีย เป็นประเทศที่สามารถเดินทางด้วยตัวเองได้ง่าย ภูมิประเทศงดงาม ค่าครองชีพไม่แพง สะอาด ปลอดภัย ผู้คนอัธยาศัยดี รับรองว่าจะหลงรักและอยากกลับไปเยือนโครเอเชียอีกแน่ๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม
– สำหรับคนที่ถือวีซ่าเชงเก้นแบบ Double-entry หรือ Multiple-entry ที่ยังไม่หมดอายุ สามารถผ่านเข้าประเทศโครเอเชียได้เลย หรือสามารถขอวีซ่าโครเอเชียเฉพาะก็ได้
– การเดินทางจากเมืองต่างๆ ในโครเอเชียโดยรถประจำทางสามารถทำได้สะดวกมากกว่าทางรถไฟ สามารถจองตั๋วออนไลน์ได้จาก https://getbybus.com/en

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0