AICHI – SHIZUOKA Simple Life is Perfect Life ไอจิ ซิซึโอกะ
Story & Photo by Orawan & Jessadaporn
เวลา 07.30 น. เครื่องบิน TG644 ของสายการบินไทย สายการบินแห่งชาติพาฉันบินลัดฟ้าจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport) ประเทศญี่ปุ่น โดยสวัสดิภาพ พร้อมการอำนวยความสะดวกที่ครบครันและอบอุ่นจนไม่อยากลงจากเครื่องไปสัมผัสความหนาวของเมืองนาโกย่าเลยทีเดียว
มีอาการอิดออดเล็กน้อยยามที่ต้องเดินทางจากสนามบินไปยังส่วนอื่นของภูมิภาคนี้ เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายที่อยู่บริเวณสนามบินนั่นเองไม่ว่าจะเป็นโรงแรมแคปซูลสุดเก๋อย่าง TUBE Sq
หรือการแสดงแสง สี เสียงภายในโรงเก็บเครื่องบิน 787 “flight of dreams” ที่ออกแบบโดย team Lab ทำให้เวลาช่วงเช้าของเราผ่านไปด้วยความรวดเร็ว
เก็บส้ม ชมไฟที่กามะโกริ (Gamagori)
มีอาการผิดหวังเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าการมาเยี่ยมฟาร์มญี่ปุ่นครั้งนี้ไม่ได้มาเก็บส้มเหมือนที่ตั้งใจไว้ในคราแรกเพราะจากที่ทราบข้อมูลมาส้มแมนดารินของเมืองกามะโกรินั้นโด่งดังยิ่งนัก แต่ด้วยความหอมหวานของสตรอว์เบอร์รีที่สวนส้มกามะโกริ (Gamagori OrangePark) ก็ทำให้เรายิ้มออกได้
อีกทั้งน้ำส้มคั้นสดใหม่ที่อาคารจำหน่ายสินค้าที่ระลึกก็อร่อยไม่แพ้น้ำส้มสดเลย แม้สวนนี้จะมีชื่อว่าสวนส้ม แต่ในแต่ละเดือนจะมีผลไม้วนเวียนให้คุณได้เก็บตลอดทั้งปี
ตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาของสตรอว์เบอร์รี ต่อด้วยผลเมลอนและองุ่นแสนอร่อยตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน และสิ้นปีตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคมเป็นช่วงเวลาของส้มชื่อดังของเมือง
สวนส้มที่นี่เปิดทุกวัน ใช้เวลาเพียง10 นาทีจากสถานีรถไฟกามะโกริเท่านั้น
จากสวนส้มเราเดินทางไปยังบริเวณชายหาดใกล้เกาะทาเคชิมะ (Takeshima Island) ที่ได้รับเลือกให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติกันมีเรื่องเล่ากันว่าหากคู่รักหรือสามีภรรยาเดินคู่กันไปตามทางเดิน 387 เมตรสู่ตัวเกาะคู่รักนั้นจะมีแต่ความโชคดี สำหรับช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ฉันเลือกที่จะนั่งชมฝูงนกที่อพยพ
พร้อมกับจิบชาที่พิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานทางวัฒนธรรม (bungakukinenkan)
ที่อยู่ริมทะเลแทนนอกจากจะได้บรรยากาศที่แสนอบอุ่นแล้วภาพแสงลาลับข้ามฟ้าก็สวยงามไม่ใช่น้อย
กับอีกสถานที่ที่แสงสีเสียงสวยงามไม่แพ้กันคือที่ลากูน่าเทนบอร์ซ (Laguna ten bosch) กับการแสดงอิลลูมิเนชั่น (Illumination Event) ที่ยิ่งใหญ่งดงามอลังการมาก
ที่นี่ยังมีสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นมากมายให้ทุกคนในครอบครัวได้มาใช้เวลาร่วมกัน สำหรับที่ทำให้รู้สึกอิ่มใจมากที่สุดคงเป็นโซนดอกไม้ที่มีสะพานเป็นดอกไม้ทอดยาวสวยงามทีเดียว
ลุยทราย ล่องทะเลสาบ จิบชา ชมปราสาทที่ฮามามัตสึ (Hamamatsu)
ภาพเนินทรายเวิ้งว้างกว้างใหญ่เป็นภาพคุ้นตาของเนินทรายนากาตาจิมะ (nakatajimasakyu) ที่เลาะเลียบไปตามฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เนินทรายแห่งนี้ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียวด้วยความกว้างจากเหนือลงใต้ 600 เมตร และความยาวจากตะวันออกถึงตะวันตกถึง 4,000 เมตร
บริเวณนี้จะเป็นอีกแหล่งที่เป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลปัจจุบันทางเมืองเองก็กำลังพัฒนาพื้นที่สำหรับเป็นแหล่งพักผ่อนของพื้นที่ควบคู่กันไป คาดว่าต่อไปบริเวณแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนของชาวเมือง
เช่นเดียวกันกับบริเวณทะเลสาบฮามานะโกะ (hamanako lake) ที่หลายคนนิยมมาล่องเรือชมสองฟากฝั่งทะเลสาบ
ยิ่งในยามใบไม้เปลี่ยนสี และยามฤดูใบไม้ผลิที่มีต้นซากุระสีชมพูกระจายอยู่ทั่วพื้นที่แล้ว จะสวยงามยิ่งกว่านี้หลายเท่าแต่คุณก็จะไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับเหล่านกอพยพอย่างเช่นฤดูหนาวเช่นนี้นกบริเวณนี้เชื่องมาก
คุณสามารถให้อาหารและถ่ายรูปได้อย่างเต็มอิ่มทีเดียวและอย่างที่บอกแม้ว่าช่วงฤดูหนาวเช่นนี้
ดอกไม้ใบไม้อาจจะไม่สดใสมากนักแต่คุณสามารถไปชมดอกไม้หลากสีสันได้ที่เรือนกระจกของสวนดอกไม้ฮามามัตสึ (hamamatsu flower park) ที่มีอายุกว่า 50 ปีได้
ซึ่งนอกจากจะมีการจัดธีมดอกไม้ตามเทศกาลแล้ว
ยังมีการจัดสวนอีกหลากหลายรูปแบบทั้งแบบเขตเมืองร้อน เขตทะเลทราย
อีกด้วยเรียกได้ว่าคนที่ชื่นชอบต้นไม้จะไม่อยากออกไปไหนเลยทีเดียวขณะที่คนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ต้องไม่พลาดที่จะไปเยี่ยมชมปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle)
ปราสาทที่โทคุกาวะอิเอยาสึ (Tokugawa Leyasu) นายพลในสมัยยุคเซ็งโงคุ -อะซึจิโมโมยามะ ได้เคยอาศัยอยู่ถึง 17 ปีตั้งแต่อายุ 29-45 ปีโดยท่านได้วางระบบโครงสร้างการปกครองทั่วประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ปิดฉากสงครามที่มีมายาวนานกว่า 100 ปี ภายในปราสาทมีการจัดแสดงประวัติความเป็นมา และแสดงอุปกรณ์ อาวุธ ในสมัยอดีตอีกด้วย ด้านบนสุดเราสามารถขึ้นไปชมเมืองในมุมสูงได้
นอกจากนี้ ไม่ไกลจากปราสาทนักคุณยังสามารถดื่มด่ำไปกับชาเขียวมัทฉะพร้อมกับชมสวนญี่ปุ่นที่โชอินเท (Teahouse Shointei) อีกทางหนึ่งได้ด้วย และหากมีเวลาขอแนะนำให้ไปทดสอบความรู้เรื่องชาด้วยการไปทำกิจกรรมทายชาที่เรียกว่า ฉะกาคะบุคิ (ChaKabuki) ภายในเมืองฮามามัตสึ
แต่ถ้าคุณเป็นคนชื่นชอบสัตว์อย่างเช่นนกแล้ว สวนนกคาเคกาว่า (Kakegawa Kachouen)คงถูกใจคนรักนกอย่างแน่นอน เพราะที่นี่เป็นสวนนกที่ให้คุณได้ไปสัมผัสนกจริงๆ หลากหลายสายพันธุ์ไม่ว่านกแก้ว นกฟลามิงโก นกเงือก
โดยนกส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกขังในกรงขนาดเล็กแต่เป็นกรงขนาดใหญ่ที่เราสามารถเข้าไปให้อาหารได้ด้วยมือของเราเอง และที่ฉันชอบที่สุดคงหนีไม่พ้นนกฮูกที่มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ชมกัน
แช่น้ำแร่ ชมฟูจิ ชิมชาเลิศรสที่ซิซึโอกะหนึ่งในของขึ้นชื่อของเมืองซิซึโอกะแห่งนี้นอกจากเป็นที่สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนแล้ว ชาเขียวของที่นี่ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน
แช่น้ำแร่ ชมฟูจิ ชิมชาเลิศรสที่ซิซึโอกะ
นอกจากจะดื่มแบบน้ำชาปกติแล้วที่นี่ยังดัดแปลงเป็นของหวานทานกันอีกด้วย แนะนำให้ไปลองชาหลากหลายชนิดและดื่มด่ำไปกับชาที่มีการคั่วหลายระดับตั้งแต่ 100 ํc 130 ํc 160 ํc และ 200 ํc ซึ่งให้รสชาติชาที่ต่างกันที่ ร้าน MARUZEN Tea Roastery
หรือจะลองชิมไอศกรีมที่ทำจากชาที่คั่วหลายระดับก็ได้ไม่ว่ากัน ร้านอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟซิซึโอกะมากนักสามารถเดินเล่นเพลินๆ ก่อนมาที่ร้านได้
จากตัวเมืองซิซึโอกะเราเดินทางต่อไปยังเมืองอิสุ (IZU) ฉันค่อนข้างจะชื่นชอบเมืองนี้เป็นพิเศษเพราะมีครบทั้งออนเซ็นที่สามารถใช้บริการได้แม้ว่าเราจะไม่ได้พักที่โรงแรมก็ตาม บริเวณใกล้กับแม่น้ำจะมีบ่อแช่เท้าไม่ไกลกันเป็นวัดซูเซนจิ (shuzenji temple)
เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเซน โซโต ภายในวัดเงียบสงบมาก บริเวณโดยรอบจะเห็นต้นซากุระที่กำลังผลิดอกตูมรอเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิเดินลงจากวัดซ้ายขวาที่เป็นถนนที่มีอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่ขายสินค้าของที่ระลึกตลอดจนร้านกาแฟให้ได้นั่งชิลกัน
หรือจะเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดกิโมโนที่ร้านให้เช่ากิโมโนชมเมือง ถ่ายรูปกับสวนไผ่สีเขียวสดในราคาไม่แพง ค่าเช่าวันหนึ่งแค่ 4,800 เยนเท่านั้น กิจกรรมในเมืองเยอะมากเราแทบไม่อยากไปไหนต่อกันเลยทีเดียว
สถานที่ท่องเที่ยวถัดไปก็ดึงดูดใจไม่ใช่น้อย เพราะศาลเจ้าคิโนมิยะ (kinomiya jinjya) จุดหมายต่อไปของเราขึ้นชื่อมาแต่โบราณว่าเป็นที่ประทับของเทพแห่งความสุขและโชคชะตา
หากใครได้มาเดินรอบกับต้นการบูรยักษ์อายุมากกว่า2,000 ปีที่อยู่ภายในศาลเจ้า 1 รอบอายุจะยืน 1 ปี และถ้าอธิษฐานขอพรในใจโดยไม่บอกใครในขณะเดินรอบต้นจะทำให้สมปราถนาในสิ่งที่ขออีกด้วย ถือได้ว่าเป็นจุดรับพลังที่น่าสนใจทีเดียว
สำหรับฉันจุดรับพลังที่ดีอีกแห่งของฉันคือมิชิมะสกายวอล์ก (Mishima Skywalk) ที่สะพานแขวนสำหรับคนเดินที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น
มีความยาว 400 เมตร เพราะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาอิสุและอ่าวซุรุกะได้ จากความสูงจากพื้นดินประมาณ 70.6 เมตร
นอกจากนั้นที่สะพานยังมีกิจกรรมโหนสลิง และฐานกิจกรรมภายในสวนป่าคิโคะโระ(Kicoro) อีกด้วย ไม่ไกลจากสะพานแขวนมีจุดแวะพักรถ และศูนย์จำหน่ายสินค้าของเมืองอิสุอยู่ด้านบนชั้นสองของร้าน
คุณก็สามารถชมวิวฟูจิได้ด้วยเช่นกัน ปิดท้ายการเดินทางด้วยภาพของแสงอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังลาลับขอบฟ้าทอดแสงทาทับกับ
ยอดฟูจิเป็นสีแดงส้มประกาย สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินทางแถบนี้มีบัตรแนะนำให้ลองใช้ บัตร JR PASS – Mt.Fuji Shizuoka Area Tourist Pass Mini ดูเอาแค่ว่าเดินทางรอบๆ ฟูจิอย่างเดียวก็คุ้มแล้ว
Mt.Fuji Shizuoka Area Tourist Pass Mini ราคา ผู้ใหญ่ ¥4,500 เด็ก ¥2,250 ใช้ได้ 3 วันติดต่อกัน