Mongolia – Charming in Everywhere มองโกเลียกับเสน่ห์ที่ประทับใจ

Story & Photo by Orawan
Mongolia Khustain Nuruu 132054

ด้วยระดับความเย็นที่อุณหภูมิติดลบ 6 องศาทำให้ลมหายใจของฉันเป็นกระไอสีขาวทีเดียว ในช่วงเวลาที่ฉันค่อยๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินอิฐที่ทอดตัวจากห้องอาหารสู่ห้องพักที่มีลักษณะเป็นเต็นท์หนังสัตว์สีขาว ทรงกลม ซึ่งเรียงกระจายตัวเป็นจุด ท่ามกลางทุ่งกว้างของอุทยานแห่งชาติฮุสไต (Hustai National Park)  เต็นท์ที่พักแบบนี้เรียกว่าเกอ (Ger) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศมองโกเลียแห่งนี้ก็ว่าได้ 

Mongolia Khustain Nuruu 4158

 ขณะนี้ฉันกำลังเดินอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวของเดือนตุลาคม บนแผ่นดินของเจงกิสข่าน หนึ่งในจักรพรรดินักรบชาวมองโกล คำว่าเจงกิส แปลว่า เวิ้งสมุทรหรือมหาสมุทร ดังนั้น เจงกิส ข่าน จึงเปรียบเหมือน เวิ้งมหาสมุทรที่มีความยิ่งใหญ่ ว่าไปแล้วไม่เพียงแต่แสนยานุภาพของเจงกิสข่านจะยิ่งใหญ่ แผ่นดินของมองโกเลียก็กว้างใหญ่จริงๆ มีพื้นที่ราว 1.5 ล้านตารางกิโลเมตร คิดง่ายๆ คือใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 3 เท่า

Mongolia Genghis Khan 4244

พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นดินสีน้ำตาลอมแดงและมีทุ่งหญ้าขึ้นกระจายตัวไปทั่วพื้นที่ ประชาชนที่นี่มีน้อยมากเพียง 3 ล้านคนเท่านั้น พอเทียบกับพื้นที่อันมากมายแล้ว ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรน้อยที่สุดในโลก เอาว่าถ้าคุณอยู่ในพื้นที่รอบนอกเมืองหลวง คุณสามารถมองออกไปในระยะทางกว่า 10-20 กิโลเมตร โดยไม่มีอะไรขวางสายตาของคุณเลย นอกจากฝูงสัตว์เช่น วัว ม้า เท่านั้น

Mongolia Khustain Nuruu 153453

ย้อนไปนิด สำหรับการเดินทางมามองโกเลียของฉันในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสายการบิน มองโกเลียนแอร์ไลน์ (Mongolian Airlines-MIAT) สายการบินที่มีเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพมหานครของเราสู่อูลาน บาตอร์ (Ulan Bator) เมืองหลวงของมองโกเลียนอก (Outer Mongolia) หรือสาธารณรัฐมองโกเลีย (Republic of Mongolia) นั่นเอง (สำหรับมองโกเลียใน – Inner Mongolia นั้นเป็นเขตปกครองตนเองซึ่งเป็นดินแดนของประเทศจีน) จากอูลาน บาตอร์ ฉันนั่งรถบัสขนาด 45 ที่นั่งอันแสนสบายฝ่าท้องทุ่งกว้างที่ตอนนี้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาล

Mongolia Khustain Nuruu 4147

มองไปทางไหนก็เป็นสีน้ำตาลแดงไปเสียหมด เป็นภาพที่แปลกตาทีเดียว และที่แปลกคือ ท่ามกลางความเวิ้งว้างของแผ่นดิน มองไปทางไหนก็น่าจะหลงทางได้ง่าย แต่รถบัสของเรากลับฝ่าตะลุยมาจนถึงอุทยานแห่งชาติคุสเตนนูรูรู (Khustain Nuruu National Park) หรือที่รู้จักกันดีในชื่ออุทยานแห่งชาติฮุสไต (Hustai National Park) ได้อย่างน่าอัศจรรย์

Mongolia Khustain Nuruu 4120

ในปี ค.ศ.1993 รัฐบาลมองโกเลียได้ประกาศให้อุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นเขตคุ้มครองพิเศษ หลังจากที่ได้นำม้าป่าทากี (Thaki) เข้าไปปล่อยใหม่ ทากีเป็นภาษามองโกเลีย ส่วนอีกชื่อหนึ่งคือ ม้าป่าเปรวาสกี้ (Przewalski) เป็นชื่อที่ตั้งตามนักภูมิศาสตร์ชาวรัสเซีย นิโคไล เปรวาสกี้ ที่ได้เข้าสำรวจและบันทึกเรื่องของม้าป่าพวกนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1881

Mongolia Khustain Nuruu 143649

อุทยานแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นบ้านของม้าป่าเปรวาสกี้ก็ว่าได้ เชื่อว่าม้าป่านี้เป็นหนึ่งในสองสายพันธุ์ย่อยของม้าป่าแท้ที่มีอยู่ในโลก

Mongolia Khustain Nuruu 085503

โดยอีกสายพันธุ์หนึ่งคือม้าป่าทาปันของยุโรป ขนาดตัวของม้าป่าเปรวาสกี้จะสูงประมาณหนึ่งเมตรสี่สิบเซนติเมตร คอสั้น หนา ขนสีน้ำตาลแกมเหลืองโดยจะมีสีเข้มบริเวณหลังและไล่สีอ่อนลงมาจนเป็นสีขาวตรงบริเวณท้อง และมีสีดำตรงขาส่วนล่าง

Mongolia Khustain Nuruu 143718

แม้ที่นี่จะเรียกได้ว่าเป็นบ้านของม้าพันธุ์นี้ แต่ปัจจุบันในธรรมชาติมีม้าชนิดนี้อยู่เพียง 20 ฝูงหรือ 200 ตัวเท่านั้น ทำให้การพบเห็นเป็นไปได้ค่อนข้างยากสักนิด เราจะสามารถมองได้ไกลๆ พอขยับเข้าใกล้ก็มักจะเตลิดไป

Mongolia Khustain Nuruu 171028

อุทยานแห่งนี้มีห้องพักแบบเกอดั้งเดิม ที่ในช่วงกลางคืนจะมีพนักงานเป้นคุณลุงใจดีมาเติมไฟให้ความอบอุ่น

Mongolia Khustain Nuruu 055902

สำหรับอาหารจะมีบริการที่ศูนย์รับรองส่วนกลาง

อาหารก็มีหลากหลาย แต่โดยมากเนื้อของที่นี่ มักจะเป็นเนื้อม้า และเนื้อแพะ

นอกจาอาหารที่มีบริการอย่างอิ่มหน่ำสำราญและหลากหลายแล้ว ที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย อย่างเช่นการทดสอบยิงธนู การขี่ม้า เป็นต้น

Mongolia Khustain Nuruu 4141

เล่ากันว่าที่มองโกเลียนี้แทบทุกคนจะขี่ม้ากันเป็นแทบทั้งนั้นและบ้านหลังหนึ่งก็จะมีม้าอย่างน้อย 1 ตัว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะเห็นเด็กชาวมองโกเลียที่อยู่ในแถบทุ่งกว้างแห่งนี้ขี่ม้ากันอย่างคล่องแคล่ว

ขับรถไปไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติมานัก ท่ามกลางท้องทุ่งสีน้ำตาล คุณจะพบกับฟาร์มเลี้ยงสุนัข (Mongolian dog farm) สุนัขเหล่านี้ ใช้ในการไล่ต้อนฝูงสัตว์

โดยมากจะเป็นสุนับพันธุ์พื้นเมือง ที่มีขนแผงคอคล้ายกับสิงโต เรียกว่า Mongolian Bankhar

Mongolia Khustain Nuruu 100922

สำหรับความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองมองโกเลียในปัจจุบัน เขามีการรวมตัวกันอยู่ที่ค่าย เรียกว่า Mongol Nomadic Ger Camp ซึ่งที่นี่เราจะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองมองโกเลีย ซึ่งจะทำให้เข้าใจในวิถีชีวิตของเขาได้ดียิ่งขึ้น

Mongolia Nomadic Ger Camp 4352
Mongolia Nomadic Ger Camp 092253
Mongolia Nomadic Ger Camp 091914

การนอนที่พักแบบเกอนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แต่โดยมากมักจะเลือกที่พักแบบเกอที่ฝั่งของอุทยานแห่งชาติกอร์ไค-เทเรลจ์ (Gorkhi-Terelj National Park)

Mongolia Terelj Star Resort 4346

ซึ่งอยู่ด้านเหนือสุดของอูลาน บาตอร์ มากกว่าเพราะมีต้นไม้ให้หลบร่ม และแหล่งท่องเที่ยวมากกว่า ที่สำคัญมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้เชื่อมต่อโลกแห่งการสื่อสารได้อย่างคล่องตัว

Mongolia Terelj Star Resort 075229

สำหรับที่มองโกเลีย เราสามารถซื้อซิมเน็ต ราคาเพียง 5 ดอลลาร์ใช้ได้ 30 วันไว้ติดต่อสื่อสารได้ อินเทอร์เน็ตของที่นี่ก็เร็วชนิดที่ว่าดูวิดีโอภาพไม่มีกระตุกเลย สำหรับที่อุทยานแห่งชาติกอร์ไค เทเรลจ์ พื้นที่ส่วนใหญ่จะมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้คุณได้โพสต์ภาพสวยๆ ของมองโกเลียอวดเพื่อนได้ ที่พักของฉันฝั่งนี้ คือ Terelj Star Resort เป็นรีสอร์ตที่สวยงามมากทีเดียว

Mongolia Terelj Star Resort 190134

ภายในไม่มีเตาถ่านให้ความอบอุ่นแบบเกอดั้งเดิม แต่เป็นพื้นแบบฮีตเตอร์ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้แทน มีอุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าขนหนูและที่นอนที่นุ่มระดับโรงแรม 5 ดาว แถมมีระเบียงไว้นั่งชมดาว ติดอยู่นิดที่วันนี้อากาศที่หนาวเย็นติดลบหนักกว่าเดิม ติดลบไป 10 องศาเซลเซียส ทำให้ฉันสบตาดาวเหนือได้แวบๆ ก็ขอหลบไปซุกผ้าห่มอุ่นในเกอดีกว่า

Mongolia Terelj Star Resort 3

ในโซนบริเวณที่พักแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุด ที่ฉันได้มีโอกาสแวะไปในเวลาที่จำกัดคือหินเต่า หรือ หินรูปเต่าขนาดใหญ่ (Turtle Rock) หรือ Melkhii Khad เป็นโขดหินขนาดใหญ่ที่การเรียงตัวคล้ายกับตัวเต่าสูงกว่า 24 เมตร

Mongolia Turtle Rock 4285

แถบนี้มีหินรูปร่างแปลกๆ มากมาย นอกจากรูปร่างแปลกตาไปตามจินตนาการของแต่ละคนแล้ว วิวด้านหลังของโขดหินเหล่านี้ที่มีภาพเป็นสวนสน สวยงามจับใจยิ่งนัก และถ้าขับรถเลยเข้าไปจนสุดทาง ก็จะเห็นวัดขนาดย่อมตั้งอยู่แนบชิดติดกับขุนเขาขนาดใหญ่

Mongolia Aryapala Temple 4306

ที่นี่คือ Aryapala Temple Meditation Center ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติธรรม ขุนเขาข้างหลังคือ Ivon Gol River Valley ตอนที่เห็นอารามตั้งอยู่บนเขา

Mongolia Aryapala Temple 4320

พร้อมแนวบันไดกว่า 108 ขั้น ฉันแทบจะถอดใจที่จะไปนมัสการทีเดียว

Mongolia Aryapala Temple 4323

แต่หลังจากที่ขึ้นไปด้านบนของอารามและหันกลับมาดูวิวแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมหลายคนถึงเรียกหุบเขาบริเวณนี้ว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งมองโกเลีย บรรยากาศและวิวดีสุดๆ อยากจะแนะนำให้มากันมากๆ เลย

Mongolia Aryapala Temple 4299
Mongolia Aryapala Temple 4332
Mongolia Aryapala Temple 4339

ก่อนกลับเข้าตัวเมืองอูลาน บาตอร์ อยากให้แวะเที่ยวชม อนุสาวรีย์เจงกิสข่าน (Genghis Khan Equestrian Statue) กัน ซึ่งที่นี่ได้สร้างขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 2008

Mongolia Genghis Khan 4202

โดยทางการมองโกเลียสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความเกรียงไกรในอดีตชนชาติมองโกล ตั้งใกล้ฝั่งแม่น้ำตูล (Tull) ห่างจากกรุงอูลาน บาตอร์ ไปทางทิศตะวันออกราว 54 กิโลเมตร

Mongolia Genghis Khan 4206

เชื่อกันว่ามีการค้นพบแส้ทองของอดีตข่านผู้ยิ่งใหญ่ที่นี่ โดยอนุสาวรีย์นี้มีความสูงประมาณ 40 เมตร น้ำหนักกว่า 250 ตัน ซึ่งตัวรูปปั้นสร้างมาจากสเตนเลสที่สะท้อนแสงยิ่งยามที่พระอาทิตย์สาดส่องมาเต็มพิกัด เราจะเห็นอนุสาวรีย์นี้ส่องประกายสะท้อนวิบวับแต่ไกลเลยทีเดียว

Mongolia Genghis Khan 4212

ด้านในของอนุสาวรีย์บริเวณฐานมีการจัดแสดงนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์

Mongolia Genghis Khan 150742

พร้อมร้านให้เช่าชุดแบบมองโกเลียถ่ายภาพกันกับรองเท้าบูตที่มีความสูงกว่า 9 เมตร

Mongolia Genghis Khan 145307

รองเท้านี้ทำมาจากหนังจามรี 250 ชิ้น ข้างๆ กันนั้นมีเครื่องรางวางอยู่

Mongolia Genghis Khan 145347

เล่ากันว่าทหารของเจงกิสข่านแทบทุกนายจะแขวนเครื่องรางนี้ รวมถึงตัวของท่านเจงกิสข่านด้วย

Mongolia Genghis Khan 145912
Mongolia Genghis Khan 145718

เราสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้โดยการใช้บริการลิฟต์ที่จะพาเราขึ้นไป 3 ชั้น จากนั้นก็เดินบันไดต่อไปอีกสัก 20 ขั้นได้ สู่ด้านบนของรูปปั้นบริเวณอานม้าด้านหน้ารูปปั้นเจงกิสข่าน

Mongolia Genghis Khan 4245

อารมณ์ราวกับเราอยู่บนหลังม้าของท่าน และทอดสายตามองดูวิวผืนแผ่นดินภายใต้การปกครองของท่าน

Mongolia Genghis Khan 4261
Mongolia Genghis Khan 4258

สวยงามและยิ่งใหญ่มาก ข้างๆ เราก็เห็นรูปปั้นเหล่าทหารม้าอยู่ด้วย ถ้ามาในช่วงที่ท้องทุ่งเป็นสีเขียวคงสวยงามกว่านี้ยิ่งนัก

Mongolia Sukhbaatar Square 4370

อีกหนึ่งจุดที่คุณสามารถชมความเกรียงไกรของอนุสาวรีย์เจงกิสข่านได้ก็คือบริเวณ จัตุรัสชุคบาตาร์ (Sukhbaatar Square)

Mongolia Sukhbaatar Square 114243

ด้านหน้าตึกทำเนียบรัฐบาล ซึ่งที่นี่สร้างเป็นที่ระลึกให้กับ แดมดิน ชุคบาตาร์ (Damdin Sukhbaatar) ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนมองโกเลีย และผู้บัญชาการกองทัพพลพรรคมองโกเลีย ในการปลดปล่อยอูลาน บาร์ตอ ระหว่างการปฏิวัติมองโกเลียในปี ค.ศ. 1921

Mongolia Sukhbaatar Square 114852

ซึ่งรูปปั้นของชุคบาตาร์ก็ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนหลังม้ากลางจัตุรัสเลย

Mongolia Sukhbaatar Square 4378

ส่วนทางทิศเหนือที่เป็นอาคารหินอ่อนขนาดใหญ่ที่นี่คือ อาคารรัฐสภา (Government house) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2006 ในวาระครบรอบ 800 ปีแห่งการครองราชย์ของเจงกิสข่าน ด้านหน้าของอาคารจะมีบุคคลสำคัญ 3 ท่าน ทางทิศตะวันตกคือ โอกิไดข่าน (Ogedei Khan) คือ ลูกชายคนที่ 3 ของเจงกิสข่าน ส่วนทางทิศตะวันออกคือกุบไลข่าน (Kublai Khan) หลานชายของเจงกิสข่าน ตรงกลาง คือรูปปั้นของเจงกิสข่าน สำหรับลูกชายและหลานชาย ทั้งสองคนคือคนที่รับช่วงในการขยายดินแดนต่อจากเจงกิสข่าน

Mongolia Sukhbaatar Square 4367

นอกจากนี้รอบๆ จัตุรัสยังมีสถานที่สำคัญอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นโรงละคร โรงแรมระดับ 5 ดาว พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ มีการจัดแสดงนิทรรศการและผลงานต่างๆ มากมายตลอดจนร้านค้า ขายของฝาก ของที่ระลึก เรียกได้ว่า มาที่นี่จุดเดียวเที่ยวได้ครบกันเลย

Mongolia Genghis Khan 4243

การมามองโกเลียครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่น่าประทับใจอย่างยิ่ง สำหรับมองโกเลียในความคิดใครหลายคน อาจจะเป็นประเทศที่ดูห่างไกลจากปลายทางแห่งการท่องเที่ยวมาก แต่ถ้าคุณได้เดินทางมาแล้วคุณจะพบว่ามองโกเลียมีอะไรมากกว่า ทะเลทรายโกบี มากกว่าทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตา มากกว่าวัฒนธรรมประเพณีที่น่าสนใจ มากกว่าประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา นี่ขนาดฉันเดินทางมาในช่วงที่ท้องทุ่งหญ้ากลายเป็นสีน้ำตาล แดดจัด แต่อากาศกลับติดลบ เรียกได้ว่าแค่บรรยายหลายคน อาจเบะปากว่ามาทำไม แต่บรรยากาศรอบข้างแบบนี้ มันมีเสน่ห์ที่เรียกได้ว่า สุดวิเศษ จนฉันอยากให้คุณลองมามองโกเลียสักครั้ง คุณจะรู้ว่ามองโกเลียยังมีเสน่ห์ในทุกเส้นทางแน่นอน

– มองโกเลียเวลาต่างจากเมืองไทย เร็วกว่า 1 ชั่วโมง ประกอบไปด้วย 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยแต่ละฤดูจะมีสภาวะของอากาศที่แตกต่างกันมาก ฤดูใบไม้ผลิเริ่มตั้งแต่ เดือนมีนาคม – กลางเดือนพฤษภาคม ฤดูร้อนตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม – ปลายเดือนสิงหาคม ฤดูใบไม้ร่วงจะมีขึ้นในเดือนกันยายนและตุลาคม ฤดูหนาวมีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ บางครั้งคุณจะสามารถสัมผัสถึง 4 ฤดูได้ในหนึ่งวัน และใน 1 ปี คุณจะได้รับแสงแดดและชมท้องฟ้าสีครามถึง 260 วัน มองโกเลียจึงเป็นที่รู้จักกันดีในนาม ดินแดนแห่งท้องฟ้าสีคราม
– มองโกเลียใช้สกุลเงินที่เรียกว่าทุกริก (Tugrik) รหัสคือ MNT อัตราแลกเปลี่ยน 1,000 ทุกริก เท่ากับ 13.25 บาทโดยประมาณ ที่เมืองไทยเราจะไม่มีเงินมองโกเลียให้แลกสามารถแลกเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) แล้วไปแลกเป็นเงินมองโกเลียได้ที่เคาน์เตอร์โรงแรมแทบทุกที่มีบริการแลกเงิน อยู่ที่ประมาณ 10 ดอลลาร์เท่ากับ 42,000 ทุกริก หรือ 51,000 ทุกริก แล้วแต่โรงแรม
– สำหรับคนไทย เดินทางไปมองโกเลียไม่ต้องทำวีซ่า และสามารถพำนักท่องเที่ยวได้ถึง 30 วัน

* ขอขอบคุณ สายการบิน มองโกเลียนแอร์ไลน์ (Mongolian Airlines -MIAT)

ภาพความสะดวกสบายภายในเครื่องบิน

ภายในท่าอากาศยานนานาชาติเจงกิสข่าน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0