Chill Out in Dalat – ชิลเอาท์ที่ดาลัด
Story & Photo by Editorial Staff
แสนจะชิล (ให้เติม ล ลิง ไปยาวเลย) น่าจะเหมาะกับเมืองดาลัต ประเทศเวียดนามเป็นที่สุด ด้วยอากาศแสนจะสบาย บวกกับการเดินทางที่แสนสะดวกอย่างเช่น ครั้งนี้เราเลือกเดินทางมากับสายการบินไทยเวียตเจ็ท ซึ่งมีเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – ดาลัต ให้บริการเที่ยวบินไป-กลับ จำนวน 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที เราก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ เลียน เคือง (Lien Khuong) เมืองแลมดอง ประเทศเวียดนาม
สนามบินดาลัต ค่อนข้างกะทัดรัดไม่มีที่ให้แลกเงินและจำหน่าย ซิมการ์ดสำหรับเล่นอินเทอร์เน็ต หากใครติดโซเชียลเราแนะนำให้เตรียมซิมมาเลยเพราะซิมจะมีขายคือในตัวเมืองดาลัต แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้เพราะที่ดาลัตสามารถใช้ฟรีไวไฟได้แทบทุกที่ภายในเมืองดาลัต
สำหรับเงิน แนะนำให้แลกเงินดองจากเมืองไทยมาเพราะที่สนามบินไม่มีที่ให้แลกเงิน เงินเวียดนามเรียกว่าเงินดอง (VND) 10,000 ดองประมาณ 15 บาท จากสนามบินมีวิธีเข้าเมืองหลายวิธี เช่น ขึ้นรถ Shuttle bus ราคาประมาณ 40,000 ดอง รถจะไปจอดหลังห้างบิ๊กซี ที่เราสามารถซื้อซิมสำหรับเล่นเน็ตได้ แต่ถ้ามา 3-4 ท่านนั่งแท็กซี่แบบเหมาก็สะดวกดี ราคาไม่เกิน 300,000 ดอง
ดาลัตอยู่ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ราว 300 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก กะทัดรัดและโอบล้อมไปด้วยขุนเขาทำให้อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และธรรมชาติก็สวยงามเหมือนอยู่ยุโรป จนถูกเรียกว่า Le Petit Paris ตั้งโดยกลุ่มคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ช่วงแรกๆ ภายในตัวเมืองดาลัตมีที่เที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง
สำหรับคนที่เป็นสายถ่ายรูปชิคๆ บอกเลยว่า ให้เตรียมเมมโมรี่การ์ด ไปเยอะๆ มีที่ให้โพสท่าเก๋ๆ มากมาย อย่างเช่นที่โบสถ์คอนแวนต์โดเมนเดอมารี (Domaine De Marie Convent) โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกสีแดงอมชมพูให้ความรู้สึกอบอุ่น
ตั้งอยู่บนเนินเขาในตัวเมืองดาลัต ใกล้กับถนนโงเกวี่ยน โบสถ์นี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1930 โดย Zuzanne Humbert ภริยาของผู้ว่าการอินโดไชน่า ชาวฝรั่งเศส ในยุคที่ฝรั่งเศสยังปกครองเวียดนามในฐานะอาณานิคม ลักษณะสถาปัตยกรรมของโบสถ์เป็นแบบฝรั่งเศสสมัยศตวรรษที่ 17
ผสมผสานกับรูปแบบบ้านไม้ต่อขาของชนกลุ่มน้อยในเวียดนาม เวลามองไปคล้ายกับบ้านสองชั้น และที่ทาด้วยสีชมพูก็เพื่อแสดงให้รู้ว่าโบสถ์แห่งนี้มีแต่แม่ชีนั่นเอง ไปต่อกันอีกสักหนึ่งโบสถ์ โบสถ์ดาลัต (Cock Church or Evangelical Church) หรือโบสถ์ไก่ เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1931 แล้วเสร็จปี ค.ศ. 1942
เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโปรแตสแตนต์ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเช่นกัน บนถนน Tran Phu ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นสไตล์โรมัน ที่มียอดหอคอยแหลมสูงเด่น บนยอดหอคอยประดับด้วยรูปปั้นไก่ยืนอยู่บนยอดไม้กางเขน อันเป็นที่มาของชื่อโบสถ์ไก่ที่คนนิยมเรียกกัน
ซึ่งไก่นั้นเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศส เนื่องจากโบสถ์นี้ตั้งอยู่บนเนินและมีความสูงถึง 47 เมตรทำให้ไม่ว่าอยู่ตรงไหนของเมืองก็มักจะมองเห็นโบสถ์อยู่เสมอ
จุดหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนเวียดนาม นิยมไปกันก็คือทะเลสาบซวนเฮือง (Xuan Huong lake) สำหรับผมแล้วทะเลสาบแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมสรรพสิ่งอย่างแท้จริง เริ่มจากธรรมชาติสวยงามที่อยู่โดยรอบของทะเลสาบ สวนสวยๆ ดอกไม้งามๆ ไว้ให้ชื่นชมและพักผ่อน
สังเกตได้จากคนท้องถิ่นที่มักจะพาครอบครัวมานั่งเล่นทำกิจกรรมกัน ที่นี่มีร้านกาแฟสุดเก๋ชื่อ Doha Cafe อยู่ในสถาปัตยกรรมรูปดอกอาร์ติโชค (Atiso) ดอกตูมสีเขียวที่ชื่อ Quảng Trường Lâm Viên
ดอกอาร์ติโชคเป็นดอกไม้ที่ปลูกกันมากในเวียดนาม
ไม่ไกลกันนั้นมีอาคารโดมดอกทานตะวัน ซึ่งด้านใต้คือห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี คิดดูว่าเก๋แค่ไหน แค่สองจุดนี้ผมว่าคุณก็หมดเมมไปเยอะละ แต่สำหรับคนที่รักกิจกรรมบริเวณรอบๆ ก็มีกิจกรรมหลายอย่างให้ลองทำเช่น การขี่ม้า ใช่..มีม้าให้บริการแบบชายหาดหัวหินเลย หรือจะหวานหน่อยนั่งรถลากแบบในเทพนิยายซินเดอเรลลา ที่นี่ก็มีบริการ ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัวทีเดียว ผมแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ บรรยากาศจะดีมาก
ก่อนหน้านั้นก็ให้ไปเที่ยวที่สถานีรถไฟดาลัต (Dalat Railway Station) ถือเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนามและอินโดจีน สร้างขึ้นโดยชาวฝรั่งเศส ในช่วง ศ.ศ. 1932 – 1938 เส้นทางสายนี้มีความยาว 84 กม.
ปัจจุบันมีบริการให้นักท่องเที่ยวได้ลองนั่งรถไฟเครื่องจักรไอน้ำแบบดั้งเดิม ที่ยังต้องใช้ถ่านไม้ในการเผาไหม้ของเครื่องจักร ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวชมธรรมชาติระยะทางประมาณ 5 กม.
ปลายทางเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Trai Mat โดยรถไฟเครื่องจักรไอน้ำนี้จะเปิดให้บริการเพียง 5 เที่ยวต่อวันเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีแล่นไปและ 20 นาทีแล่นกลับ
สำหรับใครที่ไม่ขึ้นรถไฟก็สามารถชื่นชมกับสถาปัตยกรรมของหลังคาที่ไม่ซ้ำกัน สามหลังคามุกของสถานีนี้ได้
สถานีนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นวัฒนธรรมประจำชาติอันเก่าแก่ของเวียดนาม
ในชานชลายังนำโบกี้เก่ามาปรับเปลี่ยนเป็นคาเฟ่เก๋ๆ น่ารักๆ วัยรุ่นชาวเวียดนามจะแต่งตัวน่ารักมาถ่ายรูปเช็กอินกันไม่ขาดสาย มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ
อย่างที่ผมบอกเสมอว่า ผมชื่นชอบการเดินตลาด เพราะตลาดจะเป็นที่ที่คุณสามารถเห็นวิถีชีวิตของคนเมืองนั้นๆ ได้ เช่นเดียวกับที่ตลาดนัดกลางคืน (Dalat Night Market)
สิ่งแรกที่เห็นได้คือ แม่ค้าพูดไทยได้เพราะคนไทยมาเที่ยวกันมาก สำหรับสินค้าที่นำมาจำหน่ายในตลาดกลางคืนแห่งนี้ มีหลากหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องนุ่งห่ม ของฝาก งานหัตถกรรม หรืออาหารการกินทั้งของสด ของแห้ง
แนะนำให้ลองกินพิซซ่าดู ขนาดเล็กๆ พออิ่ม แป้งกรอบ ไส้เยอะ รสชาติกลมกล่อมดี ราคาไม่แพงชิ้นหนึ่งก็ 20,000 ดองเท่านั้น ส่วนราคาสินค้าอื่นๆ ผมว่าค่อนข้างถูกมาก จับจ่ายใช้สอยได้อย่างสบายใจ
นอกจากตัวเมืองดาลัตที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายแล้ว นอกเมืองไปไม่ไกลประมาณครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ตอบรับความต้องการทุกสายได้ครบถ้วน
ถ้าคุณเป็นสายธรรมชาติและแอดเวนเจอร์หน่อยๆ แนะนำไปที่น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall) ได้เลย
ห่างจากเมืองดาลัตไปทางทิศใต้แค่ 5 กิโลเมตรเท่านั้นแม้น้ำตกจะไม่ใหญ่มากนักแต่กิจกรรมเยอะ ไม่ต้องเดินลงไปดูน้ำตก
แต่ให้ลองนั่งรถราง (Roller Coaster) ลงไปชมตัวน้ำตก จะนั่งคนเดียวหรือสองคนก็ไม่ว่ากัน
รถจะไล่ไปตามรางเรื่อยๆ ไม่อันตรายอย่างที่คิด เพราะเราสามารถควบคุมความเร็วได้ตามใจชอบ สนุกสนานเป็นที่สุด
หรือถ้าออกกำลังกายเดินลงไปได้ ทางเดินเป็นบันไดคอนกรีตทำไว้อย่างดี ตลอดเส้นทางก็เป็นร่มเงาธรรมชาติสวยงาม
แต่ถ้าคุณเป็นสายบุญที่นี่เลย วัดลึงเฟือกหรือวัดเจดีย์มังกร (Linh Phuoc) วัดพุทธนิกายเซนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเวียดนาม ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร
ในวิหารตกแต่งสวยงามด้วยเซรามิกหลากสี โดดเด่นด้วยหอระฆังสูง 7 ชั้น มีความสูงถึง 37 เมตร สูงที่สุดในเวียดนาม
ผนังด้านบนภายในวิหารยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใส บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน
ไม่ไกลกันนั้นมีองค์เจ้าแม่กวนอิมปางยืนยกพระหัตถ์ประทานพร ทำจากกระดาษดอกบานไม่รู้โรย วิธีสักการะขอพรที่วัดนี้ ทำโดยจุดธูปเพียงดอกเดียวสำหรับไหว้พระ บอกชื่อตัวเอง วันเดือนปีเกิด ขออะไร อธิษฐานในใจไม่ต้องบนบานศาลกล่าวอะไรทั้งนั้น
สำหรับสายดอกไม้ พุ่งตรงมาที่นี่เลย สวนดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangeas Garden) ออกมาทางตะวันออกของเมืองดาลัต ประมาณ 10 กิโลเมตร เท่านั้น
คุณก็จะได้สัมผัสกับทุ่งดอกไฮเดรนเยียกว่า 10 ไร่ (ดอกใหญ่กว่าหน้าคนอีก) เดิมที่นี่เป็นเพียงสวนดอกไม้ธรรมดา แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมากขึ้นจึงเปิดให้เข้าชมสวนในสนนราคาแสนถูกเพียง 30,000 ดองเท่านั้น
ก็ได้เข้าไปเดินเล่นท่ามกลางดอกไม้แสนสวย จากอากาศที่ค่อนข้างเย็นของดาลัตทำให้มีดอกไฮเดรนเยียตลอดทั้งปี ถ้าอยากได้แบบดอกเยอะๆ บานมากสุด แนะนำให้มาช่วงปลายปีจะเหมาะสุด
สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นได้จากการมาเที่ยวเมืองดาลัตคือผู้คนที่สดใส อารมณ์ดี อาจจะเพราะอากาศที่ดีของเขาก็เป็นได้
ด้วยการเดินทางที่ไม่ไกลมากเพียงชั่วโมงนิดๆ คุณก็สามารถเดินทางมาพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ ดังนั้นวันหยุดนี้ รีบจองตั๋วแล้วมาชิลที่ดาลัตกัน
การเดินทางไปดาลัต สามารถเดินทางไปได้ง่ายดาย ด้วยสายการบินไทยเวียตเจ็ท บินตรงจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – ดาลัต ไป-กลับ จำนวน 5 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ สนใจจองตั๋วได้ที่ https://www.vietjetair.com