ท่องป่าซาฟารีที่ บอตสวานา

Story & Photo by Kanjana Hongthong

ยิ่งออกเดินทางมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งค้นพบว่านอกจากได้ทำความรู้จักโลกใบนี้มากขึ้น ก็ยิ่งรู้จักตัวเองมากขึ้นด้วยเช่นกัน

botswana 0153

เพราะระหว่างเดินทาง ฉันมักค่อยๆ ทำความรู้จักอารมณ์และเรียนรู้ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง หลายครั้งจึงพบว่าการเดินทางอาจนำพาเราขยับตัวออกห่างจากพื้นที่ที่ๆ คุ้นเคย เพื่อไปสร้างความคุ้นเคยกับตัวเองนั่นเอง ก็คงเหมือนเรื่องท่องป่าซาฟารีที่เคยคิดมาตลอดว่า คนผิวใจกระด้างอย่างฉัน คงไม่ร้อนหนาวกับสิงสาราสัตว์ ไม่ใช่พวกใช้สรรพนามเรียกหมาแมวเหมือนลูกในไส้ ไม่ใช่พวกไถ่ชีวิตโคกระบือเป็นกิจวัตร แต่แปลกดีที่หลังจากได้ไปท่องป่าซาฟารีที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโกรงโกโร่ประเทศแทนซาเนีย (Tanzania) เท่าที่จำได้ วันนั้นฉันผุดลุกผุดนั่งอย่างมีความสุขกับการตามรอยสิงสาราสัตว์ ก็คงวันนั้นแหละที่รู้ใจตัวเองว่า แท้จริงแล้ว ระหว่างฉันกับสัตว์ เราอาจจะเป็นสิ่งแปลกหน้าของกันและกัน แต่ก็เผลอยิ้มให้พวกมันได้อย่างไม่รู้เบื่อ

botswana 0100

แอฟริกาเที่ยวล่าสุด ฉันจึงไม่ได้หยุดตัวเองอยู่แค่ เซาธ์ แอฟริกา (South Africa), นามิเบีย (Namibia) และแซมเบีย (Zambia) แต่เลยเถิดไปถึงบอตสวานา (Botswana) โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่อุทยานแห่งชาติโชเบ (Chobe National Park) เมื่อจุดหมายปลายทางอยู่ที่อุทยานแห่งชาติโชเบ ฉันจึงไม่ได้บินเข้าไปตั้งหลักที่เมืองหลวงอย่างกาโบโรเน (Gaborone) แต่เลือกเข้าทางชายแดนประเทศแซมเบียเพราะอุทยานแห่งนี้อยู่ติดกับฝั่งแซมเบีย ชีวิตต้องวางแผน ไหนๆ ก็จะบุกป่าฝ่าน้ำตกไปหาวิคทอเรีย ฟอลส์ฝั่งแซมเบียทั้งที กระโดดข้ามประเทศมานิดเดียวก็ถึงอุทยานแห่งชาติโชเบแล้ว พิกัดของการบินจึงต้องหามุมหย่อนตัวลงบนสนามบินชายแดนที่เชื่อมสถานที่อันเป็นหมุดหมายทั้ง 2 แห่งของฉัน ซึ่งนั่นก็คงหนีไม่พ้นสนามบินลิฟวิ่งสโตนในฝั่งแซมเบียที่ตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ ใหม่เอี่ยมอ่องและสัญญาณ Wi-Fi แน่นเปรี๊ยะจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่ฉันกำลังใช้ชีวิตอยู่ในเมืองริมชายขอบ และข้อสำคัญมันอยู่กลางป่าดงพงไพรที่แออัดไปด้วยต้นไม้สีเขียว และไม่ได้เหมือนกับสนามบินฮีโธรว ชารล์ส เดอ โกล หรือเจเอฟเค ที่บรรจุผู้สัญจรที่ต่างมาเพื่อท่องป่าคอนกรีต แต่สนามบินแห่งนี้เบาโล่ง บรรจุคนแปลกหน้าของแซมเบียเอาไว้หลวมๆ ต้องเป็นพวกมีใจให้กับการผจญภัยและหลงใหลธรรมชาติเท่านั้นแหละ พวกเขาถึงจะดั้นด้นมาที่นี่

botswana 0003

ฟังดูต้องฝ่าดงพงไพรยังไงไม่ทราบ แต่นี่คงไม่ได้เฉียดแค่เศษเสี้ยวความยากลำบากของเดวิด ลิฟวิ่งสโตนเลยแม้แต่น้อย อากาศร้อนอ้าวและแสงแดดระดับเพชรฆาตลูบแก้มเบาๆ เป็นการทักทาย ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกสำหรับคนบ้านใกล้เส้นศูนย์สูตรอย่างฉัน ใช้คำว่าชินชากับอากาศแบบนี้น่าจะถูก แต่เมื่อหอมกลิ่นแอร์ฉ่ำๆ บนรถก็คล้ายมีแม่เหล็กเหนี่ยวให้รีบสาวเท้าก้าวขึ้นพาหนะใหม่เอี่ยมที่คล้ายเหมือนเป็นรถดูดวิญญาณไปทันที ชายหนุ่มผิวสีกาแฟยิ้มรับด้วยไมตรี เขาไม่ได้เป็นแค่โชเฟอร์แต่ควบหน้าที่เหมือนเป็นไกด์และพริตตี้ประจำรถด้วย พอนั่งประจำตำแหน่งสารถีปุ๊บเขาก็บรรยายไปพร้อมกับหยอดมุกตลอดการเดินทาง ไล่ไปตั้งแต่ดินฟ้าอากาศและข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ของประเทศแซมเบียทุกแขนง

botswana 9928 botswana 9966

ฟังเขาเพลินๆ แต่ไม่ลืมสังเกตถนนหนทางไปสู่ตัวเมืองลิฟวิ่งสโตนว่าสภาพดีกว่าที่จินตนาการไว้เยอะเลย สองฟากฝั่งถนนอาจจะเป็นป่าสีเขียวครึ้ม และไกด์บอกว่าถ้าโชคดีอาจจะมียีราฟและอิมพาลาออกมาโพสท่ารอต้อนรับก็ได้นะ แต่ฉันคงยังโชคไม่ดี รถดูท่าว่าเคลื่อนมาใกล้ถึงตัวเมืองแล้ว ยังไม่มีรีเซฟชั่นโผล่มาให้ดีใจ ภาพของเมืองลิฟวิ่งสโตนที่ปรากฏ ชวนให้หลับตาแล้วนึกถึงจังหวัดริมชายแดนที่ไหนสักแห่ง เมืองเล็กๆ ที่มีโบสถ์อยู่ใจกลางเมือง ศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองตั้งเผชิญหน้าอยู่กับศูนย์กลางแห่งการช้อปปิ้งของเมือง เรียกว่าออกจากโบสถ์ปุ๊บเข้าไปช้อปต่อได้เลย และสำหรับนักเดินทาง ที่อยากสำรวจว่าผู้คนที่นี่เขากินอยู่กันแบบไหน สินค้าอะไรขายดี สินค้าอะไรไม่ค่อยรุ่ง มาสำรวจได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ตรงข้ามกับโบสถ์นี้แหละ ส่วนจำพวกของที่ระลึกเก๋ๆ ก็มีร้านรวงให้เลือกช้อปพอหอมปากหอมคอ และแน่นอนว่า คาเฟ่และร้านอาหารก็พอมีเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งแฮงก์เอาท์กัน

botswana 0400

botswana 0380 botswana 0409

จะว่าไป ลิฟวิ่งสโตนเป็นเมืองไม่ใหญ่โตเท่าไหร่ ผู้คนที่นี่มีแค่แสนกว่าคนเท่านั้น แต่จัดได้ว่าเป็นเมืองหลักที่นักท่องเที่ยวพุ่งมาหาเมื่อมาถึงแซมเบีย อาคารบ้านเรือนโรยสีสันไว้พอตัว อาจเป็นเพราะลิฟวิ่งสโตนเคยเป็นเมืองอาณานิคมของอังกฤษ สถาปัตยกรรม ยุคโคโลเนียลจึงมีทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า และถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวจะเข้ามามีอิทธิพลกับเมืองนี้มากกว่าเมืองอื่นๆ แต่ผู้คนยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย ที่จริงฉันสังเกตตั้งแต่นั่งรถจากสนามบินมาที่นี่แล้วว่าผู้คนจะนิยมปั่นจักรยานเข้าเมืองหรือไม่ก็ใช้ 2 เท้าเดินเหินเข้าเมืองกัน เพราะรถเมล์ดูเหมือนยังไม่มี ใครมีสตุ้งสตางค์หน่อยก็ต้องใช้เหมาแท็กซี่เอากลางเมืองมีพิพิธภัณฑ์ลิฟวิ่งสโตน (Livingstone Museum) ให้ตามรอยเรื่องราวอดีตของเมืองนี้และแซมเบียด้วย ด้านในบอกเล่าความเป็นมาของแซมเบียในอดีตอย่างละเอียด ว่ากันตั้งแต่กะโหลกของมนุษย์ยุคโบราณที่ขุดพบในแซมเบีย ไปจนถึงพวกเสื้อผ้าอาภรณ์แบบพื้นเมือง รวมถึงมุมที่แสดงเรื่องราวชีวิตของเดวิด ลิฟวิ่งสโตน ในแง่มุมต่างๆ ไปจนถึงบันทึกการเดินทางในแอฟริกาและแซมเบียของเขา ที่ว่ากันว่าเป็นฉบับจริง

botswana 9934 botswana 9962 botswana 0191

พักผ่อนหย่อนอารมณ์อยู่ในเมืองลิฟวิ่งสโตนอย่างสบายอารมณ์ วันรุ่งขึ้นนั่นแหละ ถึงได้นั่งรถข้ามประเทศไปหาประเทศบอตสวานา เป็นประเทศที่ต้องข้ามพรมแดนกันทางน้ำ เมื่อสุดระยะบัสจะปล่อยผู้โดยสารลงตรงริมแม่น้ำ จากนั้นทุกคนจะต้องลงเรือลำน้อยที่จอดคอยท่าทุกคนอยู่ และข้ามไปส่งฝั่งบอตสวานา ไม่ถึง 10 นาทีเรือก็ถึงฝั่งบอตสวานา ถึงจังหวะนี้ไม่ต้องเก้ๆ กังๆ เพราะจะมีบัสมาเสยผู้โดยสารไปส่งตรงจุดตรวจคนเข้าเมือง ถึงตรงนี้มีบางอย่างทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ เพราะชาวเมืองที่เดินผ่านด่านทุกคนจะต้องไปจุ่มรองเท้าของตัวเองลงบนแอ่งน้ำเล็กๆ ด้านหน้าด่านตรวจ แม้แต่โชเฟอร์รถบรรทุกทุกคน ก็จะจอดรถลงแล้วหอบหิ้วรองเท้าทุกคู่ที่มีบนรถไปจุ่ม โชเฟอร์ช่วยคลี่คลายว่าเป็นการฆ่าเชื้อก่อนจะเข้าประเทศ ทุกคนทำแบบนี้อย่างไม่มีใครอิดออดหรือฝ่ากฎ นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินผ่านจึงต้องปฏิบัติเยี่ยงชาวเมือง

botswana 9958

นั่งผึ่งแอร์เย็นฉ่ำในรถไปไม่นาน ก็ถึงจุดลงเรือไปล่องแม่น้ำโชเบกันก่อน เป็นเรือลำย่อมที่มีห้องน้ำและเครื่องดื่มพร้อมพรั่ง ที่ต้องมีห้องน้ำเพราะเรือไม่ได้ล่องส่องสัตว์กันแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่หลายชั่วโมงอยู่ คงไม่ดีแน่ถ้าเกิด ต้องการทำธุระแล้วต้องแวะขึ้นฝั่ง
เรือค่อยๆ ผละออกจากฝั่ง มันไม่ได้บรรทุกผู้คนอย่างเดียว แต่บรรทุกความคาดหวังของผู้โดยสารเอาไว้กองพะเนิน คงไม่มีใครอยากแค่อยากมานั่งเรือชิลๆ เพราะทำแบบนั้นไปล่องแม่น้ำแควแถวกาญจนบุรีก็ได้ ไม่ต้องดั้นด้นมาถึงบอตสวานา นั่งมาได้ครู่เดียว ไกด์ที่ทำหน้าที่ขับเรือด้วยก็เริ่มสอดส่ายสายตา เขาค่อยๆ ขยับเรือเข้าใกล้ ส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่ในความเงียบ ที่แท้จระเข้ตัวเขื่องก็นอนซุกอยู่ใต้ขอนไม้นั่นเอง ส่วนที่นอนผึ่งแดดบนเนินทรายริมแม่น้ำก็เยอะ เห็นแล้วได้แต่นึกว่าเรือลำนี้อย่าได้แตกหรือล่มขึ้นมาเชียว เพราะนอกจากจระเข้ที่ลอยละล่องอยู่ทั้งบนบกและใต้น้ำแล้ว ยังมีฮิปโปโปเตมัสที่เริ่มทยอยพ่นน้ำและปรากฏตัวกันอย่างหนาแน่น ต้องใช้คำว่าหนาแน่น เพราะฮิปโปไม่ได้อยู่กันลำพัง แต่เป็นสัตว์ที่อยู่กันเป็นกลุ่ม และอย่าได้เฉียดเข้าไปใกล้เชียว เพราะฮิปโปในแอฟริกาจัดว่าดุร้ายมากขนาดที่ว่าจระเข้ยังขยาดเลย เห็นอ้วนกลมอุ้ยอ้ายแต่เวลาว่ายน้ำจะพลิ้วมาก

botswana 0012 botswana 0096

เราได้แต่ส่องอยู่ไกลๆ เพราะเรือจอดใกล้มากไปก็อันตราย เนื่องจากฮิปโปมีน้ำหนักตัวเยอะ บางตัวหนักถึง 3 – 4 ตัน ถ้าเข้ามาใกล้เรือเล็กอาจจะพลิกคว่ำได้สบายๆ อย่าได้ทำเป็นหย่อนอาหารเข้าปากเหมือนที่เห็นตามสวนสัตว์เชียว มันจะพุ่งเข้ามาแล้วคว่ำเรือได้ แค่เห็นขนาดของฮิปโปแต่ละตัวก็ไม่อยากเข้าใกล้แล้ว แต่ละตัวยังกะเรือดำน้ำแน่ะ ไกด์บอกว่าจะหาดูฮิปโปมากแบบนี้ต้องไปแถวแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือไม่ก็ตามโคลน ซึ่งตอนกลางวันเราอาจเห็นลอยคออยู่ในน้ำแบบนี้ แต่พอตอนกลางคืนก็อาจจะขึ้นไปเดินป้วนเปี้ยนบนบก ทีแรกคิดว่ามาล่องแม่น้ำโชเบแบบนี้ ฮิปโปน่าจะเป็นของหาดูได้ง่ายที่สุด แต่ยิ่งเรือแล่นไปก็ยิ่งพบเจอกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่หลากหลายขึ้น นอกจากสัตว์ตระกูลกวาง ยังมีพวกนกหลากสายพันธ์ พวกควายป่าก็ยืนเงาตะคุ่มดำๆ เล็มหญ้าอยู่ริมน้ำกันเป็นระยะ

botswana 0212

แต่ที่ทำให้หูตาเบิกโพลง ก็น่าจะเป็นฝูงช้างแอฟริกันตัวเป้งๆ ที่ยืนจับกลุ่มหากินกันอย่างเอร็ดอร่อย มีทั้งช้างพ่อ แม่ ลูก ที่อยู่กันเป็นครอบครัวอย่างน่าเอ็นดู เห็นแล้วได้แต่อมยิ้มอยู่บนเรือ ที่จริงซาฟารีทางน้ำแค่นี้ ก็แทบจะพับกระเป๋ากลับบ้านอย่างอิ่มเอมได้แล้ว แต่ไกด์บอกยังไม่จบ ยังเหลือซาฟารีทางบกอีกครึ่งวัน ขึ้นจากเรือเลยตุนเสบียงไว้ ก่อนจะนั่งรถซาฟารีเปิดหลังคา ออกไปท่องป่าในเขตอุทยานโชเบกันต่ออีก แค่ต้นทางของอุทยานฉันก็ปิติแล้ว เมื่อมีนกเงือกตัวเขื่องกำลังเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตของมันอยู่ ผละจากนกเงือกมาไม่ไกล เริ่มมีฝูงกวางคูดูที่เขาบิดกันเป็นเกลียวเชียว จากนั้นอิมพาลาก็ปรากฏร่างอันสะโอดสะองให้เห็น แต่ที่ดูกรีดกรายเหมือนกวางนางงามก็น่าจะเป็นพวกตระกูลกวางแอนติโลป ที่ตัวเมียมีเยอะจนไม่น่าดูเท่าไหร่ แต่พอตัวผู้มีเขาคดโค้งสวยงาม

botswana 0266 botswana 0309

ยังมีกวางอีกหลายชนิดที่เจอได้ในอุทยานแห่งชาติโชเบ แต่ที่เยอะอีกเหมือนกันคือพวกลิงบาบูน มันอยู่กันเป็นฝูงเบ้อเริ่ม ไกด์ว่าบางฝูงนี่อยู่กันหลายร้อยตัวเลยทีเดียว แต่ละฝูงจะมีจ่าฝูงตัวใหญ่ๆ เดินกร่างๆ หน้าตาเฮี้ยวสุด ผ่านกลุ่มลิงบาบูนทีไรฉันจึงนั่งนิ่งเป็นนางเอกเรื่องห้องหุ่น กลัวไปเข้าตาจ่าฝูง หมูป่าก็มีให้ดูกันประปราย นกนี่ไม่ต้องพูดถึง เรียกว่านักส่องนกมานี่ อยู่ได้หลายวันกันเลยทีเดียว เขาว่าภายในอุทยานนี่มีนกเกือบ 500 ชนิดตามเบี้ยใบ้รายทางยังมีพวกนกกระจอกเทศ วิลเดอร์บีส ไฮยีนา ม้าลาย ควายป่า และฮิปโป แต่ที่ยังไม่เห็นเลยก็คงจะเป็นเสือดาว สิงโต และแรด ไม่เป็นไร เพราะนางเอกของอุทยานโชเบที่แท้จริงคือช้างแอฟริกันที่ว่ากันว่ามีมากกว่า 6 หมื่นตัว เรียกว่า ถ้าไล่เลียงอุทยานแห่งชาติ 5 – 6 แห่งในบอตสวานา ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องช้างต้องยกให้โชเบ

botswana 0041 botswana 0346

ไกด์จอดรถนิ่งๆ ให้ชมฝูงช้างอย่างใกล้มาก ใกล้จนฉันรู้สึกว่าได้ยินเสียงเคี้ยวในปากของช้าง และฉันก็เชื่อเช่นกันว่า ช้างคงได้ยินเสียงหายใจของฉัน ไม่มีภาพไหนน่าดูเท่าช้างแม่ลูกกำลังก้มหน้าก้มตาหากินกันอย่างอบอุ่น บางตัวเดินฉวัดเฉวียนเข้ามาใกล้ๆ ใกล้มากจนไกด์หันมาส่งสัญญาณให้เงียบ เพราะหากเสียงดังช้างอาจจะตกใจและทำร้ายเราได้ บางทีพวกมัน คงชินชากับการต้องเจอมนุษย์และรถยนต์แบบนี้ทุกวัน ต่อให้มาจอดรถแล้วจ้องมอง มันก็ยืนเล็มอาหารราวกับเราเป็นอากาศธาตุ

botswana 0347

มีอยู่ตัวหนึ่งทำฉันหายใจไม่ทั่วท้อง มันเป็นช้างตัวใหญ่มากยืนนิ่งขวางรถ แล้วเดินอ้อมมาทำจมูกฟึดฟัด เหวี่ยงงวงไปมา ทำท่าเหมือนนักเลง หัวไม้ ฉุนเฉียวนิดๆ แต่เมื่อเราเงียบซะอย่าง พี่แกก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ ไม่ค่อยดี ไกด์บอกว่า เมื่อไหร่ที่สถานการณ์คับขันแบบนี้ ให้นิ่งและเงียบที่สุด แล้วช้างจะเดินจากไปเอง อย่าใช้วิธีหนีหรือเหยียบคันเร่ง เพราะถ้าหนีเมื่อไหร่ ช้างจะวิ่งไล่กวดเราเลย คราวนี้ล่ะลุ้นกว่าอาจไม่ใช่มุมซาฟารีดีที่สุดในโลก แต่โชเบคือที่ที่ทำให้ออกจากชายคาป่าอย่างมีความสุข นี่คงเป็นอีกวันที่ฉันไม่ได้แค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เป็นอีกวันที่รู้ใจตัวเองมากขึ้นพอๆ กับรู้ใจช้าง

– หากต้องการบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการวางแผนท่องเที่ยวในแอฟริกา สามารถ สอบถามที่บริษัททอมสันส์ เกทเวย์ ให้ช่วยวางแผนการเดินทางได้ จะจัดการให้ทั้งเรื่องเส้นทาง รถรา ไกด์ ไปยันที่พัก คลิกไปดูที่ www.thompsonsafrica.com
– คนไทยจะไปเที่ยวบอตสวานายังต้องทำวีซ่าอยู่ ถ้าใกล้ที่สุดก็ส่งเอกสารสแกนส่งไปที่สถานทูตบอตสวานาในญี่ปุ่น รอเจ้าหน้าที่ตอบเมลกลับมาแล้วค่อยโอนเงินไป ใช้เวลาทำประมาณ 15 วัน เมื่ออนุมัติแล้วจะส่งเล่มกลับมา ส่งอีเมลไปที่ info@botswanaembassy.or.jp
– บอตสวานาเป็นประเทศที่เดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี คลิกไปเช็กสภาพอากาศตรวจข้อมูลก่อนจะเดินทางได้ที่ www.weather.com

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0