Wonderful Winter Destinations เมืองน่าเที่ยวช่วงฤดูหนาว

แม้ฤดูหนาวจะเป็นฤดูกาลที่หนาวเย็นและสร้างบรรยากาศเหงาได้มากที่สุดแต่ขณะเดียวกันฤดูหนาวก็ทำให้สถานที่หลายแห่งเปล่งประกายที่สุดเช่นกันลองออกเดินทางไปค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่สวยงามที่สุดในโลก ผ่านสถานที่สวยงามในช่วงฤดูหนาวที่เราแนะนำให้คุณเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางช่วงฤดูหนาวเพิ่มเติม และสร้างให้เป็นฤดูกาลที่สุดพิเศษอีกหนึ่งฤดูกาล

ทาลลินน์ (Tallinn) เอสโตเนีย (Estonia)

ทาลลินน์เป็นเมืองหลวงของประเทศเอสโตเนียหากใครนึกไม่ออกว่าทาลลินน์อยู่ไหน ทาลลินน์อยู่ใกล้กับกรุงเฮลซิงกิ (Helsinki) เป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฟินแลนด์นั่นเอง เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศบอลติก หรือรัฐบอลติก (Baltic States) เป็นชื่อที่เรียกรวมสามประเทศทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลบอลติก ประกอบไปด้วย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย และลัตเวีย

ทาลลินน์มาพร้อมกับมนต์เสน่ห์แห่งฤดูหนาวที่สวยงามเป็นพิเศษ เนื่องจากเมืองถือเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดในโซนยุโรปเหนือ เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเมืองเก่าในยุคกลางแถมถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ มองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด สมกับที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997 สถานที่ท่องเที่ยวอย่างเช่น จัตุรัสเมืองเก่าทาลลินน์ (Tallinn Old Town Square) หรือ Raekoja Plats ในย่าน old town ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ปราสาททูมเปีย (Toompea Castle) ที่ปัจจุบันเป็นที่ทำการรัฐสภาของประเทศ รวมไปถึงมหาวิหารมหาวิหารเซนต์แมรี (St.Mary Church) หรือ Dome Church มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่13 เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในทาลลินน์และเอสโตเนียก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะนอกจากคนที่ชอบเมืองเก่าและสถาปัตยกรรมสวยแบบทาลลินน์แล้วคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ เอสโนเนียก็ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) แคนาดา (Canada)

อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ ตั้งอยู่ในเทือกเขาร็อกกี้ในตอนใต้ของรัฐอัลเบอร์ตา เป็นอุทยานที่เก่าแก่ที่สุดของแคนาดา ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 1885 ภายในอุทยานแห่งชาติมีท่งุ น้ำแข็ง ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาและทะเลสาบสีฟ้า น้ำพุร้อน มีป่าไม้และสัตว์ต่างๆเช่น อินทรีย์สีทอง หมีกริซลี หมีดำ ฯลฯ

ด้วยความสมบูรณ์แบบนี้จึงทำให้อุทยานแห่งชาติแบมฟ์มีสมญานามว่า อัญมณีแห่งเทือกเขาร็อกกี้พอเข้าสู่ฤดูหนาว น้ำในทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louis) ที่เปรียบเหมือนเพชรเม็ดงามของที่นี่ก็จะใสเป็นที่สุด ทะเลสาบโมเรน (Moraine Lake) จะมีปุยขาวของหิมะโปรยลงมา เพิ่มเสน่ห์ให้ผืนน้ำและอาณาบริเวณโดยรอบ งดงามกันไปอีกแบบ และที่ทะเลสาบเราจะมองเห็นวิวที่น่าทึ่งของทิวเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะซึ่งบรรดาทิวเขาที่เห็นกันนั้น คือหุบเขาเท็นพีคส์ หรือ หุบเขาสิบยอด สำหรับใครที่อยากชมวิวทิวทัศน์จากมุมสูงของเมืองแบมฟ์ให้ขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขา Sulphur Mountain ได้ และกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกันช่วงฤดูหนาวคือการเล่นสกีหิมะภายในอุทยานแห่งชาติก็มีสถานตากอากาศหรือรีสอร์ต ที่ให้บริการด้านการเล่นสกีหิมะแก่นักท่องเที่ยว มีเลื่อนหิมะที่ใช้พลังขับเคลื่อนโดยฝูงน้องหมาลากจูง ไว้ให้บริการหรือถ้าทัวร์ชมทะเลสาบพร้อมไกด์ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ในฤดูหนาวเช่นกัน

ฮอกไกโด (Hokkaido) ญี่ปุ่น (Japan)

ฮอกไกโด เกาะตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศญี่ปุ่นมีเมืองหลัก คือ ซัปโปโร (Sapporo) อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของฮอกไกโดอยู่ที่ไม่ถึง 10 องศา ในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดลงไปถึงติดลบทีเดียว และการได้ท่องเที่ยวฮอกไกโดในช่วงฤดูหนาวนับเป็นอีกจุดหมายปลายทางสุดฮิตของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ยิ่งในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีที่ฮอกไกโดก็จะมีงานเทศกาลฤดูหนาวที่ยิ่งใหญ่ และเป็นไฮไลท์ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากมาชมด้วยตัวเอง นั่นก็คือ เทศกาลหิมะและน้ำแข็งแกะสลัก (Sapporo Snow Festival) โดยไฮไลต์อยู่ที่การประกวดประติมากรรมหิมะนานาชาติ ซึ่งจะมีทีมผู้เข้าแข่งขันจากประเทศต่างๆทั่วโลกเข้าร่วมประกวด รวมทั้งประเทศไทยเราด้วย

สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า (Asahiyama Zoo) ที่เมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) สวนสัตว์ที่เหมือนจะธรรมดา แต่พิเศษขึ้นมาในช่วงฤดูหนาว เพราะจะมีทางสวนสัตว์จะมีกิจกรรมพาเหรดน้องเพนกวิน เพนกวินตัวอ้วนกลม นุ่มนิ่มที่ตั้งแถวเดินเรียงกันออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เก็บภาพความประทับใจ เป็นกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ในช่วงฤดูหนาวของฮอกไกโด

อีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูหนาวคือ เหล่ากระท่อมไม้กลางป่าใหญ่ข้างๆ โรงแรม Furano Prince Hotel ที่ชื่อ Ningle Terrace กระท่อมไม้เล็กๆ น่ารัก ตั้งเรียงรายไปเป็นทิวแถวล้อมรอบด้วยต้นไม้หนาแน่น ในหน้าหนาวบรรยากาศเหมือนกำลังหลุดเข้าไปอยู่ในเทพนิยาย ร้านค้ามากกว่า 15 ร้านเหล่านี้เป็นสินค้าแฮนเมด (งานไม้, เทียนหอม, น้ำผลไม้หมัก) ร้านกาแฟ เครื่องดื่มที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น แข่งกับกลิ่นของขนมอบใหม่อุ่นๆ จากเตาหอมจนอยากแวะทุกร้านทีเดียว

ฮัลสตัทท์ (Hallstatt) ออสเตรีย (Austria)

ถ้าพูดถึงเมืองท่องเที่ยวฤดูหนาว แล้วไม่พูดถึงเมืองฮัลสตัทท์ ของออสเตรียก็คงไม่ได้ เมืองที่เรียกว่าเป็นเมืองเด่นเมืองดังของออสเตรเลีย โดยเฉพาะวิวมุมโบสถ์ Evangelische Pfarrkirche Hallstatt ที่ฉายให้เห็นถึงบ้านเรือนสุดน่ารักที่ตั้งเรียงรายริมทะเลสาบฮัลล์สตัทท์โดยมีทิวเขาอยู่เบื้องหลัง เรียกว่าเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่สวยและบ่งบอกถึงความเป็นเมืองเทพนิยายของฮัลล์สตัทท์ได้ดีที่สุด ฮัลสตัทท์ ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ในประเภท Historic Cultural Landscape เมื่อปี 2540 เป็นเขตชุมชนพื้นเมืองเก่าแก่ของทวีปยุโรปที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เนื่องจากมีเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ยิ่งพอถึงฤดูหนาวที่เมืองฮัลล์สตัทท์ให้บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติก รู้สึกอบอุ่นสวนทางกับความหนาวเย็นของบรรยากาศกันเลย

ด้วยเพราะเป็นเมืองที่ค่อนข้างเล็ก ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เดินครบรอบเมือง หลายคนจึงนิยมไปแบบไปเช้า-เย็นกลับ แต่เราอยากแนะนำให้ลองพักสักคืนเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศของเมืองน่ารักๆ แห่งนี้นานหน่อย ที่นี่มีที่พักให้บริการไม่ต้องกังวล สำหรับการฮัลสตัทท์ ในช่วงหน้าหนาว คือร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหารจะเปิดน้อยกว่าปกติ แต่สิ่งที่จะได้ทดแทนมา คือ ไม่ต้องมีความชุลมุนวุ่นวายแย่งวิวกับใคร

นอกจากจุดท่องเที่ยวยอดนิยมแล้ว บริเวณ Salzwelten Hallstattเหมืองเกลือเก่าแก่อายุ 7,000 ปีนับว่าเก่าแก่ที่สุดบนเทือกเขาแอลป์ ถือเป็นสถานที่ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด ถ้ำน้ำแข็ง Dachstein ด้านในเต็มไปด้วยห้องโถงที่มีหินงอกหินย้อยเป็นแท่งน้ำแข็งตามธรรมชาติ หรือใช้เวลาผ่อนคลายไปกับน้ำชาสักกา เครื่องดื่มร้อนสักแก้ว ขนมอบอุ่นๆ สักชิ้น ที่บริเวณจัตุรัสประจำเมืองฮัลล์สตัทท์(Central Square Marktplatz) แล้วชมความสวยงามของเมืองที่แวดล้อมไปด้วยอาคารเก๋ๆ และธรรมชาติที่น่ารื่นรมย์ ก็ย่อมได้

ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) เยอรมัน (Germany)

ปราสาทหลังงามราวกับปราสาทเทพนิยาย ซึ่งก็เป็นปราสาทเทพนิยายจริงๆ กับปราสาทนอยชวานชไตน์ เพราะความสวยงามของปราสาทแห่งนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับวอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) นำไปเป็นต้นแบบปราสาทของเจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty Castle) ที่ดิสนีย์แลนด์อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ปราสาทนอยชวานสไตน์จึงถูกขนานนามว่าเป็นปราสาทแห่งเทพนิยายนับแต่นั้นมา

ปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์แถบแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย ผู้ที่ออกแบบปราสาทแห่งนี้ไม่ใช่สถาปนิก แต่กลับเป็นคนออกแบบฉากละคร ทำให้ปราสาทแห่งนี้เหมือนปราสาทในจินตนาการมากกว่าปราสาทแห่งอื่นด้วยตำแหน่งที่ตั้งของปราสาทอยู่บนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์สูงกว่า200 เมตร เหนือออบแก่งของแม่น้ำพอลลัท สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ การไปยืนชมวิวของปราสาทที่สะพานมาเรียนบรู๊ค (Marienbrucke หรือ Mary’s bridge) ปราสาทแห่งนี้ไม่จำเป็นต้องมีสวน เพราะแวดล้อมด้วยธรรมชาติและทิวทัศน์ของป่าเขาลำเนาไพรที่สวยงามและมีสีสันแปรเปลี่ยนแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาลของเทือกเขาแอลป์อยู่แล้วเรียกได้ว่าสวยทุกฤดู

แต่ถ้าเป็นฤดูหนาว ความสวยงามจะยิ่งทวีคูณ คิดภาพปราสาทหลังงามที่อยู่ท่ามกลางผืนป่าที่ปกคลุมไปด้วยสีขาวของหิมะ ยิ่งเวลามีแสงแดดกระทบกับเกล็ดหิมะ ส่องประกายฟรุ้งฟริ้งแบบที่วัยรุ่นชอบพูดกัน แม้ปราสาทนอยชวานสไตน์เป็นปราสาทที่ยังสร้างไม่เสร็จ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ปราสาทนี้ได้ถูกสร้างไปเพียง 1 ใน 3ของแผนที่วางไว้ แต่ความสวยงามของปราสาทนั้นก็เรียกให้ผู้คนเดินทางไปเยี่ยมชมไม่ขาดสายเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) สหรัฐอเมริกา (USA)

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนเป็นอุทยานแห่งแรกของโลกและของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเขตติดต่อสามรัฐได้แก่ ไวโอมิง(Wyoming), มอนแทนา (Montana), ไอดาโฮ (Idaho) แต่พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐไวโอมิง เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐด้วยพื้นที่มากกว่า 2 ล้านเอเคอร์ คือประมาณ 43,750 ตารางไมล์หรือ 8,992 ตารางกิโลเมตร ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นแกรนด์ แคนยอน (Grand Canyon) แห่งเยลโลว์ สโตน หุบเหวที่เกิดจากการแยกตัวของพื้นโลก ปัจจุบันมีแม่น้ำเยลโลว์ สโตนไหลผ่านเป็นระยะทางยาวกว่า 38 กิโลเมตร

ด้วยเพราะภูเขาที่นี่ไม่ใช่ภูเขาไฟลูกใหญ่เหมือนภูเขาไฟทั่วไป แต่เป็นหลุมขนาดใหญ่ใต้พื้นดินที่เก็บสะสมแม็กมาไว้มากมายมหาศาล โดยความร้อนเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมากลายเป็นน้ำพุร้อนมากกว่า 10,000 จุด พร้อมทั้งบ่อน้ำพุร้อนอีกกว่า 300 แห่ง อย่างเช่น บ่อน้ำพุร้อนสีรุ้ง ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยสีสันที่มีการไล่เฉด จากตรงกลางสีฟ้า ถัดออกมาก็จะเป็นสีเขียว เหลือง ส้มและแดง ที่บริเวณขอบตามลำดับ น้ำพุร้อนโอลด์ เฟธฟุล (Old Faithful Geyser) ที่มีน้ำพุ่งสูงจากพื้นมากกว่า 100 ฟุต ตลอดยาวนานกว่า 100 ปี ในช่วงฤดูหนาว ภายในอุทยานจะหนาวมาก ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หิมะตก โดยทั่วไปอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งแต่ -16°C ถึง 25°C อุณหภูมิตามสถิติที่หนาวเย็นที่สุดที่เคยวัดได้คือ -40°C ถนนส่วนใหญ่จะเปิดให้รถใช้ประมาณเดือนพฤษภาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นจะห้ามรถผ่านช อนุญาตให้เฉพาะพาหนะที่ใช้สำหรับฟื้นหิมะและน้ำแข็ง เช่น รถสโนว์โค้ช สโนวโมบิล สกี และเลื่อนน้ำแข็ง เป็นต้น และจะปิดห้ามนักท่องเที่ยวเข้าโดยเด็ดขาดทุกๆ ปี ตั้งแต่ประมาณ เดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่หิมะกำลังละลาย เดินทางไม่สะดวกและเป็นอันตรายได้

ความสวยงามของอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนที่เป็นที่พูดถึงคือภาพของหิมะที่ปกคลุมทั่วทั้งอุทยาน ที่แสดงให้เห็นถึงความหนาวเย็นแต่ยังเห็นภาพของน้ำพุร้อนที่พุ่งพวยออกมา และภาพของวิถีชีวิตสัตว์ป่าในอุทยาน เช่น หมีกริซซี่ (Grizzy Bear) กวางมูส (Moose)กวางเอลค์ (Rocky Mountain Elk) หมีดำ (Black Bear) ควายป่าไบซัน เป็นต้น ถ้าโชคดีคุณจะได้เห็นแพะภูเขา บิ๊กฮอร์น (Bighornsheep) ที่จะพบได้บ่อยในช่วงฤดหนาว เรียกว่าการชมสัตว์ป่าช่วงนี้คุ้มค่าเป็นที่สุด

แลปแลนด์ (Lapland) ฟินแลนด์ (Finland)

แลปแลนด์ ตั้งอยู่ตอนเหนือฟินแลนด์ น่าจะเป็นจุดหมายที่หลายคนให้คำตอบได้อย่างง่ายดายว่าทำไมต้องมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาว ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีอุณภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และหนาวเย็นตลอดอยู่แล้ว แต่ภาพของหิมะที่ปกคลุมแลปแลนด์ในช่วงฤดูหนาวก็สวยงามไม่แพ้ฤดูไหน สีขาวของหิมะที่ราวกับพรมผืนใหญ่ปกคลุมธรรมชาติที่กว้างใหญ่แบบไร้ขอบเขตประสบการณ์ที่จะทำให้วันหยุดสุดพิเศษของคุณพิเศษยิ่งขึ้นถ้าคุณได้พบกับแสงเหนือ (ออโรร่า) ที่โดยมากมักพบในแถบอาร์กติกแห่งนี้ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คุณเลือกมาแลปแลนด์

เหตุผลถัดมาคงหนีไม่พ้นการจะได้มาพบกับซานตาคลอส และได้ลองนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ ภาพของคุณลุงซานตาครอสเป็นหนี่งในภาพความสวยงามที่หลายคนมี แลปแลนด์เป็นบ้านเกิดของซานตาครอส สัมผัสบรรยากาศเมืองหนาวอันทรงเสน่ห์ที่หมู่บ้านซานตาคลอส และร่วมกิจกรรมสุดสนุกท้าทาย สำหรับหน้าหนาวอย่างการชมฟาร์มกวางเรนเดียร์และนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ ขี่สโนโมบิล กิจกรรมสุนัขลากเลื่อน เล่นสกี เป็นกิจกรรมสนุกของช่วงฤดูหนาวที่ไม่ควรพลาด และที่หลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวไม่ว่าจะเดินทางมาช่วงฤดูหนาวหรือฤดูไหนก็ตาม ความปลอดภัยสำหรับทุกคนที่มาเยือนแลปแลนด์จะได้รับความปลอดภัยอย่างแน่นอน

ปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic)

ปราก เป็นเมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐเช็ก ด้วยเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรมประกอบรวมกับตึกอาคารที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และที่สำคัญ ปรากเป็นเมืองในทวีปยุโรปอันดับต้นของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก ในฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วงเมืองนี้จึงคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากหลากหลายเชื้อชาติ แต่ในช่วงฤดูหนาว ที่ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก และบรรยากาศสีเทาๆ ทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงไปปรากในช่วงฤดูหนาว แต่ช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ที่เป็นช่วงเวลาที่หนาวที่สุดของที่นี่ ก็ความสวยงามและเงียบสงบที่อยากเชิญชวนให้ไปสัมผัส ภาพของหลังคาสีแดง สีส้มอิฐของอาคารบ้านเรือนตัดกับสีขาวของหิมะที่ปกคลุมทั่วพื้นที่เป็นความสวยงามแบบมีเสน่ห์ที่ทำให้ปรากช่วงฤดูหนาวเจิดจรัสขึ้นมา อย่างที่ Petroín Lookout Tower ก็มีวิวทิวทัศน์อันงดงามหลังหิมะโปรยปราย

นอกจากนี้ช่วงปลายปีแบบนี้ ยังอบอวลไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดคริสมาสต์ และงานปีใหม่ ตลาดคริสต์มาสของที่นี่เป็นตลาดที่อยากแนะนำให้มาสัมผัส ตลาดสไตล์โบราณที่พ่อค้าแม่ค้านำสินค้าทำมือ งานฝีมือและของเล่น ของสะสมออกมาจำหน่าย มีร้านขายขนมหวานแบบโบฮีเมีย เหล้าองุ่นหรือไวน์ที่เรียกว่า Sva ák เสิร์ฟร้อนๆในเครื่องดื่มจะผสมเครื่องเทศเช่น กานพลูลูกจันทน์เทศอบเชย เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเมื่อไปเที่ยวชมตลาดฤดูหนาวของกรุงปรากเป็นบรรยากาศที่ชวนหลงใหลเป็นอย่างมากและช่วงฤดูหนาวแบบนี้ อาหารที่ได้รับความนิยมอย่าง zel ačka (ซุปกะหล่ำปลี) หรือ guláš, สตูว์หนักที่ทำด้วยเนื้อสัตว์และหัวหอมเป็นสิ่งที่คุณลิ้มลองหลายคนต้องชอบคือ ที่พักจะมีแนวโน้มที่ราคาจะถูกกว่าสามารถจ่ายได้ในราคาครึ่งหนึ่งของช่วงของฤดูท่องเที่ยว (ไม่นับช่วงวันหยุดเทศกาลใหญ่อย่างวันคริสต์มาสและปีใหม่)

ทะลสาปเบลด (Lake Bled) สโลวีเนีย (Slovenia)

เบลด เป็นเมืองพักผ่อนที่มีความสวยงามอันดับต้นๆ ของสโลวีเนียและยังเคยได้รับรางวัลชนะเลิศเมืองรีสอร์ทของโลกด้วย สำหรับทะเลสาบเบลด ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาทางตอนใต้ ของเทือกเขาแอลป์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสโลวีเนีย ทะเลสาบแห่งนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูร้อน จำนวนนักท่องเที่ยวจะหนาแน่น ในขณะที่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ(ปลายเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน) จำนวนนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ19 องศาเซลเซียล นักท่องเที่ยวจะน้อยลง แต่นักท่องเที่ยวมีไม่มากในช่วงฤดูหนาวที่เมืองจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ซึ่งทำให้ตั๋วเครื่องบินและที่พักราคาถูกลง ด้วยอากาศที่เย็นทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งตัวบางครั้งหนาถึง 40 ซม.จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเล่นกีฬาน้ำแข็ง ที่นี่มีการแข่งขันกีฬาทางน้ำและน้ำแข็งในระดับยุโรปและระดับนานาชาติมากมาย

สำหรับวิวทิวทัศน์ก็สวยงามเหนือบรรยาย ภาพของทะเลสาบที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ มีทางเดินเป็นวงกลมที่สวยงามซึ่งคุณสามารถเดินรอบทะเลสาบได้ ซึ่งจะทำให้คุณมองเห็นวิวที่สวยงามของเกาะเบลด โบสถ์บนเกาะที่สร้างอุทิศให้พระแม่มารีที่สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 และปราสาทเบลด (Bled Castle) ปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดของสโลวีเนียตั้งอยู่บนยอดเขาสูงตระหง่าน130 เมตรเหนือทะเลสาบเบลด ทางรอบทะเลสาบมีจุดแวะพักให้ถ่ายรูปหลายมุม

ฮาร์บิน (Harbin) จีน (China)

ฮาร์บิน เป็นภาษาแมนจู มีความหมายว่าสถานที่ตากแหจับปลา เป็นเมืองเอกของมณฑลเฮย์หลงเจียง อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำซงฮัว (Songhua River) หรือแม่น้ำซงฮัวเจียง ฮาร์บินในช่วงเดือนมกราคมหนาวมาก ในช่วงกลางวันอุณหภูมิ -17 องศาและในช่วงเวลากลางคืนลดต่ำลงถึง -30 องศาเลยทีเดียว เมืองทั้งเมืองจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แม่น้ำซงฮัวแม่น้ำสายสำคัญของเมืองฮาร์บินก็กลายเป็นน้ำแข็ง แต่ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่พักผ่อนและเป็นสถานที่ให้เราสามารถเล่นไอซ์สเก็ตได้ที่กลางแม่น้ำไปโดยปริยาย ซึ่งอยากจะลองเดินลงไปบนแม่น้ำผืนน้ำแข็งก็น่าสนใจดี

ฤดูหนาวของที่นี่ยาวนานถึง 6 เดือน และด้วยความหนาวที่ยาวนาน บวกกับอุณหภูมิที่ต่ำมากช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดเป็นงานศิลปะชั้นยอด และกลายเป็นเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งและหิมะ (Harbin International Ice and Snow Festival) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในตอนแรกผู้เข้าร่วมในเทศกาลส่วนใหญ่เป็นชาวจีน แต่หลังจากนั้นได้กลายเป็นเทศกาลและการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเทศกาลนี้ดึงดูดผู้เข้าชมจากทั่วโลกมากกว่า 18 ล้านคนภายในงานเทศกาลมีทั้งการแข่งขันสกี Yabuli Alpine การแข่งขันว่ายน้ำในแม่น้ำซงฮัว และนิทรรศการโคมน้ำแข็งในสวนเจ้าหลิน ซึ่งงานเทศกาลนี้นับว่าเป็นงานเทศกาลหิมะและน้ำแข็งที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 4 ของทั้งโลก

เรคยาวิก (ReykjavÍk) ไอซ์แลนด์ (Iceland)

เรคยาวิก เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ (Republic of Iceland) และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด ในช่วงฤดูหนาวอย่างเช่นเดือนมกราคม ถือเป็นเดือนที่หนาวเย็นและมืดมิดก็ว่าได้ เพราะเป็นช่วงที่มีพระอาทิตย์ออกมาส่องแสงเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ถนนหลายสายเต็มไปด้วยน้ำแข็ง และพื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาราวหนึ่งเมตร แต่เรคยาวิกจะไม่มีวันน่าเบื่อเลยในช่วงฤดูหนาว

แม้ว่าวันนั้นจะมืดมิดก็ตามเพราะตลอดช่วงฤดูหนาวที่นี่มีปฎิทินกิจกรรมมากมาย มีงานเฉลิมฉลองมากมาย คอนเสิร์ต ละคร และนิทรรศการตามฤดูกาลอีกมากมาย อย่างเช่น เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว (Winter Light Festival) เป็นงานประจำปีที่กระตุ้นชีวิตในเมืองในช่วงกลางฤดูหนาว เพราะแสงไฟที่ประดับจะส่งแสงสว่างให้ทั้งเมืองตื่นจากความมืดมิดบางกิจกรรมนั้นเหมาะกับช่วงกลางฤดูหนาวแบบนี้มากเป็นพิเศษ เช่น การเล่นไอซ์สเก็ตบนทะเลสาปTjornin การไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง หรือการลงไปแช่ในสระว่ายน้ำธรรมชาติที่ได้รับพลังงานความร้อนจากใต้พิภพ (Geothermal Swimming Pools) อย่างเช่นบูลลากูน (Blue Lagoon) อันโด่งดัง ซึ่งแม้ที่นี่จะเปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ถ้าได้แช่น้ำอุ่นท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายคงเป็นความรู้สึกที่พิเศษไม่น้อย นอกจากบูลลากูนยังมีสกายลากูน (Sky Lagoon) ที่เพิ่งเปิดใหม่นั้นก็เป็นสถานที่น่าสนใจมากเช่นกัน นอกเหนือจากหิมะที่โปรยปรายลงมาเป็นครั้งคราวและคุณอาจจะโชคดีได้เห็นแสงเหนือหรือออโรร่าที่จะออกมาเริงระบำในช่วงฤดูหนาวนี้

เมืองอิลลูลิสแซท (Ilulissat) กรีนแลนด์ (Greenland)

กรีนแลนด์ ดินแดนที่ไม่ได้มีสีเขียวแบบื่อแต่เป็นดินแดนที่มีะารน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยความสวยงาม กรีนแลนด์ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติก ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป และทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ประเทศแคนาดา ซึ่งถือว่าเป็นดินแดนเหนือสุดของโลก และอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ

กรีนแลนด์ ดินแดนที่สวยงาม สวรรค์ของธารน้ำแข็งที่มีความงดงามของธรรมชาติ และกิจกรรมที่ทำให้การมาพักผ่อนของคุณไม่น่าเบื่อ กิจกรรมส่วนใหญ่ เน้นรูปแบบผจญภัย ไม่ว่าจะล่องเรือไปชมภูเขาน้ำแข็ง พายเรือคายักในแม่น้ำสีฟ้ากลางทะเลน้ำแข็ง หรือที่ห้ามพลาดในช่วงฤดูหนาวของกรีนแลนด์ คือการโดยสารไปบนผืนหิมะขาวโพลน โดยนั่งรถลากเลื่อน(Sledge) โดยมีสุนัขสายพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ มากกว่า 5 ตัวเป็นผู้ลากเลื่อนไปอย่างคล่องแคล่วและว่องไวเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่จะมีให้ได้เก็บเกี่ยวกันเฉพาะสถานที่ที่มีภูมิประเทศเป็นหิมะแบบกรีนแลนด์เท่านั้น

สำหรับเมืองอิลลูลิสแซท เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบตามโจทย์นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เพราะมีที่พักสวยๆ ที่สามารถสัมผัสวิวของเมืองได้อย่างเต็มที่ มีที่พักและโรงแรมแบบ กลาส อิกลู (GlassIgloos) ที่เป็นกระจกใสมองเห็นท้องฟ้าและหมู่ดาวได้ หรือใครโชคดีอาจจะได้เห็นแสงเหนือจากการภายในห้องน้ำอย่างสบายๆ โดยไม่ต้องออกไปสัมผัสอากาศหนาวเลย อีกอย่างที่น่าสนใจที่เมืองนี้คือ ไอซ์ฟยอร์ด (Ilulissat Icefjord) ปากทางออกสู่ทะเลของธารน้ำแข็งเซอร์เมค คูยาลเลค (Sermeq Kujalleq) ยาวกว่า 70 กิโลเมตรซึ่งเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็ง 2 – 3 แห่ง ที่นำพาแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ (Greenland Ice Cap) ไหลลงสู่ทะเลเซอร์เมค คูยาลเลค โดยที่เมืองนี้มีการทำสะพานที่สามารถเดินเข้าใกล้กับธารน้ำแข็งให้คุณได้เห็นธารน้ำแข็งแบบใกล้ๆ และเต็มตา

ทรอมโซ (Tromsø) นอร์เวย์ (Norway)

ทรอมโซ (Tromsø) หรือ ทรุมเซอ เมืองท่าบนเกาะควาลอยกับผืนแผ่นดินใหญ่ ประเทศนอร์เวย์เมืองที่ได้รับฉายาว่าเป็นปารีสแห่งยุโรปเหนือแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle)เป็นจุดที่ดีที่สุดในโลกจุดหนึ่งการชมแสงออโรร่าและพระอาทิตย์เที่ยงคืนทรอมโซ เป็นเมืองที่มีบ้านเก่าทำจากไม้จำนวนมากที่สุดในนอร์เวย์เหนือ บ้านเก่าที่สุดสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1789

มีมหาวิหารอาร์คติก (ARCTIC CATHEDRAL) มหาวิหารที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ สร้างขึ้นในปี 1965 ที่มีโครงสร้างโดดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมากจากสภาพภูมิทัศน์ในแบบภาคเหนือของนอร์เวย์ เป็นจุดสังเกตที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือโรงเบียร์ Ølhallen ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1928 ทรอมโซ มีความงามตามธรรมชาติและกิจกรรมผจญภัย สำหรับนักเดินทางที่รักกิจกรรมกลางแจ้งที่นี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักการผจญภัย และหนึ่งในกิจกรรมที่สนุกและน่าตื่นเต้นที่สุดคือการนั่งล้อเลื่อนสุนัขนั่นเอง หรือจะออกไปล่องเรือดูวาฬและสัตว์ทะเลอื่นๆ ซึ่งฤดูหนาวเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดูวาฬนอกชายฝั่งของทรอมโซ ทริปดูปลาวาฬส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงกลางวันและนานหลายชั่วโมง (ตั้งแต่ 4 ถึง 8+) ชั่วโมง ควรเตรียมตัวให้ดีก่อนเดินทาง

เซอร์แมท (Zermatt)สวิตเซอร์แลนด์(Switzerland)

เซอร์แมท สวิตเซอร์แลนด์ ทีมีวิวสุดอลังการของยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ยอดเขารูปร่างสามเหลี่ยมคล้ายพีระมิด เป็นจุดขายที่หลายคนรู้จักตลอดกาลของเมืองนี้ พอเข้าสู่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ทั่วทั้งเมืองจะปกคลุมไปด้วยสีขาวโพลน อากาศหนาวจัด โดยมีอุณหภูมิต่ำที่สุดกว่า -10 องศาเซลเซียสเลยเซอร์แมทป็นเมืองแห่งสกีรีสอร์ท นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาเล่นสกีในช่วงฤดูหนาว ที่ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น นอกจากนี้เมืองนี้ขึ้นชื่อว่า “เมืองปลอดมลพิษ”เพราะทีนี่อนุญาตให้ใช้รถพลังงานไฟฟ้า รถม้าและจักรยานเป็นพาหนะหลักในการเดินทางภายในเมืองเท่านั้น เพียงแค่เราได้ไปสัมผัสกับบ้านเมืองสไตล์สวิสแบบดั้งเดิม ล้อมรอบไปด้วยป่าสนและขุนเขาสุดตระการตา กับอากาศบริสุทธิ์ แค่นี้ก็ทำให้การท่องเที่ยววิเศษขึ้นมาทีเดียว

ในช่วงหน้าหนาวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดวงอาทิตย์จะขึ้นประมาณแปดโมงเช้า เมื่อเราเปิดหน้าต่างห้องพักมาเห็นแสงอาทิตย์ทาบทับกับภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ แสงสีทองค่อยๆ ปกคลุมไปทั่วเมือง ยิ่งพอเป็นช่วงฤดูหนาว พื้นขาวของหิมะยิ่งทำให้แสงสีทองส่องประกายยิ่งขึ้น

เมืองที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวยังมีอีกมากมาย ปีนี้เริ่มเดือนใหม่ ปีใหม่ใครเตรียมตัวจะท่องเที่ยวสามารถเก็บกระเป๋าเดินทางไปได้ ส่วนใครที่งบยังจำกัดเตรียมตัวตอนนี้แล้วท่องเที่ยวหน้าหนาวอีกครั้งในช่วงสิ้นปีได้

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0