Time to Relax Taiwan
Story & Photo by Editorial Staff
ช่วงเวลาดีๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวชมกิจการและกิจกรรมฟาร์มสเตย์ของทางไต้หวัน ต้องบอกก่อนว่าการท่องเที่ยวแบบฟาร์มสเตย์เป็นที่ชื่นชอบมากๆ ของคนไต้หวัน แต่ฟาร์มของที่นี่ไม่ใช่นอนบ้านพักคนงานหรืออะไรแบบนั้น ออกแนวโรงแรมก็มี เป็นรีสอร์ต ก็ใช่ แต่ที่ต้องมีทุกที่ก็คือกิจกรรม DIY ที่ทุกที่ต้องมีให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส เพราะไต้หวันไม่ได้มีแค่ไทเป
ถือว่าออกจะโชคดีสักนิดที่ได้มาไต้หวันในช่วงต้นฤดูฝน เพราะความชุ่มฉ่ำของสายฝนที่ตกมาประปราย ทำให้เห็นความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ไต้หวันมีสภาพอากาศและภูมิประเทศที่เหมาะแก่การเกษตรมากทีเดียว มองเห็นเส้นสายที่พลิ้วไหวของใบไม้ เสียงใบหญ้ากระทบกันเป็นจังหวะ ราวกับกำลังปรบมือต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่มาเยือนให้รู้สึกอบอุ่นแม้บรรยากาศขมุกขมัวก็ตาม
Shangrila Leisure Farm
ตั้งอยู่ในภูเขา Dayuan ในเขตเมือง Dongshan ของ Yilan County กิจกรรมของทาง Shangrila Leisure Farm จะมีให้แก่แขกที่มาพัก ทั้งการเล่นลูกข่างแบบบ้านเราแต่ต่างกันที่ขนาดของที่นี่ ตัวลูกข่างจะใหญ่กว่า
เดือยของลูกข่างจะมีขนาดสั้น หนา และไม่แหลมแบบบ้านเราที่ใช้ตะปูคอนกรีตทำเดือยลูกข่าง มีการแข่งขันกันสนุกๆ ว่าลูกข่างของใครจะหมุนได้นานกว่ากัน
ระหว่างนั้นบางกลุ่มก็นั่งปั้นแป้งบัวลอย นำไปให้พนักงานต้มเพื่อนำมารับประทานร้อนๆ
พร้อมนั่งเชียร์เพื่อนๆ หรือครอบครัว แข่งปาลูกข่าง สนุกสนานเพลิดเพลิน ใครใคร่เล่นลูกโป่งฟองสบู่ขนาดใหญ่ก็มีให้เล่นสนุกสนาน
ยิ่งในช่วงเช้าแสงที่กระทบกับลูกโป่งฟองสบู่เห็นเป็นสีรุ้งสวยงาม ในยามค่ำคืนที่ฝนไม่ตกการได้ดูหิ่งห้อยตามธรรมชาติเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ที่ควรค่าการมาดู
หรือจะเขียนคำอวยพร ความปรารถนาลงบนโคม ก่อนที่จะปล่อยให้ล่องลอยไปบนฟ้ายามค่ำคืน ปลุกความทรงจำในวันวาน พร้อมรอยยิ้มขนาดใหญ่บนใบหน้า ก่อนจะหลับไปพร้อมกับผ้าห่มจากดวงดาวในคืนที่อากาศเป็นใจ
ห้องพักของที่ฟาร์มของไต้หวันส่วนใหญ่จะจัดห้องเป็นแบบครอบครัว 2 เตียงคู่ขนาดใหญ่ เน้นความสัมพันธ์ของครอบครัว ใช้เวลาด้วยกัน
เพราะคนไต้หวันสมัยก่อนทำงานหนัก ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ปัจจุบันจึงมุ่งเน้นการพักผ่อนที่มีกิจกรรมทำร่วมกันของครอบครัว นับเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบครอบครัวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
หลังจากพักผ่อนเต็มอิ่ม เช้านี้เราได้พบคุณลุงจางเจ้าของฟาร์ม คุณลุงพาเราเดินไปตามทางเดินของฟาร์ม พร้อมเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของฟาร์มว่าเมื่อก่อนคุณลุงเคยรับราชการ
ก่อนที่จะลาออกมาเพื่อทำฟาร์มเกษตรของตัวเองเก็บเล็กผสมน้อย ค่อยๆ ขยายพื้นที่เกษตรออกไป รายได้พอส่งลูกชายทั้ง 2 คนให้จบดอกเตอร์จากเมืองนอกได้ 1 คน และผู้พิพากษาอีก 1 คน
ที่นี่ยังเป็นกิจการท่องเที่ยวแบบฟาร์มแห่งแรกๆ ของไต้หวันด้วย คุณลุงจางกล่าวถึงลูกทั้ง 2 และกิจการฟาร์มของแกด้วยความภูมิใจ
เราหยุดอยู่ที่จุดชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ภาพสายหมอกยังคงลอยช้าผ่านที่พักของแขกผู้มาเยี่ยมเยือน นี่คือชีวิตที่ผ่อนคลายในชนบท ที่ Shangrila Leisure Farm บรรยากาศเหมือนกับยืนมองดูปราสาทของยุโรปอย่างไรอย่างนั้น สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.shangrilas.com.tw/shangrila_en/
Feng Chun Villa
เมื่อก้าวข้ามผ่านประตูรั้วเข้ามา บรรยากาศรอบข้างที่เห็นบอกได้เลยว่าที่นี่ยุโรปชัดๆ ด้วยสถาปัตยกรรมของที่พัก การตกแต่งหรือแม้กระทั่งการตกแต่งสวนโดยรอบ
อาจด้วยเพราะเจ้าของเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวไปมาแล้วเกือบทั่วโลกก็ว่าได้
สิ่งของสะสมต่างๆ ถูกนำมาตั้งโชว์ มาประดับ ตกแต่งให้แขกผู้เข้าพัก หรือที่มาทำกิจกรรมภายในฟาร์ม ได้ยลของสะสมที่แปลกตา
นอกจากห้องพักที่สวยงามพร้อมวิวหลักล้านแล้ว กิจกรรมที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ การทำแพนเค้กต้นหอมที่มีส่วนประกอบคือต้นหอมยักษ์
ต้องบอกว่ายักษ์จริงๆ ขนาดใหญ่กว่าต้นหอมบ้านเราเกือบ 5 เท่า
ก่อนทำแพนเค้กต้นหอมเราไปเก็บต้นหอมกันมาก่อนที่ไร่ของทาง Feng Chun Villa
ครั้งแรกที่เห็นนึกว่าต้นข้าว เพราะยอดของต้นหอม สูงเกือบเท่าเอวคน
เราได้ลองเป็นชาวสวน ลงไปเก็บต้นหอมด้วยมือของเรา
สภาพแวดล้อมรวมถึงลักษณะภูมิอากาศทำให้ต้นหอมที่นี่มีคุณภาพและขนาดที่ดีเยี่ยม ทางเจ้าของสวนแนะนำวิธีการดึงต้นหอม
จากนั้นนำไปล้างเอาดินออกให้สะอาดเพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบของแพนเค้กต้นหอมที่เราจะได้ลองทำ และลองชิม
แม้ต้นจะใหญ่จนตกกะใจ แต่กลิ่นของต้นหอมที่นี่ไม่ฉุนแบบบ้านเรา เรานำต้นหอมมาหั่นซอย
จากนั้นก็ปั้นแป้งขนมปังแล้วนำมาห่อต้นหอมให้สนิท นำไปจี่กับกระทะร้อน แผ่เป็นแผ่นกลมๆ จี่จนเหลืองทอง สุกแล้วลองมาชิม
รสชาติออกเค็มนิดๆ ด้วยความที่จี่มาร้อนๆ อร่อยจนต้องร้องขอแผ่นที่สอง
และยังมีข้าวปั้นเป็ดรมควันให้ได้ลองชิม อร่อยจนอิ่มกันเลย
ด้านข้างมีที่นั่งผ่อนคลายพร้อมนวดขา นั่งมองวิวพร้อมชิมขนมต้นหอมไปด้วยบอกได้เลยว่าฟินสุด
ด้านบนชั้น 2 ของที่พักจะมีห้องที่เห็นวิวแล้วอยากนอนค้างที่ห้องนี้สักคืน เป็นห้องโล่งๆ ที่วิวสวยมาก ใต้พื้นห้องใช้แสง infrared ให้ความอบอุ่น ยิ่งตอนกลางคืนคงมองเห็นดาวเต็มฟ้าผ่านหน้าต่างห้องนี้
คงเป็นคืนที่สุกสกาวในดวงตาอย่างยิ่ง สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ www.fengchunvilla.bestbnb.tw
Fairy Story Village Organic Farm
ตึกสีชมพู 3 ชั้น ตั้งโดดเด่นตัดกับสีของท้องทุ่งนาสีเขียว เป็นอะไรที่แปลกตา จะยิ่งแปลกตามากขึ้นอีกก็เมื่อได้เห็นห้องพัก เพราะห้องพักแต่ละห้องจะไม่ซ้ำแบบกัน
ทั้งลายการ์ตูนที่วาดบนผนังห้อง ราวกับกำลังอยู่ในเทพนิยาย หรืออาจจะกำลังอยู่ในสวนสนุกก็ไม่ปาน รวมทั้งมีกระโจม และชิงช้าเด็กเล่นอยู่ในห้องนอนด้วย
อย่างที่เกริ่นไป ว่าที่ไต้หวันให้ความสำคัญกับการพักผ่อนท่องเที่ยวเชิงเกษตรพร้อมครอบครัว การเข้าพักก็เป็นห้องแบบครอบครัว ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆ จะต้องชื่นชอบกับห้องพักที่เต็มไปด้วยจินตนาการ
และในชั้น 3 ชั้นบนสุด บนหลังคาจะมีม่านที่เปิดปิดแค่นิ้วจิ้ม กลางคืนหากฟ้าโล่งคุณจะนอนบนฟูกนุ่มๆ พร้อมนอนนับดาวกันอย่างเพลินตา
กิจกรรมแรกที่ทำคือการทำเครื่องดื่มจากกระเจี๊ยบ ทางฟาร์มจะเตรียมส่วนผสมให้เราก็มีน้ำตาลกรวด น้ำหัวเชื้อ รวมทั้งกระเจี๊ยบแห้ง ใส่รวมกันลงในภาชนะที่เป็นเหมือนหลอดไฟดวงใหญ่ เก๋ไก๋ใช่เล่น ทิ้งไว้ประมาณ 3 เดือน ก็จะได้น้ำหมักที่เอามาผสมน้ำดื่มได้
กิจกรรมอีกอย่างที่ไม่ควรพลาด ก็คือกิจกรรมสีข้าว (แนะนำใส่เสื้อผ้าแขนยาว กางเกงขายาว เพราะเราอาจจะแพ้ไรข้าว หรือเศษฝุ่นจากข้าวเปลือกได้)
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการกรองข้าวเปลือก เพราะอาจจะมีพวกเศษหิน เศษดิน ติดมา จะมีตะแกรงมีด้ามจับอยู่ 2 ข้าง
ช่วยกันเขย่าไปมา สร้างความสนุกได้พอสมควรกับกิจกรรมขั้นแรก จากนั้นนำข้าวที่กรองแล้วไปใส่เครื่องสีข้าว
จากข้าวเปลือกออกมาเป็นข้าวขาว เราจะได้ข้าวที่เราสีมาในถุงขนาดพอดีให้เราเอากลับมาด้วย หอมอร่อยไม่น้อย ทำให้นึกถึงเมืองไทยเราไม่น้อยเลยทีเดียว ลืมบอกไปว่าที่นี่ก็มีหิ่งห้อยให้เราได้เห็นบ้างประปรายด้วยนะ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.fairy-story.com.tw
Lan Yang Shrimp Land
ฟาร์มนี้ที่เราได้มาเป็นฟาร์มเลี้ยงกุ้งที่มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์นำเข้ามาจากเมืองไทยของเรานั่นเอง
เพราะด้วยคุณภาพของเนื้อ และการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ทำให้คนไต้หวันนิยมกุ้งจากไทย
บ่อที่เลี้ยงเพาะพันธุ์จะอยู่ข้างๆ กับบ่อที่ใช้สำหรับกิจกรรมตกกุ้งการเลี้ยงกุ้งของที่นี่ถือว่ามีระบบจัดการน้ำที่มีคุณภาพดีทีเดียว
สำหรับกิจกรรมตกกุ้ง เป็นที่นิยมของคนไต้หวันไม่น้อยเลย สนนราคาค่าตกกุ้ง อยู่ที่ 300 NTD จะได้เหยื่อสำหรับตกกุ้ง ซึ่งก็คือกุ้งตัวเล็กๆ
เด็ดส่วนหัวออกก่อนแล้วเกี่ยวเบ็ดหย่อนลงบ่อไป มีเวลาให้ 1.30 ชั่วโมง ตกได้ไม่เกิน 3 ขีด ถ้าเราตกได้เยอะมากกว่า 3 ขีด
ส่วนเกินเขาก็จะคิดราคาเพิ่มตามจำนวนน้ำหนักจริงที่เกินไป (ใครที่ใจไม่แข็งพออาจจะรู้สึกสงสารตอนที่เอาเบ็ดออกมาจากตัวกุ้ง)
จากนั้นก็ข้ามฝั่งถนนมาที่ร้านอาหารของทางฟาร์ม นำกุ้งที่เราตกได้มาทาเกลือแล้วนำไปปิ้งย่างที่เตาย่างไร้ควันของทางร้าน
ด้วยความที่ตกได้ใหม่ๆ สดๆ เนื้อกุ้งที่รับประทานไป ก็มีความเด้ง แน่น และสดอร่อยมากจริงๆ (ลืมไปเลยว่าตอนตกกุ้งยังสงสารอยู่เลย T_T)
Shin Kong Chao Feng Ranch and Resort
หากตอนเช้าตื่นมา แล้วเห็นบรรยากาศโดยรอบที่มีภูเขา มีสายหมอกลอยเอื่อยๆ อยู่รอบภูเขา อากาศที่สดชื่น รายล้อมด้วยต้นไม้มากมาย
คงเป็นอากาศยามเช้าที่สะอาดบริสุทธิ์ สมควรแก่การสูดเข้าไปให้เต็มปอดโดยไม่ต้องกั๊ก ที่ Shin Kong Chao Feng Ranch & Resort มีให้คุณได้ทำอย่างนั้นเลย
ที่ฟาร์มแห่งนี้นอกจากจะมีที่พักที่กว้างขวาง อากาศดีแล้ว ต้องบอกว่าการเดินทางมาที่นี่ สะดวกสบายอย่างมาก เพราะทางเจ้าของได้บริจาคที่ให้ก่อสร้างสถานีรถไฟใต้ดิน
ทำให้นักท่องเที่ยวที่อยากมาที่นี่ สามารถเดินทางจากไทเป (Taipei Main Station) มาได้ง่ายๆ มาลงที่สถานีรถไฟ Linrong Shin Kong Station
นอกจากที่พักที่สวยงามแล้ว อีกฝั่งของฟาร์มจะมีสวนสัตว์ขนาดใหญ่และฟาร์มโคนมให้เราได้เข้าชมด้วย เราเดินข้ามมาจะเจอสถานีรถไฟที่มองแล้วเหมือนสถานีหัวใจเพราะออกแบบมามีลักษณะเป็นรูปหัวใจ ด้านล่างแปลกเข้าไปได้อีก คือมีเลี้ยงแพะอยู่ข้างๆ ติดกับสถานีรถไฟกันเลย เก๋ได้ใจจริงๆ
ที่สวนสัตว์นี้เปิดให้คนที่มาพักเข้าไปเที่ยวภายในสวนสัตว์ฟรี ผู้ที่มาเที่ยวสวนสัตว์อย่างเดียวมีค่าเข้าชมคนละ 350 NTD
ด้วยเป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ พื้นที่กว้างขวางจะมีบริการให้เช่ารถจักรยานไฟฟ้าที่สามารถปั่นเองก็ได้ หรือจะบิดแบบรถจักรยานยนต์ก็ตามใจ
สนนราคาค่าเช่าถ้าเป็นจักรยานปั่นธรรมดา 100 – 200 NTD, รถจักรยานไฟฟ้าแบบ 2 คน 400 – 500 NTD, รถจักรยานไฟฟ้าแบบ 4 คน 600 – 700 NTD ราคาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวันที่มา เช่นวันธรรมดา หรือวันหยุด
ระหว่างทางปั่นเข้ามาสดชื่นมากๆ มีสัตว์มากมายหลากหลายให้เราได้จอดแวะชม
ทั้งเต่ายักษ์สายพันธุ์จากแอฟริกา กวางน้อยที่อยู่รวมกันแบบพี่น้อง (เอ๊ะ ยังไง) ถัดมาก็หมูป่า แพะ อูฐ
ทั้งตัวอัลปากา (แม้แต่อัลปากายังเมิน 555)
โดราเอม่อน ไม่ใช่ๆ แรคคูน จร้าาาา
ทั้งกรงนกขนาดใหญ่ ที่น่ารักน่าชังอีกตัวก็เจ้าเมียร์แคต
เรียกได้ว่าสนุกสนาน เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนจริงๆ
มาสุดท้ายที่ฟาร์มโคนม มีที่นั่งรับประทานอาหาร และของว่างกันได้ เราลอง pudding และไอศกรีมที่ทำจากนมวัวภายในฟาร์ม ต้องบอกว่านมเน้นๆ รสชาติเจ้มจ้นจนพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกเลย
เจ้าวัวนม ก็นอนพักผ่อนสบายๆ เพราะอากาศมันสบายน่านอนเสียจริง สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูได้ที่ www.skcf.com.tw
Li Chuan Aqua Farm
ด้วยภูมิลำเนาของ Golden Clam ตั้งอยู่ระหว่างแนวธรรมชาติที่เป็นภูเขาอยู่ด้านหลัง และทะเลที่อยู่ด้านหน้า เมื่อเวลาลมหอบเอาน้ำฝนจากทะเลมาตกบริเวณภูเขา แล้วเกิดน้ำที่ผ่านชั้นดินของภูเขาไหลมาเป็นน้ำจากธรรมชาติมีแร่ธาตุที่เหมาะแก่การเลี้ยงหอยกาบ หรือจะเรียกว่าหอยทองคำก็ไม่ผิดนัก
ทำให้หอยของที่นี่มีคุณภาพดีซึ่งเป็นผลผลิตการเลี้ยงดูของทางฟาร์ม Li Chuan Aqua Farm
ก้าวเข้ามาถึงผ่านจุดที่เป็นสถานที่จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารที่มีส่วนที่เป็นที่โล่งและห้องแอร์ ด้านข้างจะเป็นบ่อน้ำตื้นแค่ข้อเท้าขนาดใหญ่กำลังดี
จุดนี้เราสามารถลงไปงมหาหอยได้ด้วยตัวเอง เด็กเล็กประมาณอนุบาลก็สามารถลงไปงมหาหอยได้ สนนราคาค่ากิจกรรมงมหอยอยู่ที่ 120 NTD ซึ่งจะนำมาให้ทำเป็นอาหารหรือนำกลับไปก็ได้ รวมถึงอาหารทะเลอื่นๆ ก็มีให้สั่งเพิ่มเติมด้วย
ในส่วนของการแปรรูปจากหอยก็มีมากมาย ส่วนของเปลือกหอยยังสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยได้ มีไอศกรีมที่มีหอยเป็นส่วนผสม อร่อยไม่คาว ยาบำรุง น้ำดื่มสกัดจากหอย ของกินเล่นก็มีให้เลือกซื้อ ติดมือกลับไปด้วย
ในส่วนถ้าจะมาที่นี่สามารถนั่งรถไฟจากไทเปมาลงที่ สถานี Hualien Station (สถานีฮวาเหลียน) แล้วต่อรถสาธารณะ Taiwan Tourist Shuttle ลงสถานี Lichuan Fishing Ground เป็นป้ายรถรูปปลาอยู่หน้าฟาร์มเลย สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูได้ที่ www.lichuan.tw
Jai Fu Calla Lily Garden
ตั้งอยู่ที่หยางหมิงซาน อุทยานแห่งชาติที่อยู่ในเขตไทเป ที่ Jai Fu Calla Lily Garden ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ดอก Calla Lily ในสวนกำลังออกดอกสะพรั่งพอดี
แต่ด้วยเป็นช่วงหน้าฝนพอดี อาจจะทำให้ถ่ายภาพไม่สะดวกนัก แต่ก็ได้ภาพที่แปลกตา บรรยากาศเย็น เหมาะแก่การใส่ชุดกบ (ชุดกันฝน) ลงไปเก็บดอก Calla Lily
ซึ่งเมื่อก่อนคนไต้หวันไม่นิยมเพราะถือว่าดอกสีขาวไม่เป็นมงคล
แต่ก่อนเขตนี้เคยเป็นแหล่งน้ำของทหารญี่ปุ่น และคนพื้นเมืองก็ทำเกษตรกรรมแบบอื่น แต่ภายหลังการทำสวนดอก Calla Lily กลับทำรายได้ให้กับหมู่บ้านเป็นอย่างดี
เพราะสามารถส่งออกไปขายญี่ปุ่นและทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย แต่ละเดือนจะมีดอกไม้อื่นๆ ผลัดเปลี่ยนกันบานเกือบตลอดปี
อย่างช่วงนี้ก็จะเริ่มเห็นดอก Hydrangea เริ่มบานบ้างแล้ว ราคาค่าชมสวน 100 NTD เท่านั้นสำหรับชมดอกลิลลี่ และสามารถเก็บดอกไม้กลับได้ 6 ดอก ส่วน Hydrangea ก็ราคาเท่ากัน
การท่องเที่ยวเชิงวิถีเกษตร พร้อมกิจกรรมแบบ DIY หรือกิจกรรมแบบครอบครัว เป็นที่นิยมอย่างมากของคนไต้หวัน เพราะได้ฝึกทักษะการประดิษฐ์ ได้ลงมือทำจริง และที่สำคัญคือการได้ทำกิจกรรมกับครอบครัว ได้สานสัมพันธ์ การช่วยเหลือกัน หัวเราะไปด้วยกัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็ง ต่อยอดไปสู่สังคมให้เข้มแข็ง ไต้หวันยังมีสถานที่ให้ไปท่องเที่ยว และไปเรียนรู้ อีกมากมายจริงๆ
ขอขอบคุณ : การท่องเที่ยวไต้หวันประจำประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2165 5669
ด้วยสภาพอากาศของไต้หวันเป็นแบบร้อนชื้น (คล้ายเมืองไทย) และฟาร์มต่างๆ จะอยู่ตามไร่นา ป่าเขา อาจจะมียุงและแมลง ซึ่งภูมิต้านทานของเราอาจจะไม่คุ้นเคย ควรพกสเปรย์กันยุงหรือแมลง สำหรับฉีดหรือทาตัวติดไปด้วย เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้