Time to Relax: Shuzenji Onsen

Story & Photo by Orawan

เสียงนาฬิกาปลุกส่งเสียงร้องเบาๆ เรียกฉันให้ขยับตัวออกจากฟุตง (Futon) ที่นอนแบบญี่ปุ่นที่แสนอุ่น เป็นอีกวันที่ฉันหลับยาวแบบไม่มีฝันมาคั่นกลางด้วยความสบายของเรียวกัง ท่ามกลางธรรมชาติที่เมืองชุเซ็นจิออนเซ็น (Shuzenji Onsen) แห่งนี้

suzenji2

แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นมีออนเซ็นหลายพื้นที่ แต่ชุเซ็นจิออนเซ็นเป็นหนึ่งในเมืองน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของคาบสมุทรอิซุ (Izu Peninsula) จังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka) ถูกจัดอันดับเป็นแหล่งออนเซ็นที่ดีที่สุด 1 ใน 100 ของญี่ป่นุ หมู่บ้านออนเซ็นเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ทำให้มีอากาศที่แสนสบายตลอดทั้งปี ภายในหมู่บ้านมีเรียวกังที่มีออนเซ็นให้บริการมากมายหลายระดับ ทั้งแบบธรรมดาจนถึงระดับหรูหรา แต่ถ้าที่พักของที่จองไว้ไม่มีออนเซ็น ก็สามารถมาใช้โรงอาบน้ำสาธารณะได้

suzenji7

ชื่อของชุเซ็นจิ มาจากชื่อของ วัดชุเซ็นจิ (Shuzenji Temple) หรือชื่อแบบเป็นทางการคือ Fukuchizan Shuzen Bannan Zen-ji Temple ซึ่งเป็นวัดพุทธศาสนานิกายเซน โซโต (Soto Zen Buddhism) สร้างโดย พระภิกษุ โคโบ ไดชิ (Kobo Daishi – Kukai) ในศตวรรษที่ 9 เป็นวัดสำคัญที่มีอาคารหลายหลังที่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลโฮโจในสมัยคามาคุในอดีตวัดแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่ออำนาจและเหตุการณ์ที่น่าสลดใจ ในช่วงปี 1147-1199 มินาโมโตะโนะโนริโยริ (Minamoto no Noriyori) พี่ชายโชกุนมินาโมโตะโนะโยริโทโม (Minamoto no Yoritomo) ถูกจับกักขังและฆ่าตัวตายที่นี่ เมื่อคาจิวะราโนะคาเกโอกิถูกโจมตี โชกุนคนที่สองชื่อโยริเอะ (Yoriie) ลูกชายคนแรกของมินาโมโตะโนะโยริโทโมเดิมถูกลอบสังหารตามคำสั่งของโทคิมาสะโฮโจปู่ของเขาผู้แย่งชิงอำนาจของระบอบการปกครองของมินาโมโตะ เป็นโศกนาฏกรรมที่เล่าขานกันที่วัดแห่งนี้

suzenji6

ภายในวัดนอกจากอาคารวัดที่เก่าแก่อายุกว่า 100 ปีแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่อยู่ติดกับวัดชุเซ็นจิจัดแสดงหน้ากากโนห์ (Noh) ที่เคยใช้ในละครคาบุกิเรื่อง Shuzenji Monogatari เขียนโดย Okamoto Kido เรื่องราวของละครอ้างอิงมาจากหน้ากากความตายของโยริเอะที่โด่งดังซึ่งทำหลังจากที่เขาถูกวางยาพิษในห้องอาบน้ำของเขา แม้จะมีเรื่องเล่าที่ค่อนข้างน่ากลัว แต่ขอบอกว่าบรรยากาศของวัดไม่ได้น่ากลัว อย่างที่คิด หากคุณมาในช่วงใบไม้ผลิก็จะเห็นต้นดอกซากุระปกคลุมทั่วบริเวณ เช่นเดียวกับถ้าเป็นฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสีตามจุดต่างๆ ของวัดก็น่าชมไม่แพ้กัน ในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทางวัดจะเปิดส่วนที่เรียกว่า Shorodo (ระฆัง) ให้ประชาชนได้เข้ามาสั่นระฆังรับปีใหม่

suzenji18

ไม่ไกลจากวัดเป็นที่ตั้งสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ชื่อนิจิโนะซาโตะ (Shuzenji Niji No Sato) ที่สวนขนาดใหญ่แห่งนี้มีต้นเมเปิ้ลกว่า 1,000 ต้น และต้นไม้ชนิดอื่นๆ รวมกันมากกว่า 2,000 ต้น ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม ที่นี่จะถูกย้อมไปด้วยสีสันของต้นไม้ที่ผลัดกันเปลี่ยนสี

suzenji14

จนที่นี่ได้ชื่อว่า เราสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้นานกว่าที่ไหนๆ ของญี่ปุ่น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เด่นๆ เช่นที่สะพานคะทสึระ (Katsura bridge) พอย่างเข้าปลายเดือนมิถุนายนจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ดอกไฮเดรนเยียก็จะบานสะพรั่งเต็มที่ตามแนวแม่น้ำฮิรานาเมะกาว่า

suzenji21

ถัดไปจากสวนสาธารณะคือป่าไผ่ขนาดเล็ก (Chikurin no Komichi) แต่เก๋ไก๋ที่สุดตรงลานตรงกลางของป่าไม้ มีแคร่กลมขนาดใหญ่ความพิเศษของแคร่อันนี้นอกจากเป็นที่นั่งพักขาแล้วถ้าคุณเอนกายลงนอน คุณจะได้เห็นแนวไผ่สีเขียวขจีตัดกับท้องฟ้าสีครามเป็นมุมที่สวยงามและแปลกตามากทีเดียวท่ามกลางแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ทอดลำแสงลงมา ลมพัดเย็นเอื่อยๆ บรรยากาศชวนให้ผ่อนคลายและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

suzenji19

และที่พลาดไม่ได้มาชุเซ็นจิออนเซ็น คือ ทกโกะ โนะ ยุ (Tokko-No-Yu) แหล่งออนเซ็นที่เป็นน้ำผุดจากใต้ดินที่มีอายุมากกว่า 1,200 ปี ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำคะทสึระ (Katsura River) ไหลผ่านกลางเมือง ซึ่งผู้ที่ค้นพบคือพระภิกษุโคโบ ไดชิผู้สร้างวัดชุเซ็นจินั่นเอง มีการสร้างจุดสำหรับแช่ออนเซ็นเท้าอยู่ด้านข้างของแม่น้ำ หากใครเมื่อยสามารถมาแช่ได้

หรือสำหรับใครที่ที่พักไม่มีบริการออนเซน ก็สามารถมาใช้บริการ โรงอาบน้ำสาธารณะฮาโคยุ (Hakoyu) ที่บริการห้องอาบน้ำแก่บุคคลทั่วไปในช่วงเวลากลางวัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 เยน ได้

suzenji20
suzenji8

สำหรับบ้านเรือนโดยรอบยังเป็นรูปแบบโบราณ มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกตลอดจนร้านกาแฟที่ให้คุณสามารถใช้เวลาพักผ่อนของคุณได้อย่างเต็มที่

suzenji4

แนะนำให้เช่าชุดกิโมโนแล้วเดินถ่ายภาพรอบๆ ตามจุดต่างๆ ราคาไม่แพงเลยเพียง 3,800 เยนเท่านั้น สำหรับ 1 วัน เรียกได้ว่า คุ้มจนคุ้มเมืองชุเซ็นจิออนเซ็นอาจจะไม่คุ้นหูแต่ถ้าคุณได้มาสักครั้งคุณต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน

suzenji3

วิธีการเดินทาง

  1. จากสถานี Mishima Station โดยสารรถไฟ Izuhakone Railway ไปลงที่ ShuzenjiStation (30 นาที 510 เยน)
  2. จาก Tokyo โดยสารรถไฟ JR limited express Odoriko train ไปลงที่ Shuzenji (ประมาณ 2 ชั่วโมง 4,500 เยน) (JR Pass ไม่ครอบคลุมรถไฟระหว่าง Mishima-Shuzenji) จาก Shuzenji Station โดยสารรถบัสที่ไปยัง Shuzenji Onsen หรือ Nijino Sato ลงที่สถานี Shuzenji Onsen (220 เยน) หรือแท็กซี่ ประมาณ 5-10 นาที
  3. นั่งรถไฟสาย Izukyoko ลงที่สถานี Kawazu แล้วต่อรถบัส Tokai จากสถานี Kawazu มาลงที่ป้าย Shuzenji Onsen
  4. เดินทางโดยรถยนต์ ให้ลงที่ทางเชื่อม Shuzenji Interchange ของทางด่วน ShuzenjiDoro หรือ The Izu-Jukan Expressway ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีจากทางเชื่อมดังกล่าวจนถึงวัด

เว็บไซต์ : Shuzenji onsen  ภาษาอังกฤษ : http://www.shuzenji.info/english/

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0