Touch Nature Niigata & Nagano สัมผัสธรรมชาติที่นีงาตะ และนากาโน่

Story & Photo by Orawan

เสียงพูดชี้ชวนให้ดูเหล่าหอยเม่น และปลาเล็กปลาน้อยที่ว่ายวนอยู่ใต้ท้องน้ำ ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้ แม้ว่าจะไม่เข้าใจความหมายของคำที่คุณป้าชาวญี่ปุ่น ผู้กำลังพายเรืออ่างพูดเท่าไร แต่ก็รู้สึกได้ถึงความใจดีที่ส่งผ่านมาทางสายตาและท่าทางความมีไมตรีจิตเช่นนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้ตลอดเส้นทางสาย ธรรมชาติ นีงาตะและนากาโน่ครั้งนี้

เกาะมหัศจรรย์ ซาโดะ
ฉันขอเรียกเกาะซาโดะ (Sado Island) เกาะขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งทะเลของจังหวัดนีงาตะแห่งนี้ว่า เกาะมหัศจรรย์

อย่างที่บอกไป เกาะที่ทำให้คุณได้รู้จักวิถีชีวิตของชาวเรือ ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านของช่างต่อเรือโบราณอายุกว่า 200 ปี อย่างหมู่บ้านชุคุเนะงิ (Shukunegi Village) ที่เดิมเคยเป็นที่อยู่อาศัยของพ่อค้าเดินเรือและบรรดาคนที่มีอาชีพต่อเรือ บ้านกว่าร้อยหลัง ที่นี่ถูกสร้างด้วยไม้ต่อเรือ แม้จะมีเพียงบ้านไม่กี่หลังที่เปิดให้เข้าชม

แต่แค่ได้เดินไปมาภายในหมู่บ้านอย่างเงียบๆ ก็สามารถรับรู้และเห็นสถาปัตยกรรมที่แทรกตัวอยู่ได้ ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง

อีกหนึ่งวิถีชีวิตที่น่าสนใจ คือการพายเรือทาไร บูเนะ (Tarai bune) เจ้าเรือกลมๆ คล้ายกะละมังซักผ้าขนาดใหญ่ ที่สามารถพาเราลอยละล่องไปตามทางน้ำอันคับแคบเพื่อชมเหล่าหอยเม่น และสัตว์น้ำที่มีชุกชุมผ่านกระจกใต้ท้องเรืออ่างตามคำชี้ชวนของคุณป้า (หรือคุณยาย) ที่เป็นผู้นำทางพาเราชมถือเป็นประสบการณ์พิเศษที่หากใครได้มาเกาะซาโดะไม่ควรพลาด

แต่ถ้าใครไม่คุ้นเคยกับเรือกลมลำเล็ก กระโดดขึ้นเรือใหญ่ที่ท้องเรือมีกระจก (เช่นกัน) ออกล่องทะเลไปกินลมชมวิว ที่อ่าวเซนคาคุ (Senkaku Bay) ที่มีหน้าผาสูงชันที่เกิดจากการกัดกร่อนของธรรมชาติก็สนุกสนานและสวยงามไม่แพ้กัน

โดยเฉพาะที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก

นอกจากกิจกรรมล่องเรือแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

เช่น กิจกรรมตีกลองไทโกะ (Taiko) หรือกิจกรรมร่อนทองที่ฉันชื่นชอบนักหนา ในอดีตนั้นที่เกาะซาโดะแห่งนี้เคยเป็นแหล่งทอง แหล่งใหญ่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่ เหมืองทองซาโดะคินซัง (Sado Kinzan Gold Mine) เหมืองทองคำเก่าแก่ที่เคยผลิตทองคำได้เกือบ 400 กิโลกรัมต่อปี ไม่รวมแร่เงินและทองแดง

แร่ทองคำมีมากมายขุดทำเป็นอุตสาหกรรมจนถึงขั้นที่ภูเขายุบตัวลงตรงกลางเป็นรูปตัวเอ็มเลยทีเดียว ปัจจุบันที่นี่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนเข้าชม จุดสำคัญของเหมือง คือเส้นทางเดินผ่านอุโมงค์ด้านในจะมีการแสดงหุ่นคนงานขนาดตัวจริง พร้อมป้ายแสดงเรื่องราวแต่ละจุด

ในส่วนพิพิธภัณฑ์คุณจะได้เห็นทองคำแท่ง ขนาด 12.5 กิโลกรัม ที่สามารถลองยกได้ ถ้ายกสำเร็จเขามีรางวัลให้ด้วย สำหรับฉันยกไม่ไหวขอไปลองร่อนทองที่ Nishimikawa Gold Park ง่ายและสนุกสนานมากกว่า

มีให้ลองถึง 3 ระดับ ฉันเลือกระดับง่ายสุด ได้เพียงผงทอง นิดหน่อยติดปลายก้อยกลับบ้าน แค่นี้ก็รู้สึกร่ำรวย อิ่มใจจนบอกไม่ถูก

ศิลปะอยู่รอบตัว
The Art is Life – Life is an Art “ศิลปะคือชีวิต-ชีวิตคือศิลปะ” ถ้าคุณเป็นคนประเภทนี้แล้วละก็ จงปักหมุดปลายทางการเดินทางไว้ ที่เมืองโทคะมะจิ (Tokamachi) ทางตอนใต้ของจังหวัดนีงาตะไว้เลย เพราะที่นี่คุณจะได้ชื่นชมงานศิลปะทั้งภายในอาคาร ภายนอกอาคาร กลางท้องทุ่ง หรือแม้แต่ข้างตัวคุณอย่างเต็มที่ เริ่มกันที่พิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะ Matsudai Nohbutai และส่วนแสดงงานศิลปะ Echigo-Tsumari art field ที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่

สำหรับที่อาคารแสดงหลัก มีผนังที่สามารถ ปีนป่ายได้ราวกับหน้าผาจำลองท้าทายความสามารถคุณอยู่ ต่อด้วยการเปิดโลกจินตนาการไปกับห้องเรียนกระดานดำที่คุณสามารถแต่งเติม อิสระทางความคิดได้ทุกมุม เน้นว่าทุกมุม

หรือศิลปะในห้องน้ำที่แค่คุณ เผลอไปดูวิว หันกลับมาอาจจะหาทางออกไม่เจอ แม้กระทั่งส่วนของห้องอาหารก็มีผลงานภาพถ่ายของชาวเมืองที่ถูกจัดแสดงโดยการแขวนไว้ด้านบน แต่สามารถมองเห็นโดยการสะท้อนลงบนโต๊ะอาหารผิวกระจก

สำหรับด้านนอกอาคารยังมีผลงานของศิลปินดังอีกหลายชิ้นไม่ว่าจะเป็น Tsumari in Bloom ผลงานดอกไม้ลายจุด จากศิลปินชื่อดังอย่างยาโยอิ คุซามะ (Yayoi Kusama) ผู้รังสรรค์หลุยส์วิตตอง ลายจุด ส่วนคนที่ชื่นชอบงานศิลปะแนวสมัยใหม่ ที่ Echigo- Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art, KINARE เหมาะสุดคุณจะได้เห็นงานศิลปะสุดแปลกหลายชิ้น อย่างเช่น งานศิลปะจากการเผาไม้ งานศิลปะจากของเหลือใช้ เป็นต้น

สำหรับฉันชอบที่ Echigo-Tsumari Art Triennale โรงเรียนประถมเก่าที่ดัดแปลงเป็นสถานที่แสดงงานศิลปะผ่านตัวละครเด็ก 3 คน แม้จะน่ากลัวไปหน่อย ตื่นเต้นไปนิด แต่ก็อดซาบซึ้งไปกับเรื่องราวของผลงานไม่ได้ เป็นความน่ากลัวที่ปิดท้ายด้วยความประทับใจอย่างไม่รู้ตัว

ที่สำคัญมีร้านกาแฟน่ารักซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ด้วย

นอกจากงานศิลปะที่มีกระจายอยู่ทั่วเมือง อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจคือ คฤหาสน์ของชาวนาผู้มั่งคั่ง หรือ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมนอร์ทเทิร์น (Northern Culture Museum – Sanrakutei) จะเรียกว่าบ้านเก่าก็คงดูแคบไปสักหน่อย ต้องเรียกว่าคฤหาสน์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะของตระกูลอิโต้ (ITO) ซึ่งเป็นชาวนาที่รำรวยตระกูลหนึ่ง

ภายในคฤหาสน์ไม้หลังใหญ่แห่งนี้ แบ่งออกเป็นห้องต่างๆ มากมายมากกว่า 65 ห้อง โดยห้องที่เป็นห้องหลักที่น่าชม คือ ห้องนั่งเล่นที่กว้างขนาด 100 เสื่อทาทามิ (ประมาณ 155 ตารางเมตร) ที่เปิดกว้างหันหน้าเข้ากับสวนสีเขียวสไตล์ญี่ปุ่น

ต่อมาห้องครัวที่แต่เดิมเคยหุงข้าว วันละ 60 กิโลกรัมให้กับคนที่อาศัยอยทูี่นี่กวา่ 60 คน ด้วยการตกแต่งที่สวยงามและการอนุรักษ์ที่ยังคงไว้เป็นอย่างดี ทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อปี ค.ศ. 2000

อิยามะ เมืองเล็กหลากกิจกรรม
สำหรับคนที่รักกิจกรรม นอกจากมีกิจกรรมเก็บผลไม้ ทั้งองุ่น ลูกพลับ กีวี แอปเปิ้ล ฯลฯ พร้อมทั้งรับประทานบาร์บีคิวในสวนองุ่น ที่ Fruit Land Shirone Grape Garden ของเมืองนีงาตะแล้ว

ที่นากาโน่เองก็มีเมืองเล็ก หลากกิจกรรมอย่างที่อิยามะ (Iiyama) ไว้เอาใจคนรักกิจกรรมให้มาเยือน ฉันแนะนำให้ไปตั้งต้นกันที่ Tourism Exchange Center และ Activity Center บริเวณสถานีอิยามะอันแสนสวยกันก่อนได้เลย

จะเห็นรูปแบบกิจกรรมว่าสามารถทำอะไรที่นี่ได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเก็บแอปเปิ้ล ที่ Shinshu Fruit Land การเดินป่า กิจกรรมชมเมืองทั้งไหว้พระและเยี่ยมชมถนนสายที่ทำที่วางพระพุทธรูป หรือ จะแวะไปชมพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาคุณตาคุณยาย (Takahashi Mayumi Museum of Doll Art) ก็ย่อมได้ ที่นี่จัดแสดงตุ๊กตาผ้าโดยมากจะเป็นลักษณะของคุณตาคุณยายในอิริยาบถต่างๆ ให้ชม

บางชิ้นงานดูแล้วอดอมยิ้มไม่ได้เลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นสายกินที่นี่มีทั้งร้านขนมชื่อดังอย่าง Patisserie Hirano ที่พร้อมเสิร์ฟเมนู ขนมหวานให้เรากินกัน บ

างชิ้นเป็นเมนูที่มีเฉพาะฤดูกาลเท่านั้นหรือจะไป ลิ้มลองแกงกะหรี่ย่างชามโตที่ Cafe Penticton (ペンティクトン) ก็ไม่ว่ากัน

ทอดอารมณ์ที่ โอบุเซะ (Obuse)
เมืองโอบุเซะ เป็นเมืองขนาดย่อมอยู่ระหว่างเมืองนากาโน่ และ ยามาโนะอูจิ (Yamanouchi) ความที่เป็นเมืองเล็กและอยู่ระหว่างเส้นทางอาจจะทำให้ใครละเลย แต่ถ้าบอกว่าที่นี่เป็น ที่ที่คะสึชิกะ โฮะกุไซ (Katsushika Hokusai) เจ้าของผลงานภาพพิมพ์แกะไม้ของญี่ปุ่น อันเลื่องชื่อจากภาพคลื่นยักษ์นอกฝั่งคะนะงะวะ (The Great Wave off Kanagawa) ที่อยู่บนปกบัตร JR PASS ได้ใช้ชีวิตและสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ มากมายในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้วละก็

ฉันเชื่อว่าคุณต้องสนใจที่จะแวะมาแน่นอน ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ Hokusai ที่เก็บรวบรวมผลงานของท่านให้ได้ชมและถ้าชมงานศิลปะเรียบร้อย ฉันก็อยากให้คุณได้เดินลัดเลาะไปตามทางเดินแผ่นไม้เกาลัด อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เลี้ยวลดไปตามตรอกซอกซอย ผ่านสวนของบ้านเรือน (บางหลัง) ที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวแวะเข้าไปดื่มด่ำกับความงดงามที่ซ่อนตัวอยู่

ถ้ามีโอกาสไปช่วงเทศกาลเกาลัดประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคมก็อย่าพลาดที่จะไปลิ้มลองผลิตภัณฑ์จากเกาลัดของที่นี่ กลิ่นเกาลัดที่หอมฟุ้งทั่วเมือง อากาศที่แสนเย็นสบาย ต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี บรรยากาศของเมืองเรียกว่า ฟินเวอร์ แบบที่เด็กวัยรุ่นชอบพูดกันเป็นที่สุด

อ้อมกอดของธรรมชาติ

หนึ่งในวัดที่มีความสำคัญและยอดนิยมแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นวัดพุทธแห่งแรก ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 นั่นก็คือ วัดเซนโคจิ (Zenkoji Temple) โดดเด่นด้วยอารามไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่และพระประธานหลักของวัด ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ ไม่อนุญาตให้ใครเห็น ยามที่ฉันเดินไปตามทางเดินมืดสนิทภายใต้ฐานของพระประธาน

ความรู้สึกที่เรียกว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กรี่เข้ามาในความคิดทีเดียวไม่ต่างจากตอนที่เดินท่ามกลางการขนาบข้างของต้นสนขนาดใหญ่สูงเฉียดฟ้าตามทางเดินไปสู่ศาลเจ้าโทงาคุชิ (Togakushi Shrine) ที่ที่ธรรมชาติกำลังโอบล้อมรอบตัวเรา

ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตลอดเส้นทางเดินมาศาลเจ้าแห่งนี้ หรือบริเวณของสระกระจกคางามิอิเกะ (Kagamiike)ที่เต็มไปด้วยละอองของสายหมอก เป็นบรรยากาศที่สงบเงียบและงดงาม

ไม่แปลกใจที่แม้จะมีสายฝนพร่ำๆ แต่กลับมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติอย่างฉันและคนญี่ปุ่นเองเดินทางมาที่นี่ เพราะนอกจากจะได้ชื่นชมความงามตามแนวเส้นทางการเดินป่าแล้ว การได้เข้าไปนมัสการศาลเจ้าที่อยู่ด้านในทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจเป็นที่สุด หรืออย่างที่สวนไคโคเอ็นปราสาทโคะโมะโระ (Komoro Kaikoen) ของเมืองโคะโมะโระ (Komoro)

แม้ปราสาทแห่งนี้จะเหลือร่องรอยเพียงน้อยนิด คุณจะเห็นความเป็นธรรมชาติที่แทรกตัวอยู่อย่างกลุ่มมอสที่ปกคลุมกำแพงปราสาทเดิมกลายเป็นกำแพงมอสที่สวยงาม

แต่ที่สะท้อนให้เห็นว่านากาโน่มีความเป็น ธรรมชาติมากแค่ไหนคงเป็นที่ น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Waterfall) ผลของความชุ่มชื้น สดชื่นของธรรมชาติที่แผ่ปกคลุมเมืองคารุอิซาว่า (Karuizawa) จังหวัดนากาโน่

ทำให้เกิดน้ำไหลผ่านหินรูพรุนกลายเป็นสายน้ำผืนกว้างที่งดงามแม้สูงเพียง 3 เมตร แต่ยาวกว่า 70 เมตร เป็นเสมือนผืนผ้าขนาดใหญ่ที่ถูกถักทออย่างสวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้แดง สีสันจะสวยงามอย่างที่สุด

หากจะถามฉันว่าที่เที่ยวไหนไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก ฉันก็อยากจะแนะนำให้รู้จักจังหวัดที่ไม่คุ้นหู อย่างเช่นจังหวัดนีงาตะและนากาโน่แห่งนี้ แค่คุณได้มาสักครั้ง เมืองทางเลือกที่ไม่ค้นุ หูแห่งนี้ จะกลายเป็นเมืองที่คุณรู้สึกคุ้นเคยและอยากกลับมาอีกเรื่อยๆอย่างแน่นอน

ขอบคุณ
สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดนากาโน่ www.go-nagano.net/th/
การท่องเที่ยวจังหวัดนีงาตะ enjoyniigata.com

  • มาเกาะซาโดะ อย่าลืมลองกินปลาบุนิทอดของขึ้นชื่อของเกาะและสอดส่ายสายตามองหานกประจำเกาะซาโดะ ชื่อ นกโทคิ (Toki) สามารถหาดูได้ที่นี่ที่เดียวเพราะใกล้จะสูญพันธุ์แล้วในปัจจุบัน นอกจากนี้ขอแนะนำให้ลองพัก Home Stay บ้านพักเกษตรกร อย่างเช่น ที่ Yosabei Hiruma Cafe กินอาหารปลอดสารพิษ นอนฟังเสียงธรรมชาติดู
  • จังหวัดนีงาตะเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ผลิตข้าวเกรียบเซมเบ้ ทำจากข้าวมากแห่งหนึ่ง คุณสามารถลองทำเซมเบ้ได้ที่ Niigata Senbei Oukoku
  • ที่ปราสาทโคะโมะโระ มีหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การ ทดลองยิงธนู เป็นการทดสอบสมาธิ
  • เมืองคารุอิซาว่า จังหวัดนากาโน่เป็นเมืองที่ไม่ห่างจากโตเกียวมากนัก สามารถนั่งรถไฟมาใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเศษ คุณก็สามารถสัมผัสธรรมชาติแถมจับจ่ายกับเอาต์เลตขนาดใหญ่ติดรถไฟฟ้าอย่าง Karuizawa Prince Shopping Plaza


Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0