Nagano Onsen-Snow-Nature

Story & Photo by Orawan

เชื่อว่าหลายคนที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะคนที่เดินทางมาจากเมืองร้อนอย่างประเทศไทยเรา สิ่งหนึ่งที่ต้องการสัมผัสคงหนีไม่พ้นหิมะขาวเต็มทั้งพื้นที่เป็นแน่แท้ และในจังหวัดที่อยากแนะนำเพราะสามารถเดินทางไปจากโตเกียวด้วยรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น จังหวัดนั้นก็คือ จังหวัดนากาโน่ (Nagano)

จังหวัดนากาโน่หรือนางาโนะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุ บนเกาะฮนชู มีเมืองเอกจังหวัดในชื่อเดียวกันคือนางาโนะ ในตัวเมืองมีที่เที่ยวสำคัญๆ หลายแห่ง แต่หากคุณมีเวลาประมาณสัก 3 วัน 2 คืน เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่พอจะเดินทางไปได้มาฝาก เริ่มต้นจากวัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple)

จากสถานีรถไฟ JR Nagano Station สามารถต่อรถบัสไปประมาณ 10 นาที หรือถ้าจากสถานีรถไฟใต้ดิน Nagaden Nagano Station ติดกับ JR Nagano Stationก็ไปลงที่สถานี Zenkojishita Station แล้วจากนั้น เดินต่อไปอีก 5-10 นาที วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีการเล่าขานกันว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อราวศตวรรษที่ 7 หรือ 1,400 ปีก่อน โดยในอดีตวัดนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางของนากาโน่

ในอดีต วัดมีโครงสร้างอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งเรียกว่า ฉุโมคุจึคุริ หรืออาคารที่มีรูปทรงแนวนอนเหมือนไม้ตีระฆัง ตัววิหารหลักในปัจจุบันเป็นวิหารอันโอ่โถงที่ทำมาจากไม้พื้นที่ด้านหน้ามีความยาวประมาณ 24 เมตรมีความลึกประมาณ 54 เมตร ซึ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในยุคเอโดะตอนกลาง ประมาณปี ค.ศ. 1707 ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แรกของญี่ปุ่น โดยพระพุทธรูปนี้ถูกสร้างขึ้นในประเทศอินเดียและถูกนำมาประดิษฐานไว้ที่ประเทศญี่ปุ่น

วัดเซ็นโคจิยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมบัติแห่งชาติในปี ค.ศ. 1953 และเป็นวัดที่มีชื่อเสียงซึ่งคอยให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้คนโดยไม่แบ่งแยกนิกาย จนผู้คนจากทั่วประเทศเดินทางมานมัสการอยู่อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคเฮอันและมีการสืบทอดธรรมเนียมการทำพิธี “โอโคโมริ” มาจนถึงปัจจุบัน โดยในพิธีดังกล่าว ผู้คนที่มาสักการะจำนวนมากจะค้างแรมในวัดตลอดทั้งคืนเพื่อสวดมนต์ร่วมกันพื้นที่โดยรอบวัดมีรูปปั้นทางพุทธศาสนาอยู่เป็นจำนวนมาก สามารถไหว้ขอพร ชื่นชมได้ตามอัธยาศัย ทางด้านทิศใต้ของตัววัดคือ ประตู Sanmon Gate ขนาดใหญ่ ที่สามารถขึ้นไปชั้นบนเพื่อชมวิวถนนคนเดินแบบมุมสูงได้ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวและผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเข้าเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมชิ้นเอกทางพุทธศาสนาถึง 6 ล้านคนเลย

จากวัดเซ็นโคจิออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองนากาโน่ ประมาณ 20 กิโลเมตร มีศาลเจ้าที่ชื่อ ศาลเจ้าโทกาคุชิ (Togakushi Shrine) ถ้าเริ่มต้นจากสถานีรถไฟนากาโน่ ให้ขึ้นรถบัสหมายเลข 70 หรือ 71 ไปลงที่ Togakushi-Hokosha(ศาลส่วนล่างหรือศาลแสงสมบัติหรือโฮโคซะ) 50 นาที 1,150 เยน, Togakushi-Chusha (ศาลส่วนกลางหรือชูฉะ) 60 นาที 1,250 เยน หรือ Togakushi-Okushairiguchi (ศาลส่วนบน หรือ โอะคุชะ) 65 นาที 1,350 เยน มีรถบัสให้บริการชั่วโมงละ 1 รอบ ในช่วงฤดูหนาวจะมีรถบัสไปส่งแค่ศาลเจ้าชั้นกลางหากจะไปศาลชั้นบนต้องเดินต่อระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรได้

ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เชิงเขาของภูเขาเรซัง (Reizan) และภูเขาโทกาคุซัง (Togakuzan) ประกอบด้วยศาล 5 แห่งอันได้แก่ศาลเจ้าส่วนในหรือส่วนบน (โอะคุชะ – Okusha), ศาลเจ้าส่วนกลาง (ชูฉะ – Chusha), ศาลแสงสมบัติหรือส่วนล่าง (โฮโคชะ-Hakoksha), ศาลมังกรเก้าเศียร (คุซุริวชะ – Kuzuryusha) และศาลมิโกะแห่งเพลิง (ฮิโนะมิโคชะ Hinoikosha) ที่นี่ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ยังคงถูกสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันในฐานะที่เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมบนเส้นทางแสวงบุญในสมัยเฮอันและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเทียบเท่ากับภูเขาโคย่าซันและภูเขาฮิเอซันในสมัยคามาคุระโดยแต่ละศาลจะมีทางเดินเชื่อมต่อกันไปเรื่อยๆ ตามแนวทางลาดของภูเขา

เริ่มจากลานจอดรถที่ปีนบันไดหินขึ้นไป 270 ขั้น ก็จะถึงศาลแสงสมบัติ หรือโฮโคชะ ซึ่งเป็นศาลเก่าแก่ที่สุดในศาลเจ้าโทกาคุชิ กล่าวกันว่าเทพเจ้าในศาลเจ้าแห่งนี้จะช่วยพัฒนาการศึกษาเล่าเรียนและทักษะด้านศิลปะการทอผ้าและปกป้องคุ้มครองการคลอดบุตรให้ปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก เมื่อเดินไปตามเส้นทางเก่าแก่ของโทกาคุชิที่เรียกว่า “คันมิชิ” ประมาณ 15 นาที ก็จะถึงศาลมิโกะแห่งเพลิงหรือฮิโนะมิโคชะ เชื่อกันว่ามี อะเมะ โนะ อุซุเมะ โนะมิโกโตะ ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่เคยเต้นรำสักการบูชาที่หน้าประตูหินและเป็นเทพเจ้าที่ได้รับความศรัทธาในเรื่องช่วยเพิ่มทักษะด้านศิลปะการแสดง ช่วยให้สมหวังในความรักและป้องกันอัคคีภัยประทับอยู่ เดินจากศาลเจ้าฮิโนะมิโคชะประมาณ 15 นาทีก็จะถึงศาลเจ้าส่วนกลางหรือชูฉะ มีต้นสนที่มีอายุกว่า 800 ปี คอยให้การต้อนรับผู้ที่มาเยือน บริเวณศาลเจ้าจะมีสำนักงานของศาลเจ้าโทกาคุชิอยู่ ยังมีพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ “เซริวเด็น” ซึ่งจัดแสดงเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความศรัทธาของโทกาคุชิอยู่ด้วย

บริเวณรอบๆ ศาลเจ้าโฮโคชะและศาลเจ้าส่วนกลางจะมีบ้านพักของนักบวชปลูกเรียงรายกันอยู่ และได้ถูกกำหนดให้เป็น “เขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์” บริเวณนี้จะเป็นที่ตั้งของร้านค้า และร้านอาหาร ภายในศาลกลางมีห้องโถงที่สร้างไว้อย่างสวยงาม

จากศาลเจ้าส่วนกลางหรือชูฉะ เดินผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เช่น ซากเนียวนินโด (สถานที่สวดมนต์สำหรับผู้หญิง) ก้อนหินบิคุนิ (สมัยก่อนเชื่อกันว่ามีนักบวชหญิงได้ฝ่าฝืนกฎเดินเข้าไปในเขตที่ห้ามผู้หญิงเข้าจึงทำให้ร่างกายแข็งกลายเป็นหิน) ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็จะถึงทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้าส่วนในหรือส่วนบนหรือโอะคุชะ มีซุ้มประตูโทริอิขนาดใหญ่ตั้งอยู่

เมื่อลอดผ่านซุ้มประตูโทริอิขนาดใหญ่แล้วเดินต่อไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงประตูซุยชินมง (Zuishinmon Gate) ที่ทาด้วยสีแดงและหลังคามุงด้วยหญ้า ในอดีตประตูแห่งนี้เคยเป็นที่สถิตของรูปสลักเทพทวารบาลนิโอซึ่งเป็นเทพแห่งการคุ้มครอง จากประตูซุยชินมงเข้าไปจะมีแนวต้นสนเก่าแก่กว่า 400 ปีตั้งเรียงราย เมื่อเดินทะลุผ่านแนวต้นสนและขึ้นเนินไปใช้เวลาประมาณ 20 นาที จะมองเห็นศาลเจ้าส่วนในและศาลมังกรเก้าเศียรหรือคุซุริวชะ ศาลเจ้าส่วนในถือเป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าโทกาคุชิ กล่าวกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากวัดโทกาคุชิที่ถูกเปิดให้เป็นที่ฝึกปฏิบัติของนักบวชที่บำเพ็ญตบะเมื่อปี 849ทางฝั่งซ้ายมอื ของศาลเจ้าส่วนในจะเป็นศาลเจ้าคุซุริวชะ เชื่อกันว่าเทพเจ้าที่สถิตอยู่ที่แห่งนี้ก็คือเทพเจ้ามังกร (คุซุริวโนะโอคามิ)ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ได้รับความศรัทธาในเรื่องการช่วยรักษาฟันผุและช่วยให้สมหวังในความรัก

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ใกล้ตัวเมืองนากาโน่แล้ว ในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ สถานที่ท่องเที่ยวอย่างสกีรีสอร์ตหรือแม้แต่ออนเซ็นกลางหุบเขาก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เราสามารถเดินทางไปแบบเช้าไปเย็นกลับหรือไปพักค้างคืนสัก 1-2 คืนได้ อย่างที่เราไปเช่นที่ โนซาว่า ออนเซ็นสกีรีสอร์ต (Nozawa Onsen Ski Resort) ห่างจากตัวเมืองนากาโน่ประมาณ 45 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่โนซาว่าออนเซ็นมุระ หรือหมู่บ้านโนซาว่าออนเซ็น เขตชิโมทาคะอิ (Shimotakai) ที่นี่เคยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1924 และได้รับเลือกเป็นสถานที่จัด Nagano Winter Olympics เมื่อปี ค.ศ. 1998 รีสอร์ตที่เก่าแก่และดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นก็ว่าได้ แต่ก่อนอาจจะดูเก่าๆ หน่อยแต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงพัฒนารีสอร์ตไปเยอะมากทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับมีภูมิทัศน์ที่หลากหลายสำหรับนักสกีหลายระดับอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเหมาะกับการไปเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่ง จากตัวหมู่บ้านโนซาว่าออนเซ็น ช่วงฤดูหนาวก็จะมีรถรับส่งไปที่สกีรีสอร์ตที่มีมากกว่า 40 แห่งในบริเวณนี้

ความพิเศษของที่นี่นอกจากจะมีลานสกีหลากหลายระดับ ทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและมืออาชีพแล้ว เขายังมีข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษด้วย ในวันท้องฟ้าปลอดโปร่งคุณจะสามารถมองเห็นทิศเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น (Northern Japan Alps) และทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ได้อย่างชัดเจนจากบนภูเขา นอกจากลากเลื่อน 600 เมตร มีโรงเรียนสกี, สกีเซนเตอร์, สถานรับฝากเด็กเล็ก, สนามเด็กเล่น และอื่นๆ อีกมากมายทำให้ได้รับความนิยมจากลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว สำหรับค่าเข้าชมแบ่งเป็น เหมาทั้งวัน 08.30-17.00 น. ราคา 5,200 เยน ช่วงกลางคืน 16.30-20.00 น. ราคา 1,900 เยน

นอกจากลานสกีแล้ว คนที่มานากาโน่ ช่วงฤดูหนาวคงอยากเห็นลิงแช่ออนเซ็นกันแน่ๆ สำหรับจุดที่สามารถชมคือเมืองยามะโนะอุจิ (Yamanochi) เขตชิโมทาคะอิเช่นกัน อยู่ตรงจิโกคุดานิ ยาเอ็น โคเอ็น (Jigokudani Yaen-Koen) ถ้ามาจากสถานี Yudanaka บนสาย Nagano Line ของบริษัท Nagano ElectricRailway นั่งรถบัส Nagaden Bus ที่มุ่งหน้าไปยัง Senjukaku Onsen ลงป้ายสุดสาย

ลงรถแล้วเดินต่อผ่านหิมะที่มีความหนามากระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรเป็นออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติกลางหุบเขา มีพวกลิงภูเขาหรือลิงญี่ปุ่นสายพันธุ์ท้องถิ่น เป็นลิงพื้นเมืองของหม่เูกาะญี่ป่นุลักษณะเด่นคือใบหน้าแดงก่ำ ชอบลงมาแช่น้ำคลายหนาว และยังยึดเอาเป็นบ่อออนเซ็นส่วนตัวไปเลย เท่าที่สังเกตทุกตัวไม่กลัวน้ำและมีทักษะในด้านการว่ายน้ำได้เป็นอย่างดี

มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลกมาเยือนเป็นหนึ่งในสามของอุทยานแห่งชาติที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. สำหรับเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เปิดตั้งแต่ 09.00-16.00 น. สิ่งที่ควรระวังคือ ห้ามยื่นสิ่งของใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป, โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ ไปใกล้ลิงไม่ให้อาหารหรือส่งเสียงดังระหว่างที่ชมลิง

นอกจากนั้นยังมีออนเซ็นให้แช่ได้ถึง 9 แห่งอยู่ในเมืองนี้ บางโรงแรมหากเราเป็นผู้เข้าพักก็จะสามารถเข้าแช่ได้ฟรี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโรงแรม สำหรับบ่อออนเซ็นแต่ละแห่ง น้ำพุร้อน อันมีแร่ธาตุหลากหลายเชื่อว่าสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้

อีกด้านของเมืองนากาโน่ทางทิศใต้ นั่งรถจากสถานีนากาโน่ไปเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็จะพบกับเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ซึ่งมีปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ตั้งอยู่ เป็นปราสาทไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติล่ำค่าประจำชาติเป็นปราสาทที่ยังมีสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดมีอายุยาวนานเป็นอันดับ 2 ของประเทศ

ปราสาทสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1593 โดยขุนนางในตระกูลอิชิกาว่า เพื่อใช้เป็นสถานที่หลบภัยและวางแผนการสู้รบ โดยมีกำแพงสูงใหญ่และคูน้ำล้อมรอบปราสาทต่อมาป้อมปราสาทได้ถูกกองทัพทาเคดะยึดครองไปได้ และตกเป็นของโทกุงาวะ อิเอยะสุเป็นตัวอย่างหนึ่งของปราสาทที่สร้างบนพื้นที่ราบ ไม่ใช่บนเนินเขาหรือกลางแม่น้ำ อย่างเช่นปราสาทอื่นๆ

ทำให้เราสามารถเก็บภาพสะพานสีแดงคู่กับตัวปราสาทได้อย่างสวยงาม อาคารของปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนปราสาทอื่นๆ เนื่องจากผนังปราสาทมีสีดำ และปีกด้านต่างๆ ของปราสาทแผ่กางออกเหมือนปีกนก ทำให้ถูกเรียกว่า ปราสาทฟุกาชิ (Fukashi Castle) หรือปราสาทอีกา (Crow Castle)

เมื่อผ่านประตูทางเข้ามา จะเห็นปราสาทมัตสึโมโตะตั้งโดดเด่นอยู่ข้างหน้า ปราสาทมัตสึโมโตะสามารถเข้าไปชมด้านในได้แต่จะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงหิ้วที่ทางเจ้าหน้าที่ของทางปราสาทเตรียมไว้

ข้างในตัวปราสาทมีขั้นบันไดสูงชันและเพดานที่ไม่สูงมากนักโครงสร้างหลักของปราสาท ตัวปราสาทมีทั้งหมด 6 ชั้น แต่หากมองจากภายนอกจะมีแค่ 5 ชั้น เพราะชั้นที่ 3 จะไม่มีหน้าต่าง เพื่อใช้ลอบโจมตีศัตรู

ในการขึ้นไปดูแต่ละชั้นจะมีบันไดให้เดินขึ้นไปซึ่งค่อนข้างชันและลื่นต้องใช้ความระมัดระวัง และไม่อนุญาตให้ถ่ายรูประหว่างเดินขึ้นลงบันได เนื่องจากอันตรายและทำให้เสียเวลาคนที่ต่อแถวขึ้นลงบันไดด้วย

ตามแนวทางเดินจัดแสดงวัสดุเครื่องใช้ทางประวัติศาสตร์ เช่น ชุดเกราะ ซามูไรสมัยเซ็นโกกุ ปืนคาบศิลาและอาวุธที่เคยใช้สู้รบในสมัยก่อนหน้าต่างเป็นหน้าต่างไม้แคบๆ มีช่องสำหรับยิงปืนและยิงลูกธนู

สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นและเมืองมัตสึโมโตะได้จากชั้นบนสุดของปราสาทจะเห็นได้ว่าจังหวัดนากาโน่ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ครบครันทั้ง ปราสาท ศาลเจ้า รวมไปถึงธรรมชาติที่สวยงามยิ่งในฤดูหนาว นากาโน่น่าจะเป็นหนึ่งในปลายทางของการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งทีเดียว

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0