Summer in Japan with JR Kansai Wide Area Pass

Story & Photo by Orawan

สายลมเพียงเบาๆ ที่พัดกระทบกับใบหน้าของฉัน ก็ทำให้รู้สึกคลายความร้อนให้ความสดชื่นได้อย่างประหลาด คงเป็นความสวยงามของทิวทัศน์เบื้องหน้าของฉันตอนนี้ ที่ทำให้รู้สึกดี แม้เป็นช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่นก็ตาม สีสันของดอกไม้ตัดกับสีฟ้าครามของท้องทะเล และท้องฟ้ากว้างมองไปเห็นทิวทัศน์ด้านหนึ่งของช่องแคบอะคิชิไคเคียวและอ่าวโอซาก้า เป็นวิวแบบ360 องศา ทุ่งดอกไม้ของสวนอะวะจิ ฮานะซาจิคิ (Awaji Hana Sajiki) เป็นความงามระดับ A+ ที่หลายคนคงต้องร้องว้าวในครั้งแรกที่เห็น

สำหรับสวนดอกไม้แห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะอะวะจิ (Awaji) ในจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ทุ่งดอกไม้ที่นี่มีขนาดใหญ่มากกว่า 150,000 ตารางเมตร สูง 235 – 298 เมตรจากระดับน้ำทะเล ไม่ว่าคุณจะมาฤดูไหนก็มีดอกไม้หมุนเปลี่ยนผลัดเวียนให้ชื่นชมไปเรื่อยๆ สวนเปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็น และปิดระหว่าง 29 ธันวาคม – 3 มกราคม ที่สำคัญเข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เห็นทั้งนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่นเองที่ชื่นชอบดอกไม้ และหลงใหลวิวสวยระดับเทพ เดินชมและถ่ายรูปดอกไม้กันอย่างเพลิดเพลิน
ขณะที่กำลังละเลียดซอฟต์ครีม เนื้อเนียนจากร้านค้าในสวนดอกไม้ ก็นึกไปถึงเมื่อสองวันที่แล้วที่ฉันเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ หลังจากได้รับบัตร JR Kansai Wide Area Pass* จากทีมงานและเราก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) ดินแดนแห่งแสงตะวัน ของภูมิภาคชูโงะคุ (Chugoku) กันทันที

เสน่ห์ของโอคายาม่า

ความพิเศษของโอคายาม่าเริ่มตั้งแต่ที่สถานีโอคายาม่า (Okayama Station) กันเลยทีเดียว บริเวณสถานีจะรายล้อมไปด้วย ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อย่างเช่น Don Quijote Okayama หรือAeon Mall Okayama ที่รวบรวมสินค้า ผลไม้ ของที่ระลึก งานฝีมือ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ยิ่งช่วงฤดูร้อนแบบนี้เสื้อผ้าเป็นแบบที่สามารถนำกลับมาใช้ที่เมืองไทยได้ ลดราคากันกระหน่ำมากถึง 70 – 80% เลยทีเดียว

มาโอคายาม่า สถานที่แรกที่ควรแวะ คือ ศาลเจ้าคิบิทซึ (Kibitsu Shrine) ตามตำนานเล่าขานเรื่องการปราบยักษ์ ศีรษะยักษ์ร้ายถูกฝังไว้ที่นี่ ทำให้เกิดพิธีการหุงข้าวเพื่อทำนาย หากใครได้ยินเสียงอื้ออึงขณะทำพิธี คำอธิษฐานจะเป็นจริง

นอกจากพิธีกรรมความเชื่อที่มีมานาน ระเบียงโบสถ์ที่ทอดตัวยาวกว่า398 เมตรก็มีความโดดเด่น สวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของที่นี่เช่นกัน

อีกหนึ่งในไฮไลต์ที่มาถึงโอคายาม่าแล้วต้องมาไม่มาไม่ได้ นั้นก็คือ ปราสาทโอคายาม่า
(Okayama Castle) และสวนโคระคุเอ็น (Korakuen Garden)
เช่นเดียวกันหลายๆ ครั้งที่ฉันมาที่นี่

ความงดงามของตัวปราสาท ประสบการณ์การสวมชุดกิโมโน การปั้นเครื่องปั้นดินเผา ความสะดวกสบายของลิฟต์ขนส่งด้านในปราสาทที่พาไปถึง (เกือบ)ด้านบนสุดของปราสาทที่เผยให้เห็นภาพอันกว้างขวางของสวนโคระคุเอ็นที่อยู่ไม่ไกลรวมไปถึงบรรยากาศความสดชื่นสีเขียวขจีของต้นไม้นานาพรรณภายในสวนโคระคุเอ็นก็ยังคงสร้างความประทับใจให้ฉันได้อีกครั้ง

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโคระคุเอ็นถึงได้เป็น1 ใน 3 สวนสวยของญี่ปุ่น

เดินทางกันต่อที่ เมืองโบราณบิคัง (Bikan Historical Quarter) ที่เมืองคุระชิกิ(Kurashiki) นอกจากความสวยงามของต้นหลิวที่เรียงรายตลอดสองฝั่งแม่น้ำแล้ว ในฤดูร้อนเช่นนี้ ฉันได้ยินเสียงจักจั่นที่ซ่อนตัวส่งเสียงร้องดังระงมไปหมด เฉกเช่นเดียวกับที่เมืองโบราณแห่งนี้

นอกจากกิจกรรมนั่งเรือลำเล็กสำรวจเขตโบราณสถานแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจซ่อนอยู่อีกหลายจุด อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮารา (Ohara Museum of Art) ย่านท่องเที่ยวไอวี่สแควร์ (Kurashiki Ivy Square) ที่อดีตโรงงานทอผ้าที่สร้างด้วยอิฐแดงถูกบูรณะใหม่ปกคลุมด้วยเถาไอวี่สีเขียวสด พิพิธภัณฑ์ของโมโมทาโร่ (Momotaro Karakuri Museum) เป็นต้น

และอย่าพลาดทดลองทำขนมญี่ปุ่น Murasuzume ขนมยอดนิยมของคุระชิกิกัน รสชาติหวานหอมและอร่อยทีเดียว ไม่ไกลจากเมืองโบราณบิคัง ที่สถานีรถไฟคุระชิกิ (Kurashiki Station) ก็แวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าน้อยใหญ่มีเอาต์เลต อย่าง มิตซุย เอาต์เลต พาร์ก คุระชิกิ (Mitsui Outlet Park Kurashiki)ที่ให้คนรักการช้อปปิ้งได้เลือกซื้อสินค้ากันอย่างสนุกสนาน มีทั้งรองเท้า กระเป๋าเดินทาง เสื้อผ้าแบรนด์ดังๆ หลากหลายแบรนด์

และถ้าคุณมีเวลาอยู่โอคายาม่าอีกสักวัน มีอีกหนึ่งเส้นทางที่น่าสนใจอยากแนะนำนั่นก็คือพิพิธภัณฑ์ยีนส์ (Betty Smith Jeans Museum) บริหารงานโดย Betty Smith ผู้ผลิตยีนส์ชื่อดังที่เริ่มกิจการตั้งแต่ปี 1962 มีการจัดแสดงกระบวนการผลิตประวัติความเป็นมาของยีนส์ แถมมีกิจกรรมเวิร์กช้อปให้นักท่องเที่ยวได้สร้างสรรค์ตกแต่งกระดุมและส่วนประกอบอื่นๆ ให้กับยีนส์ของตัวเอง ทางร้านจะตัดเย็บและจัดส่งให้ภายใน 1 เดือน หรือใครไม่อยากสั่งตัด สามารถไปซื้อที่เอาต์เลตได้เหมือนกัน

และไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์บริเวณสถานีรถไฟโคจิมะ มีอีกแหล่งช้อปปิ้งเรียกว่า Kojima Jeans Street เป็นถนนสำหรับคนชื่นชอบยีนส์ให้เลือกซื้อสินค้ากันอีกแห่ง มีเสื้อผ้า กางเกง สินค้าที่ผลิตจากผ้ายีนส์จากผู้ผลิตโดยตรงให้เลือกซื้อ

นอกจากนั้นโอคายาม่ายังมีแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ช่วงหน้าร้อนแบบนี้ เป็นฤดูกาลของพีชขาวเนื้อนวลแห่งเมืองโอคายาม่า เราจะเห็นลูกพีชขายเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าใครอยากลองประสบการณ์เก็บพีชรับประทานเองสดๆ จากสวนแล้วละก็ แนะนำที่สวนผลไม้โทโมมิเอ็น (Tomomien Fruit Farm) ได้เลย ลูกพีชกำลังสุกส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

แต่ถ้าใครอยากลองจิบสาเก หรือดื่มเบียร์ ที่โรงผลิตสาเกมิยาชิตะ (Miyashita Sake Brewery) โรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีเครื่องดื่มให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น สาเก เบียร์ โชจู เหล้าบ๊วย หรือที่ญี่ปุ่นเรียกยูเมะ (Ume) วิสกี้ บริเวณโรงงานยังจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นร้านอาหารที่ให้บริการอาหาร พร้อมกับเครื่องดื่มนานาชนิดอีกด้วย


ความสุขครบรสที่เฮียวโงะ

หลังจากที่เราหลงใหลได้ปลื้มไปกับผลไม้อย่างลูกพีชขาว เสื้อผ้าสไตล์ยีนส์ เครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งปราสาท สวนและเมืองโบราณของโอคายาม่าอย่างเต็มที่แล้ว วันถัดมาฉันก็ใช้บัตร JR Kansai Wide Area Pass บัตรเดิมข้ามภูมิภาคมาที่ภูมิภาคคันไซ
(Kansai) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) แล้วก็มานั่งชื่นบานท่ามกลางสวนดอกไม้อยู่ที่สวนดอกไม้อะวะจิ ฮานะ ซาจิคิ นี่แหละ

ถ้าคุณมาเที่ยวสวนดอกไม้แล้ว อยากให้คุณได้แวะไปสถานที่หนึ่งไม่ไกลกันนัก เพิ่งเปิดเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2017 นี้เอง นั่นก็คือสวนนิชิเก็น โนะ โมริ (Nijigen no Mori) เป็นสวนสนุกที่เน้นความผสมผสานของรูปแบบสองมิติระหว่างอนิเมะและมังงะเข้าไปด้วย มี
ตัวการ์ตูนอย่างเช่น เครยอนชินจัง ผลงานของ อุซุอิ โยชิโตะ เต็มสวนไปหมด มีเครื่องเล่นอย่าง Crayon Shin-chan Adventure Park หรือเส้นทางเดินชมธรรมชาติสำหรับตอนกลางคืนอย่าง Night Walk Hi noTori ที่ใช้เทคโนโลยีสร้างภาพวิหคเพลิง ผลงานของเทซึกะ โอซามุอีกด้วย ไม่ใช่แค่เด็กๆ ที่ชื่นชอบกัน ผู้ใหญ่อย่างฉันก็อดกรี๊ดกร๊าดไม่ได้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในเมืองเอกของจังหวัดเฮียวโงะ คือ เมืองโกเบ(Kobe) ที่นี่ฉันสามารถไปชมเครื่องไม้สวยๆ พร้อมสถาปัตยกรรมไม้แบบญี่ปุ่นเก๋ๆ ได้ที่พิพิธภัณฑ์เครื่องมือช่างไม้ ทาเคนากะ (Takenaka Carpentry Tools Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่น่าทึ่งอีกแห่ง การที่ร้อยเรียงไม้แต่ละอันเข้าด้วยกัน โดยไม่ใช้ตะปูเป็นเทคนิคที่น่าสนใจ มีกิจกรรมให้ลองไสไม้เนื้อหอมให้เรียบเนียนสวย หรือดื่มชา ท่ามกลางสวนสวยอีกต่างหาก

ฉันผละจากการดื่มชาไปจิบสาเกจาก โรงกลั่นโกเบ ชูชินคัน (Kobe Shushinkan Brewery)ผู้ผลิตสาเกแบรนด์ “ฟุคุจู” (Fukuju) ที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ ปี 1751ด้านในเข้าชมฟรี ให้เห็นขั้นตอนการผลิตสาเก โดยสามารถจองทัวร์ชมล่วงหน้า 1 วัน นอกจากนั้นยังมีพื้นที่จำหน่ายสินค้ากว้างขวางให้นักดื่มได้เลือกชิม เลือกดื่มก่อนซื้อกลับกัน และมาโกเบทั้งที่ต้องกินเนื้อโกเบที่ขึ้นชื่อ ซึ่งจะมีร้านอาหารที่จำหน่ายเนื้อโกเบชื่อดังกระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง สามารถเลือกซื้อได้ทุกร้านเพราะอร่อยทุกร้าน

ก่อนจะนั่งรถต่อไปที่หมู่บ้านอาริมะออนเซน (Arima Onsen) ที่ขึ้นชื่อไม่ไกลจากตัวเมืองโกเบมากนัก หมู่บ้านมีขนาดไม่ใหญ่มากสามารถเดินชมเมือง สำรวจหมู่บ้านได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง น้ำแร่ที่นี่มีสรรพคุณในเรื่องการรักษา ในอดีตผู้คนมากมายหลั่งไหลมาเพื่อแช่ตัวรักษาโรคภัยกันที่นี่ โดยเฉพาะการแช่บ่อน้ำแร่สีเงิน (Gin-no-Yu)น้ำแร่ใสมีส่วนผสมของคาร์บอนิกและเรเดียม (Carbonic and Radium) มีสรรพคุณช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร ภาวะเส้นเลือดอุดตัน หรือน้ำแร่สีทอง ( Kin-no-Yu) มีส่วนผสมของธาตุเหล็กสูงมีสรรพคุณลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ โรคไขข้อ ยามเม็ดฝนหลงฤดูโปรยปรายเช่นนี้ การได้แช่เท้าในบ่อแช่เท้าสีทองทที่ให้บริการฟรี สำหรับคนที่มาท่องเที่ยวช่างวิเศษเหลือเกิน

สุดท้ายถ้ามาเฮียวโงะ แล้วไม่แวะปราสาทฮิเมจิ(Himeji Castle) ก็ดูกระไรไป หากปราสาทโอคายาม่าเป็นปราสาทอีกาดำ ปราสาทฮิเมจิ คืออีกด้านของความขาวใส แม้ยามที่ฝนโปรยปราย ความขาวสว่างเปล่งประกายของปราสาทก็แทรกตัวทะลุสายฝนออกให้ได้ยลโฉมกัน แม้จะต้องใช้พละกำลังอย่างมากที่จะขึ้นบันไดเพื่อไปถึงยอดเกือบ 6 ชั้นแต่วิวด้านบนก็คุ้มค่า

การเดินทางด้วยบัตร JR Kansai Wide Area Passตลอด 5 วันของฉันในครั้งนี้ถือว่าครบรสและเต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามและเสน่ห์ของพื้นที่ทั้งโอคายาม่าและเฮียวโงะ จริงๆ แล้วบัตรใบนี้ยังสามารถเดินทางไปได้อีกหลายเมืองไม่ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม
อย่างเกียวโต สวนสนุกระดับโลกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอที่โอซาก้า เมืองกวางอย่างนารา หรือไป แช่ออนเซน คิโนซากิออนเซน เป็นต้น พิเศษแบบนี้ เที่ยวแถบคันไซครั้งหน้า ต้องใช้บริการบัตรนี้อีกแน่นอน

JR Kansai Wide Area Pass – ตั๋วรถไฟส่วนลดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟความเร็วสูงชินกันเซนสายซันโยแบบที่นั่ง Unreserved Seats (รวมขบวน NOZOMI และ MIZUHO ระหว่างสถานี SHIN-OSAKA และ OKAYAMA), ขบวนรถด่วนพิเศษ,รถเร็ว และรถปกติระหว่างสนามบินนานาชาติคันไซ, Okayama, Kurashiki, Shirahama, KinosakiOnsen, Takamatsu และภูมิภาคคันไซของบริษัท Jr-West แบบไม่จำกัดเที่ยว ต่อเนื่องกัน 5 วัน

  • ราคาซื้อนอกญี่ปุ่น 8,500 เยน
  • ราคาซื้อในญี่ปุ่น 9,000 เยน *หากซื้อในญี่ปุ่น ต้องแสดงพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินขากลับด้วย
  • สำหรับเด็กครึ่งราคา

ขอบคุณ

JR WEST : www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/kansai
การท่องเที่ยวโอคายาม่า : www.okayama-japan.jp/th
การท่องเที่ยวเฮียวโงะ : www.travelhyogo.org.e.aas.hp.transer.com

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0