อิตาเลียน ริเวียร่า (Italian Riviera)

เรื่องโดยทีมงาน Vacationist

นักประพันธ์เอกชาวอังกฤษชาร์ลสฺ จอห์น ฮัฟแฟม ดิ๊กเก็นสฺ (Charles John Huffam Dickens) กล่าวว่า ชายทะเลระหว่างเจนัว (Genoa) กับ ลา สเปเซีย (La Spezia) นั้นเป็นอิตาลีที่สวยที่สุด สำหรับเจนัวนั้นเป็นเมืองหลักของแคว้นลิกูเรีย (Liguria) ซึ่งเป็นย่านตากอากาศที่มีชื่อเสียงเรื่องชายหาดสวยงาม จนได้สมญาว่าเป็น อิตาเลียน ริเวียร่า (Italian Riviera)

ริเวียรา (Riviera) เป็นภาษาอิตาเลียน แปลว่าแนวชายฝั่งหรือท่าน้ำ สำหรับรีเวียราทั้งหมดจะผ่านสี่จังหวัดของแค้วนลิกูเรีย (Liguria) อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลีได้แก่ ลา สเปเซีย (La Spezia) เจนัว (Genoa) ซาโวนา (Savona) และ อิมเปเรีย (Imperia) รวมระยะทางทั้งหมด 350 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่จะติดทะเล มีพื้นที่อันเป็นธรรมชาติถึง 12% ของพื้นที่เลยทีเดียว

ลักษณะภูมิประเทศแถบนี้จะมีภูเขาอย่างแอลป์-มารีตีม (Maritime Alps) และ เทือกเขาแอเพนนีน (Apennines) ที่สูงชันขนาบอยู่กับทะเลลิกูเรียน ซึ่งบางจุดสูงชัน 90 องศา บางตอนของภูเขาลาดเทมาจนถึงชายหาด มีทั้งหาดทรายขาวสวยและหาดกรวดที่งามแปลกตา มีทั้งเมืองท่าที่คึกคัก และเมืองที่เงียบสงบ หลากความประทับใจที่ตอบรับกับผู้มาเยือนหลายรูปแบบ โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนและวันหยุดยาวของชาวยุโรป บริเวณนี้จะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว

การเดินทางที่เหมาะกับการท่องเที่ยวแถบนี้คือ การขับรถ แต่เนื่องจากเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวไปมา มีทางที่หวาดเสียวเป็นระยะ และบางจุดก็เป็นหน้าผาแคบๆ ควรขับด้วยความระมัดระวัง ข้อดีอีกอย่างของการขับรถเที่ยวคือ สามารถแวะท่องเที่ยวตามเส้นทางได้อย่างสะดวกหรือ จะนั่งรถไฟ ใช้บริเวณรถบัสข้ามเมืองอย่าง Flixbus ที่วิ่งเส้นทางจากเจนัว (Genoa) ของอิตาลี มาลงที่นีซ (Nice) ของฝรั่งเศส ก็สะดวกไม่แพ้กัน สำหรับที่เที่ยวในแคว้นลิกูเรีย ที่น่าสนใจมาแนะนำกัน

ปอร์โตเวเนเร (Porto Venere)

เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง Ligurian ในจังหวัด La Spezia ในอิตาลี ประกอบด้วยหมู่บ้าน 3 แห่ง ได้แก่ Fezzano, Le Grazie และ Porto Venere และสามเกาะ ได้แก่ Palmaria, Tino และ Tinetto ในปี 1997 UNESCO ได้กำหนดให้หมู่บ้านปอร์โตเวเนเร และ ซิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) เป็นมรดกโลก ยังไม่มีบริการรถไฟไปยัง Portovenere ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางโดยเรือข้ามฟากจาก Cinque Terre, Lerici หรือ La Spezia (เมืองบนเส้นทางรถไฟสายหลักที่วิ่งไปตามชายฝั่งของอิตาลี) นอกจากนี้ ยังมีบริการรถประจำทางจาก La Spezia

สถานที่ท่องเที่ยวโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter Church) โบสถ์สไตล์กอทิกอันศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1198 โบสถ์โรมาเนสก์ Lawrence สร้างขึ้นในปี 1098 โบสถ์ถูกไฟไหม้ในปี 1340 และการโจมตีในเมือง Aragon ในปี 1494 และถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1582 โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์ หรือที่รู้จักในชื่อศาลเจ้าพระแม่มารี มีอายุย้อนไปถึงยุคโรมาเนสก์

ปราสาท Doria เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมทางทหารของเจนัว ปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นคำตอบของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ปราสาทประกอบด้วยสองส่วนคือส่วนบนของศตวรรษที่ 15 และส่วนหลัง (หลังปืนใหญ่) ในภายหลัง ในส่วนล่าง ห้องโถง Sala Ipostila ส่วนบนประกอบด้วย Casa del Catellano ซึ่งเป็นที่ตั้งของผู้บัญชาการปราสาท เหนือ Sala Ipostila ในสมัยนโปเลียนหลังปี ค.ศ. 1807 ปราสาทถูกมองว่าเป็นเรือนจำทางการเมือง เป็นไฮไลต์หลักของเส้นทางแห่งนี้

ซิงเคว เทเร่ (Cinque Terre)

Cinque Terre แปลว่า 5 แผ่นดิน หรือ แผ่นดินทั้ง 5 (Five Lands) เป็น 5 หมู่บ้านสวยติดทะเลอยู่ใน แคว้นลิกูเรีย (Liguria) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเขตจังหวัดสเปเซีย (Province La Spezia) ทั้งยังเป็นเมืองที่ได้รับการยกให้เป็น UNESCO WORLD HERITAGE ประกอบด้วยห้าหมู่บ้าน ได้แก่

1. ริโอมัจจอร์เร่ (Riomaggiore)
เป็นหมู่บ้านทางใต้สุดของซิงเคว เทเร่ โดยจะเป็นป้ายเเรกที่รถไฟมาถึง หมู่บ้านนี้ นับเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 มีเอกลักษณ์ตรงบ้านเรือนสีฉูดฉาดที่ปลูกเรียงรายอยู่บนโขดหิน สำหรับหมู่บ้านที่มีสีสันแห่งริเวียร่าของอิตาลีแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยทางรถไฟ ด้านล่างเป็นหมู่บ้านชาวประมงซึ่งคุณจะเห็นเรือประมงลำเล็กๆ ร้านอาหารรสเลิศ และหาดหินด้านข้าง ส่วนด้านบนเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม ถนนสายหลักของหมู่บ้านที่เรียกว่า Via Colombo มีร้านอาหารแบบซื้อกลับบ้านมากมายที่เสิร์ฟปลาสด บาร์ เปิดให้บริการจนถึง 01.00 น. และร้านขายของที่ระลึกเป็นหมู่บ้านที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้ดีที่สุด เมื่อพระอาทิตย์เริ่มรับขอบฟ้า ผู้คนมากมายพากันมานั่งพักผ่อนกันบนโขดหินแถบนี้

2. คอร์นีเลีย (Corniglia)
เป็นหมู่บ้านที่เล็กที่สุดในหมู่บ้านทั้งห้า และเงียบสงบที่สุดในบรรดาทั้งหมด จากสถานีรถไฟ คุณต้องเดินขึ้นบันได 382 ขั้น หรือสามารถขึ้นรถประจำทางไปยังหมู่บ้านได้ หากคุณมีบัตร Cinque Terre ขึ้นรถบัสได้ฟรี รถบัสจะพาคุณไปยังจัตุรัสขนาดใหญ่ ที่นี่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง แม้ไม่มีชายหาด ไม่มีท่าเรือ แต่สามารถชมวิวแบบพาโนรามาได้อย่างโรแมนติก อย่าลืมลองเจลาโต้ที่ Gelateria of Alberto เป็นไอศกรีมที่ดีที่สุดในซิงเคว เทเร่ ก็ว่าได้

3. เวร์นาซซา (Vernazza)
เวร์นาซซา หรือไข่มุกแห่ง ซิงเคว เทเร่ ถือเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดและยอดฮิตของนักท่องเที่ยวมากที่สุด ดังนั้นหากคุณไปในช่วงไฮซีซั่น ควรไปช่วงเช้าตรู่หรือช่วงบ่าย ศูนย์กลางของหมู่บ้านคือ Piazza Marconi คุณสามารถนั่งรับประทานอาหารเย็นในร้านอาหารแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือนั่งบนม้านั่งและชื่นชมทิวทัศน์ ของท้องทะเลได้ นอกจากนี้ยังมีหาดทรายขนาดเล็กที่คุณสามารถว่ายน้ำหรือดำน้ำบริเวณโขดหินได้ หากคุณใช้เส้นทางมุ่งสู่มอนเตรอสโซ อัล มาเร คุณจะได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของเวอนาซซา เช่นเดียวกันถ้าคุณใช้เส้นทางสู่คอร์นีเลีย จะได้ชมวิวที่ปราสาทโดเรีย (Doria Castle) ปราสาทที่สร้างขึ้นมาเพื่อไว้สังเกตการณ์เหล่าโจรสลัดที่จะเข้ามาโจมตีหมู่บ้าน ตรงนี้นับเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม นอกจากนี้ก็ยังมีโบสถ์ซานต้ามาร์การิต้า (La Chiesa di Santa Margherita d’Antiochia) ที่แทรกตัวอยู่ใกล้กับตึกหลากสี ภายในหมู่บ้านมีโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าครบครัน

4. มานาโรลา (Manarola)
หมู่บ้านชายทะเลอีกแห่งของ ซิงเคว เทเร่ มานาโรลาเป็นหมู่บ้านที่มีความเก่าแก่ที่สุดโรแมนติก มีความสวยงามไม่แพ้หมู่บ้านไหนๆ ในบรรดาหมู่บ้านทั้งห้า ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงชันบนฝั่งริเวียล่า โดดเด่นด้วยสีสันอันสดใส เมืองมานาโรลาเป็นเมืองที่มีต้นองุ่นมากที่สุดในหมู่บ้านชาวประมงทั้งห้า วิวของภูเขาด้านหลังที่เป็นไร่องุ่นสำหรับทำไวน์ พร้อมกับวิวของหมู่บ้านตรงกลาง และเรือประมงที่จอดอยู่ในอ่าวเป็นภาพที่เรียกได้ว่าดังที่สุด แนะนำ ไวน์ซิอัคเชตรา (Sciacchetrà) เป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงมานาน

5. มอนเตรอสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare)
หมู่บ้านชาวประมงที่ใหญ่และกว้างที่สุด มีหาดทรายกว้าง ยาว และดินทางง่ายที่สุด หากคุณกำลังเดินทางกับเด็กและผู้สูงอายุ นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณ มอนเตรอสโซยังมีหาดทรายขนาดใหญ่พร้อมร่มและเตียงอาบแดดเหมาะสำหรับคนที่ชอบมานั่งชิลๆ อาบแดด ว่ายน้ำหรือจะเดินเล่นไปตามซอยของหมู่บ้าน ร้านอาหาร ร้านขายของฝากของที่ระลึกเยอะแยะมาก ที่สำคัญห้ามพลาดเลยก็คือ วิหารนักบุญจอห์นเดอะแบ็พทิสต์ (Chiesa di San Giovanni Battista) วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13-14 เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรกทำจากหินอ่อนสลับสีขาวดำ เป็นลายขวางพาดตัววิหารทั้งด้านนอกและด้านใน สวยและคุ้มค่าสำหรับการมาเยือน

เมืองซานตา มาร์เกริตา (Santa Margherita Ligure)

ซานตา มาร์เกริตาอยู่ในจังหวัดเจนัว (Genoa) เดิมเรียกกันว่า Tigullio จากหมู่บ้านชาวประมงธรรมดาๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ขุนนางจากทั่วยุโรปนักท่องเที่ยวที่ร่ำรวย เปลี่ยนมันเป็นเมืองชายฝั่งที่สวยงามตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 1800 มีบ้านสีพาสเทล เรียงราย น้ำทะเลสีฟ้าคราม โรงแรมและร้านอาหารหรูหรา หาดทราย และท่าจอดเรือที่สวยงามพร้อมเรือยอทช์

มีอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจสองสามแห่งที่นี่ รวมทั้งปราสาทขนาดเล็กสร้างขึ้นริมน้ำในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 นอกจากนี้ คุณยังจะสังเกตเห็นปราสาทที่มีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมชื่อว่า Castle Paraggi ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 17 แม้ว่าปัจจุบันนี้จะเป็นบ้านส่วนตัวและได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงด้วยหน้าต่างและ ระเบียงใหม่

พอตโตฟิโน่ (Portofino)

เป็นเมืองชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่แสนสวยงาม อยู่ในเขตจังหวัดเจนัวทางตะวันตกของอิตาลี เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ตอนนี้กลายเป็นหมู่บ้านที่หรูหรามาก มีบ้านสีสันสดใส ถูกล้อมรอบด้วยท่าเรือเล็กๆ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น สวรรค์แห่งเมืองท่า เพราะจะเห็นเรือยอร์ช (Yacht)หลายลำจอดอยู่ท่ามกลางน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับสีสันสดใสของตัวอาคารที่รายล้อมอยู่เป็นภาพอันสวยงามโดดเด่นของเมืองนี้

หมู่บ้านที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก สามารถเดินทัวร์รอบหมู่บ้านได้ โดยภายในตัวเมืองโดยรอบ ประกอบด้วยอาคารบ้านเรือนสีสันสดใสที่ตกแต่งด้วยดอกไม้น่ารักดูโรแมนติกตามแบบฉบับของอิตาลี มีร้านขายสินค้าน่ารักๆ และร้านจำหน่ายโปสการ์ดราคาถูกกระจายอยู่รอบๆ เมือง มีภาพวาดและผลงานศิลปะวางจำหน่าย มีรีสอร์ตหรู โรงแรมราคาแพง ร้านอาหารชั้นเลิศ และร้านบูติกที่มีแบรนด์อย่าง Gucci, Dior และอีกมากมาย ศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกอย่าง Avril Lavigne, Kylie Minogue หรือดาราดังในอดีตอย่าง Elizabeth Taylor, Richard Burton นิยมมาพักผ่อนเป็นประจำ

สถานที่ท่องเที่ยวเช่น โบสถ์เซนต์จอร์จ Church of San Giorgio โบสถ์ประจำเมืองปอร์โตฟิโน่ โบสถ์เซนต์มาร์ติน (St.Martin) ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยตัวโบสถ์นั้นมีขนาดที่ไม่ใหญ่โต แต่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก หรือไปชมปราสาท Castle Brown เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 10.00 – 19.00 น. มีค่าตั๋วเข้าชม 5 ยูโร เป็นปราสาทขนาดใหญ่ตั้งโดดเด่น สวยงามที่บริเวณทางเข้าตกแต่งด้วยสวนดอกไม้สีสันสดใสสวยงาม น่ารัก

เจนัว (Genoa)

หัวใจของริเวียร่าคือ เมืองเจนัวหรือในภาษาอิตาลีเรียกว่า เจโนวา เมืองหลวงของจังหวัดเจนัวในแคว้นลิกูเรีย เป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ท่าจอดเรือ 25 แห่ง และมีเส้นทางการขนส่งที่สะดวก รวดเร็ว เชื่อมต่อไปยังประเทศในแถบตอนกลางของยุโรป ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย ฝรั่งเศส และสโลวีเนีย ที่นี่มีความสำคัญมาตั้งเเต่ยุคโบราณ โดยเมืองนี้อดีตนั้นก็เรียกกันว่า Superba ซึ่งมาจากความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของเมือง ที่นี่เป็นบ้านเกิดของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือระดับโลกที่สามารถค้นพบทวีปอเมริกาได้สำเร็จ

เมืองท่าประวัติศาสตร์อย่างเจนัวเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเสน่ห์ของอิตาลี นักท่องเที่ยวต่างหลงรักในสถาปัตยกรรม อาหาร และชุมชน ในขณะที่บางส่วนของเมืองยังคงเป็นอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก แต่ในย่านเมืองเก่า ก็ยังมีสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์และบาโรกมากมาย รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์มากมายเพื่อให้ผู้มาเยือนได้เยี่ยมชม ร้านอาหารมากมายที่มีความเก่าเเก่เเละมีเมนูอาหารรสเลิศมากมาย โดยเฉพาะอาหารทะเลสดๆ รสชาติอร่อย เเละมีเมนูที่ขึ้นชื่อมากอย่าง Pesto

เมื่อถึงเจนัวแล้ว สถานที่ที่ไม่ควรพลาด ไปเที่ยวชมก็คือ จัตุรัสใจกลางเมือง (Piazza de Ferrari) ถนนสายศิลปะ (Via Garibaldi Palaces) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Acquario di Genova) วิหารซานลอเรนโซ (San Lorenzo) เป็นต้น

ซานเรโม (San Remo หรือ Sanremo)

เป็นเมืองบนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตะวันตกของแคว้นลีกูเรีย ทางทิศเหนือ-ตะวันตกของประเทศอิตาลี เมืองนี้ก่อตั้งในยุคโรมัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จประพาสซานเรโม และประทับอยู่เป็นเวลาถึง 15 วัน พระองค์ทรงเปรียบเปรยสภาพบ้านเมืองและความเป็นอยู่ (ในขณะนั้น) ว่าคล้ายเคียงกับเกาะสีชังของไทย

ปัจจุบันเป็นเมืองตากอากาศแห่งนี้ที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว มีสภาพอากาศที่อบอุ่น มีการจัดเทศกาลวัฒนธรรม อาทิ เทศกาลดนตรีซันเรโม การประกวดเพลงที่จัดขึ้นทุกปีในเมืองนี้ตั้งแต่ปี 1951 เป็นหนึ่งในงานที่ใหญ่ที่สุดในวัฒนธรรมสมัยนิยมของอิตาลี เป็นสถานที่จัดประชุมนานาชาติเมื่อ ค.ศ. 1920 ของผู้แทนประเทศต่างๆ ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดดเด่นด้วยวิลล่าและโรงแรมที่สวยงาม สวนและทางเดินที่สวยงาม และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนที่ชื่นชอบคาสิโน

นอกเหนือจากคาสิโนแล้ว Madonna della Costa Sanctuary น่าจะเป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองและมีการตกแต่งภายใน ภายนอก และทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตา มีตลาดดอกไม้ที่สำคัญที่สุดในอิตาลี และส่งออกดอกไม้ไปยังทวีปยุโรป หรือจะเดินทางเล่นบริเวณ Porto Vecchio ซึ่งเป็นท่าเรือเก่า (ปัจจุบันมีท่าเรือที่ใหญ่กว่าด้วย ท่าเรือที่ทันสมัยกว่าในซานเรโม) ท่าเรือเก่านี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก และสามารถหาร้านอาหารได้บริเวณท่าเรือ ส่วนถนนสายหลักในใจกลางเมือง เช่น Corso degli Inglesi เพื่อชมวิลลาขนาดใหญ่และสวนโดยรอบ ซึ่งหลายหลังยังคงรักษาไว้อย่างสวยงาม

เวนติมิเกลีย (Ventimiglia)

อยู่ชายขอบของอิตาลีเป็นเมืองตากอากาศในจังหวัดอิมเปเรีย (Imperia) แคว้นลิกูเรีย (Liguria) ทางตอนเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่ห่างจากเจนัวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 130 กม. (81 ไมล์) และห่างจากชายแดนฝรั่งเศส-อิตาลี 7 กม. (4.3 ไมล์) บนอ่าวเจนัว มีท่าเรือเล็กๆ ที่ปากแม่น้ำ Roia เมืองนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนโดยมีแม่น้ำ Roia ไหลผ่านตรงกลาง

ทุกวันศุกร์ตลอดทั้งปี ชาวฝรั่งเศสเองและบรรดานักท่องเที่ยวจากต่างแดน จะไปที่ตลาดริมถนนยอดนิยมริมทะเล ตลาดผักและผลไม้ในร่มก็มีชื่อเสียง แต่สำหรับนักช้อปแม้จะไม่พบร้านค้าแบรนด์ที่มีชื่อเสียงแต่ที่นี่ก็มีร้านค้าท้องถิ่น ตั้งแต่ร้านบูติกไปจนถึงร้านขนม เมืองนี้เป็นที่รู้จักจากเทศกาล Battaglia di Fiori ประจำปี ซึ่งเฉลิมฉลองดอกไม้ในท้องถิ่น เป็นเทศกาลแห่งสีสัน

อิตาลีถือว่าเป็นประเทศที่มีอากาศโดยรวมค่อนข้างอบอุ่น แจ่มใส ส่วนมากมักจะมีแดด แต่จริงๆ แล้วก็มีสภาพอากาศที่หลากหลายเหมือนกับประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป ช่วงเดือนมิถุนายน ถึงกันยายน เป็นช่วงฤดูร้อนถือได้ว่าเป็นช่วงคึกคักของแถบยุโรป ดังนั้นให้เตรียมตัวให้พร้อมกับความคับคั่งของนักท่องเที่ยวได้เลย

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0