Daegu – The Romantic Town (แดกู – เมืองแห่งความโรแมนติก)
Story & Photo by Orawan
เมืองแดกู ประเทศเกาหลี อาจจะเป็นชื่อเมืองที่ไม่คุ้นหูเท่ากับเมืองโซล หรือปูซาน แต่ถ้าจะบอกว่าเมืองแดกูแห่งนี้เป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุง
เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ มีสาวสวยระดับนางงามเกาหลี เป็นแหล่งรวมเหล่าผู้มีความรู้และนักปราชญ์ตั้งแต่สมัยโบราณ ที่สำคัญสำหรับคอละครเกาหลีแล้วล่ะก็
แดกูคือ ศูนย์รวมสถานที่ถ่ายทำละครดังๆ หลายเรื่องจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สุดแสนจะโรแมนติกของเกาหลีเลยทีเดียว
เช้าวันแรกของการทำงานฉันโบกมือลากรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรผ่านหน้าต่างของสายการบินทีเวย์ สายการบินสัญชาติเกาหลีที่ราคาแสนจะย่อมเยาด้วยการบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เมืองแดกู ที่ทางสายการบิน ทีเวย์ได้เริ่มเปิดเที่ยวบินประจำ บินตรง ระหว่างสุวรรณภูมิสู่เมืองแดกู ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 กับจำนวนที่นั่งที่มีทั้ง 186 และ 189 ที่นั่ง
มีบริการสั่งอาหารล่วงหน้า และที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมขนกระเป๋าที่ต้องชำระเพิ่มเหมือนสายการบินต้นทุนต่ำอื่นๆ เพราะราคาของตั๋วโดยสารของสายการบินทีเวย์นั้นรวมค่าขนกระเป๋าไว้แล้ว เราสามารถโหลดกระเป๋าได้ฟรี 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 20 กก. และถือขึ้นเครื่องได้ฟรีอีก 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 10 กก. ด้วยเวลาเดินทางแสนสบาย แบบหลับหนึ่งตื่น ไปถึงแดกูช่วงเช้า และกลับกลางคืน ได้เที่ยวแบบเต็มๆ สบายๆ
ทอดสายตาไปสุดขอบฟ้า
ด้วยการแนะนำของการท่องเที่ยวเมืองแดกู เราเริ่มต้นชมเมืองแดกูจากวิวมุมสูงแบบพานอรามากันที่แรกที่ อุทยานแห่งชาติพัลกงซาน (Palgongsan Natural Park) ที่ตั้งของภูเขาพัลกงซานภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีลักษณะคล้ายกับรูปร่างของพระพุทธรูปสามองค์เป็นหนึ่งในสถานที่มีชื่อเสียงของเมืองแดกู
เราสามารถขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาได้ง่ายๆ ผ่านการนั่งเคเบิลคาร์ระยะทางประมาณ1.2 กิโลเมตร ด้านบนคุณจะเห็นยอดเขาสลับซับซ้อนหลายลูกที่เกิดจากการก่อตัวของหินแกรนิต รวมตัวกับพรรณไม้นานาชนิดกลายเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
ไม่ไกลกันนั้นมีวัดแห่งหนึ่งชื่อ วัดดองฮวาซา (Donghwasa Temple) เป็นวัดที่ได้รับการอนุรักษ์มาตั้งแต่โบราณ
เราจะเห็นภาพวาดบนผนัง ภาพแกะสลัก พระพุทธบนก้อนหิน และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ถ้าคุณชอบมุมที่เห็นตัวเมืองหรือที่เรียกว่า cityview แล้วละก็แนะนำให้ไปที่หอคอยอัปซาน (Apsan Observatory)
การเดินทางขึ้นด้านบนก็สามารถ นั่งเคเบิลคาร์ไปได้เช่นกัน ผ่านทิวเขาสีสดใสขึ้นไปด้านบนของภูเขาอัปซาน
และเดินไปเพียง 200 เมตรวิวเมืองแดกูแบบเกือบ 360 องศาก็จะปรากฏอยู่ตรงหน้าของคุณ
แต่หากไม่ต้องการเดินป่าและอยากเพลิดเพลินไปกับความสนุกสนานระหว่างเดินทาง
ฉันแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวเมืองในมุมสูงแบบ 360 องศาที่อาคาร 83 (83 tower)
ภายในพื้นที่ของสวนสนุกอีเวิลด์ (E-World) ที่ที่จะทำให้คุณรู้สึกกลับเป็นเด็กอีกครั้งกับเครื่องเล่นนานาชนิด ที่สำคัญเดินทางไม่ไกลเพราะอยู่ในตัวเมืองแดกูเลย
ศิลปะ ประวัติศาสตร์และความเป็นอยู่
เสียงของเด็กนักเรียนที่สดชื่นเดินไปมาทั่วบริเวณของหมู่บ้านมาบิจอง (Mabijeong Mural village)
หมู่บ้านแบบเกาหลีดั้งเดิมที่ทางรัฐบาลได้มีการปรับปรุงโดยการระบายสีกำแพงให้เป็นสีเหลืองสดใส
บอกเล่าเรื่องราวชีวิตชนบทเกาหลีผ่านรูปภาพ ความสนุกของหมู่บ้านแห่งนี้นอกจากการชื่นชมงานศิลปะทั่วทั้งหมู่บ้านแล้ว
คุณยังสามารถทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเดินชม อีกด้วย
แต่ผู้ใหญ่อย่างพี่ๆ ร่วมเดินทางของฉันอาจจะประทับใจที่นี่น้อยกว่าที่หมู่บ้านอซกล (Otgol hanok village) หมู่บ้านของตระกูลเก่าแก่ที่ชื่อ ตระกูลชอยหรือชเว (Choi) ไปสัก 0.001%
สัมผัสได้จากเสียงแสดงถึงความดีใจและรอยยิ้มแห่งความยินดีเผยขึ้นขณะที่ยื่นมือไปรับลูกพลับจากคุณยายเจ้าของบ้านแห่งหนึ่งของหมู่บ้านอซกลนั่นเอง
ความมีน้ำใจของผู้คนหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปีแห่งนี้ สัมผัสได้ตั้งแต่แรกที่เดินเข้าหมู่บ้าน
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่หลายคนเลือกที่จะมาสัมผัสประสบการณ์ที่สำนักงานการเรียนรู้สมัยโบราณตลอดจนมาเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของที่นี่
ในขณะที่ภาพของหมู่บ้านอินฮึง (Inheung village) หมู่บ้านที่สืบเชื้อสายต่อกันมาของตระกูลมุน (Mun) ที่เก่าแก่มากว่า 500 ปี โดดเด่นในเรื่องของการอนุรักษ์แบบบ้านสมัยดั้งเดิมของเกาหลีเอาไว้นั้นดูเงียบสงบและเคร่งขรึม
ไม่ต่างจากคุณลุงเจ้าของบ้านจากหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามหลังที่เปิดให้เข้าชม อย่างไรก็ดีฉันเชื่อว่าภายใต้ความนิ่งเงียบนั่นมีความใจดีซ่อนอยู่เป็นแน่แท้ ไม่งั้นคุณลุงคงไม่ยอมเปิดบ้านที่เป็นสถานที่ส่วนตัวให้ผู้คนได้เดินขวักไขว่ไปมาเยี่ยมชมหรอก จริงไหม?
เส้นทางแห่งความโรแมนติก
ในชีวิตของฉันได้เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยมาก็หลายแห่ง แต่ละแห่งก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป แต่ถ้าจะยกความประทับใจให้กับความสวยงามตั้งแต่แรกพบ ฉันขอยกตำแหน่งนี้ให้กับมหาวิทยาลัยแคมยอง (Keimyung University Campus)
ยิ่งในวันที่ฉันเดินทางไป ต้นแปะก๊วยกำลังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสะพรั่งเต็มต้นแซมด้วยใบไม้สีแดง น้ำตาลที่กำลังเปลี่ยนสีทั่วทั้งมหาวิทยาลัยไปหมด
แถมไม่พอตามอาคารเรียนแบบยุโรปของที่นี่ก็เต็มไปด้วยเถาของใบเมเปิ้ลสีแดงเข้ากับสีของตึก
อารมณ์ฟินแบบที่วัยรุ่นชอบพูดกันวิ่งรี่เข้ามาในใจฉันทีเดียว
แต่ที่สุดแสนโรแมนติกสุดคงหนีไม่พ้นบริเวณถนนคิมควางซอก (Kimgwangseok Street)
ถนนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักร้องที่ชื่อ คิมควางซอก
ที่นี่เมื่อคุณได้มาเดินชมภาพศิลปะบนกำแพงไป
โดยมีเสียงเพลงเบาๆ ของนักร้องคิมควางซอกบรรเลงไปตลอดเส้นทางแล้วละก็ระดับความโรแมนติกจะพุ่งพรวดขึ้นมาอีกเท่าตัว
เช่นเดียวกับที่บริเวณทะเลสาบซูซอง (Suseong lake)
แม้ทะเลสาบแห่งนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่การรังสรรค์สิ่งต่างๆ โดยรอบ
ทำให้ธรรมชาติเติบโตขึ้นมาควบคู่กันอย่างลงตัว
ภาพนกที่บินไปมา เสียงใบไม้ไหว และภาพผู้คนที่เดินจูงมือกันมาเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติ
ฉันเข้าใจในวินาทีนั้นทันทีว่าทำไมแดกูถึงได้ชื่อว่า เป็นเมืองแห่งความโรแมนติก
สุขภาพและความงาม
ความเหน็ดเหนื่อยของฉันมลายหายไปยามที่ได้แช่เท้าลงในน้ำสมุนไพรนานาชนิดที่พิพิธภัณฑ์สมุนไพรยักรยองซี (Yangnyeongsi Museum)
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สมุนไพรที่มีการจัดนิทรรศการตำรายา พร้อมทั้งจำหน่ายและให้บริการเรื่องเกี่ยวกับยาสมุนไพรมากมาย
ในบริเวณเดียวกันนั้นก็ยังมีร้านขายเครื่องยาและร้านอาหารที่ใช้ยาสมุนไพรเป็นเครื่องปรุงอยู่หลายร้าน คุณสามารถกินไก่ตุ๋นโสมสุดแสนอร่อยก่อนจะไปช้อปปิ้งเลือกซื้อของต่อที่ถนนดงซอง (Dongseong-Ro)
ถนนสายแฟชั่นที่มีสินค้าหลากหลาย
หรือจะไปทั้งช้อปและกินที่ตลาดซอมุน (Seomun Market) ที่นี่มีทุกสรรพสิ่งให้คุณเลือกสรร
สามารถจับจ่ายได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะปิดท้ายมื้อค่ำกับร้านค้าของตลาดกลางคืนที่นี่เรียกได้ว่าถ้าคุณมาแดกูคุณสามารถมีความสุขไปกับทุกรูปแบบการพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ
การจับจ่ายใช้สอยรับประทานอาหาร หรือแม้แต่การตามรอยสถานที่โรแมนติกของละคร ทุกสิ่งมีให้คุณที่เมืองแดกูแห่งนี้
ขอขอบคุณ
– อาหารขึ้นชื่อที่ต้องลองคือ ไส้ย่างหรือที่เกาหลีเรียกว่า มักชางกูอี
– แดกูอยู่ห่างจากโซลประมาณ 2 ชั่วโมงโดยรถไฟฟ้า KTX และห่างจากปูซานประมาณ 50 นาทีโดยรถไฟฟ้า KTX เช่นกัน แต่ปัจจุบันคุณสามารถเดินทางตรงมาเที่ยวเมืองแดกูโดยสายการบินทีเวย์ (T’ Way) ที่เปิดบริการบินตรงกรุงเทพฯ – แดกู ทุกวัน