BOSTON THE CITY OF COOL THINGS

จากการโหวตของ QS Best Student Cities ปี 2017 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องของเมืองที่ได้รับการโหวตว่าน่าเรียนที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) เมืองที่นักเรียนหลากหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยเลือกไปเรียนมากที่สุดในโลก ก็คือ เมืองบอสตัน (Boston) เมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) นั่นเอง

ด้วยเป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยเก่าแก่และมีชื่อเสียงมากมาย เริ่มตั้งแต่มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาอย่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology-MIT) มหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) ว่ากันว่าในพื้นที่เพียง 124 ตารางกิโลเมตรของบอสตัน

เป็นที่ตั้งของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมากกว่า 100 แห่ง สำหรับนักเรียนนักศึกษาเองบอสตันน่าจะเป็นจุดหมายปลายทางที่หอมหวานทีเดียว แต่สำหรับนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางอย่างผม กลิ่นอายของศิลปะและวัฒนธรรมแบบยุโรปเก่าก็ยั่วยวนให้เดินทางไปชมไม่แพ้กัน บอสตันเป็นเมืองที่เที่ยวง่ายเพราะมีป้าย และสัญลักษณ์การเดินเยี่ยมชมเมือง

สถานที่แรกที่หลายคนมุ่งหน้ามาถ้ามาบอสตันคือ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard
University)
สถานที่ที่ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพหลายคน อย่างเช่น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเจ้าของ Facebook ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอย่าง บารัก โอบามา บิล เกตส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ หรือคนไทยที่เราพอจะรู้จักอย่างเช่น หนูดี วนิษา เรซ หรือ ณัฐ ศักดาทร เป็นต้น การเดินทางโดยรถไฟที่บอสตันง่ายมาก

อย่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สามารถนั่งรถไฟสายสีแดง ลงที่สถานีปลายทาง ALEWIFE ออกมาก็เจอลานจัตุรัสหน้ามหาวิทยาลัย (Harvard Square) เลย ภายในมหาวิทยาลัยร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนมักมุ่งไปคือบริเวณ อนุสาวรีย์จอห์น ฮาร์วาร์ด (John Harvard) ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าคุณจอห์นเป็นคนก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ คุณจอห์นเป็นผู้ที่บริจาคเงินเป็นจำนวนมากให้กับสถาบันต่างหาก

นักท่องเที่ยวต่างมุ่งมาที่อนุสาวรีย์นี้ ก็เพื่อจะยืนรอคิวถ่ายรูปและลูบเท้าด้านซ้ายของคุณจอห์น เพราะเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบแล้วจะทำให้มีโอกาสได้มาร่ำเรียนที่นี่ สำหรับผมก็ได้ยินเรื่องเล่าคู่กันมาว่า ตามธรรมเนียมเด็กเกรียนของฮาร์วาร์ด เท้าของคุณจอห์นนี่แหละเป็นจุดที่เหล่าเด็กเกรียนๆ จะหาทางมาปัสสาวะรด ผมคนหนึ่งไม่ใคร่รักการเรียนมากนักประกอบกับไม่อยากไปสัมผัสเท้าที่ (อาจจะ) เปื้อนปัสสาวะ เลยได้แต่มองอยู่ห่างๆ แต่ที่ดึงความสนใจของผมได้มากกว่า ก็คงเป็นห้องสมุด Harry Elkins Widener Memorial Library ที่อยู่ใกล้ๆ มากกว่าและอีกจุดที่น่าสนใจคือ ห้องอาหารชื่อ Annenberg Hall ของนักศึกษาปีที่ 1 ที่อยู่บริเวณอาคาร Memorial Hall อาคารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นักศึกษาที่เสียชีวิตในช่วง civil war หน้าตาของโรงอาหารแห่งนี้เป็นต้นแบบของห้องอาหารในภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่นเอง สีของไม้โอ๊กที่เข้มขรึม ตัดกับแสงระยิบของโคมไฟระย้า ดูแปลกตามาก

เอาใจคนรักมหาวิทยาลัยอีกสักแห่ง สำหรับตัวผมเองแอบมีใจโอนเอนไปชอบที่ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology-MIT) มากกว่าด้วย เพราะทำเลที่ติดกับแม่น้ำชาร์ลส์ (Charles River) ประการหนึ่ง ลมพัดเย็นสบายทีเดียว อีกอย่างจะเห็นศิลปะตั้งอยู่ทั่วทั้งสถาบันเลย แค่มาเดินชมศิลปะต่างๆ ก็คุ้มละ มุมฮิต มุมโปรดของเหล่านักท่องเที่ยวคงหนีไม่พ้นอาคารหลักสีขาว (Main Building) ที่หันหน้าเข้าหาแม่น้ำ เพราะนอกจากจะเป็นที่โปรดปรานของช่างภาพทั้งหลายแล้ว ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายๆ เรื่องอีกด้วย

ไหนๆ ก็พูดถึงแม่น้ำชาร์ลส์กันแล้ว ก็เที่ยวบริเวณแม่น้ำชาร์ลส์กันต่อเลย ไฮไลต์หลักคือบริเวณ แบ็ก เบย์ (Back Bay) ชุมชนที่แสนน่าอยู่ที่สุดของบอสตัน ความพิเศษของชุมชนนี้ คือ การวางผังเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อยคล้ายของฝรั่งเศส ชื่อถนนและจุดตัดเรียงอักษร เข้าใจง่าย

อาคารต่างๆ เป็นอาคารโบราณประวัติศาสตร์จากศตวรรษที่ 19 ที่บางหลังยังคงรูปแบบ ฝรั่งเศสอยู่ สำหรับคนที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งผมว่าเหมาะเป็นที่สุด สองข้างทางบริเวณถนนนิวบูรี่ (Newbury Street) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอ่าวแบ็กเต็มไปด้วยอาคารร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกกว่าร้อยร้าน ไม่ว่าจะช้อปปิ้งด้วยเงินตรา หรือช้อปปิ้ง ด้วยสายตาอย่างผมก็สนุก ถนนสายนี้ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในถนนที่แพงที่สุดในโลกอีกด้วย

จตุรัสสีเขียวขจีไม่ไกลจากอ่าวแบ็กมากนัก สถานที่ที่เป็นที่พักผ่อนของผู้คนในบอสตันแห่งนี้เรียกว่า จัตุรัสคอพลีย์ (Copley Square) บริเวณโดยรอบถือได้ว่าเป็นแหล่งขุมทรัพย์ทางสถาปัตยกรรมก็ว่าได้ บางชิ้นมีอายุมากกว่าหนึ่งศตวรรษ และเป็นแหล่งพักผ่อนฟอกปอด คลายความเครียดของเหล่าพนักงานออฟฟิศและคนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ

จึงไม่แปลกใจนักว่าหากมาในช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่น เราจะเห็นผู้คนออกมาปิกนิก นั่งเล่นและพูดคุยกันทั่วบริเวณจัตุรัสไปหมด ถ้าหากมาช่วงเย็นรอบๆ จัตุรัสแห่งนี้ก็จะมีการเปิดร้านค้าที่เน้นการขายผักผลไม้ออร์แกนิก ส่งตรงมาจากชาวไร่ชาวสวนจริงๆ

นอกจากนี้ยังได้เพลิดเพลินไปกับการแสดงเปิดหมวกมากมาย สำหรับบริเวณโดยรอบจัตุรัสแห่งนี้จะมีสถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์ทรินิตี้ (Trinity Church) เป็นโบสถ์ที่มีความเก่าแก่ และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของเมืองบอสตัน โดยโบสถ์ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1872-1877 ทางโบสถ์เปิดให้เข้าชมด้านใน เสียค่าบริการเข้าชมเล็กน้อย แม้จะสร้างมากว่า 100 ปี แต่โบสถ์ก็ยังสวยงามมาก

ส่วนด้านตรงข้ามอีกด้านเป็นสถานที่ตั้งของห้องสมุดสาธารณะบอสตัน (Boston Public Library) ห้องสมุดประชาชนประจำเมืองบอสตัน ห้องสมุดแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคของประชาชนชาวบอสตัน นอกจากจะเป็นห้องสมุดให้ยืมหนังสือฟรีแห่งแรกในอเมริกาแล้วจิตรกรรมฝาผนังที่นี่ก็สวยงามมาก คนที่ชื่นชอบการอ่านอย่างผมสามารถอยู่ที่นี่ได้เป็นวันๆเลยทีเดียว

อีกจุดที่คุณสามารถอยู่ได้แบบลืมวันเลย คือ สวนสาธารณะบอสตัน (Boston Public Garden หรือ Boston Common) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบอสตัน เป็นสวนสาธารณะที่เก่าที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา

นอกจากเป็นสถานที่จัดงานรื่นเริงและเทศกาลต่างๆ ของเมืองแล้วยังเป็นจุดเริ่มต้นของ เส้นทางเดินแห่งอิสรภาพ (Freedom Trail) และเป็นเส้นชัยของการแข่งขัน Boston Marathon ที่ขึ้นชื่อ โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันรักชาติ ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่สามของเดือนเมษายน เส้นทางเดินแห่งอิสรภาพนี้จะพาเราเดินทางไปตามเส้นทางอิฐสีแดงที่อยู่บนถนนหรือฟุตปาทภายในเมืองบอสตัน เพื่อไปเยี่ยมชมจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร

ถ้าค่อยๆ เดินไป แวะนั่นนิดนี่หน่อย ใช้เวลาประมาณ 1 วัน แต่ถ้าเข้าชมแบบเจาะลึก 2 วันน่าจะได้ ควรเลือกวันที่แดดไม่ร้อนมากนักก็จะดี เริ่มต้นเดินทางกันที่บริเวณสวนสาธารณะบอสตันนี่แหละ บริเวณ Visitor Information Center แนะนำว่าซื้อแผนที่สักหน่อย เพื่อจะได้ข้อมูลสถานที่ ทำให้เข้าใจเรื่องราวได้มากขึ้น สถานที่หลักๆ อย่างเช่น สวนสาธารณะแห่งนี้

อาคารรัฐสภาของรัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts State House) อาคารที่เห็นสัญลักษณ์โดดเด่นด้วยโดมสีทองสะดุดตา ตั้งตระหง่านอยู่บน Beacon Hill มองลงไปสวนสาธารณะบอสตันด้านล่าง

เป็นสัญลักษณ์ถึงความยึดมั่นอย่างแน่วแน่ของรัฐที่มีต่ออิสรภาพและประชาธิปไตย โบสถ์โอลด์เซาท์ (Old South Church) หรือโบสถ์นิวโอลด์เซาท์ (New Old South Church) โบสถเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1874 ถูกสร้างขึ้นในสไตล์ฟื้นฟูกอทิก ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Charles Amos Cummings และ Willard T. Sears เป็นหนึ่งในชุมชนทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกาอีกหนึ่งแห่ง USS Constitution

เรือรบที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังลอยลำอยู่ เรือเหล็กลำนี้โด่งดังในช่วงสงครามปี 1812 ในการรบกับเรือรบอังกฤษ เคยโดนยิงใส่แต่เนื่องจากเรือนี้ทำจากเหล็กจึงไม่เสียหายอะไรมากนัก นอกจากนี้ยังมีผ่านจุดที่เป็นสุสานอย่างเช่น Granary Burying Ground เป็นสุสานฝังศพที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของบอสตันกลางวันมายังไม่รู้สึกอะไร นอกจากแดดที่แรง แต่ถ้าจะให้แวะมากลางคืนอันนี้ไม่แน่ใจว่า จะตอบรับไหม หรือ Copp’s Hill Burying Ground สุสานที่อยู่ในตำแหน่งที่สวยงามเป็นสุสานของเหล่าคนร่ำรวยของบอสตัน สุสาน ตั้งชื่อตามช่างทำรองเท้า William Copp

หากคุณได้เดินทางมาบอสตัน คุณจะรู้ว่าอันที่จริงบอสตันไม่ได้มีดีแค่มหาวิทยาลัยดังๆ ที่หลายคนรู้จัก เมืองบอสตันยังมีวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ และอะไรอีกหลายอย่างให้คุณค้นหา

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0