Beautiful Temple (part 2)

ในฐานะประเทศไทยเป็นประเทศที่นับถือศาสนาพุทธจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่มีวัดมากกว่า 40,000 แห่งกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย บางวัดเป็นวัดเก่าแก่โบราณตั้งแต่สมัยอยุธยาและสุโขทัย มีอายุมากกว่า 100 ปี บางวัดเพิ่งสร้างใหม่แต่ก็มีความสวยงามที่นอกจากดึงดูดผู้มีจิตศรัทธาไปเยี่ยมเยือนทำบุญบูชา อธิษฐานแล้ว บางวัดยังเป็นที่สนใจและกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สนใจในศาสนาพุทธอีกด้วย

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าวัดมีเยอะมาก เราคงไม่สามารถที่จะนำเสนอดสวยงามทั้งหมดได้ในคราเดียว ครั้งนี้จึงได้รวบรวมวัดที่ได้รับความนิยมและสวยงามเป็นที่รู้จักมาให้ก่อนสัก 10 วัดส่วนจะมีที่ไหนบ้างนั้นตามกันมาเลย

Beautiful Temple part 1 ดูที่นี่ http://www.vacationistmag.com/beautiful-temple1/

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เพชรบูรณ์

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ในนาม “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัด ในมงคลนามว่า “วัดพระธาตุผาแก้ว” เมื่อ พ.ศ. 2553 ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น“วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” เมื่อ พ.ศ. 2556 เพื่อให้สอดคล้องกับบริเวณที่ตั้ง ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านเรียกกันว่า “ผาซ่อนแก้ว” อันมาจากคำบอกเลา่ของชาวบ้านซึ่งมองเห็นลูกแก้วลอยลงมาจากฟ้าก่อนลับหายไป

ภายในวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว แบ่งเป็นส่วนต่างๆ และเชื่อมโยงกันไป 2 จุดหลักที่น่าสนใจได้แก่ อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้วมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ หรืออุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เป็นงานพุทธสถาปัตย์พระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาวเด่น สร้างเป็นรูปพระพุทธรูป 5 พระองค์ซ้อนไล่เรียงจากองค์เล็กขึ้นไปสู่องค์ใหญ่มีความกว้าง 41 เมตร ยาว 72 เมตร และสูง 45 เมตร ตั้งเด่นเป็นสง่าสามารถมองเห็นได้แต่ไกล

ด้านในเป็นอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปสามารถเข้าไปกราบไหว้และทำบุญขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกฝั่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต สร้างอย่างยิ่งใหญ่สวยงามด้วยรูปทรงดอกบัวซ้อน 7 ชั้น โดยมีการนำเครื่องถ้วยเบญจรงค์ อัญมณี แก้วแหวนเงินทอง มาประดับตกแต่งอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น เสา ผนัง เพดาน หรือแม้กระทั่งพื้นทางเดินก็ยังมีการตกแต่งเป็นลวดลายอย่างสวยงาม

ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านอกจากนี้ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆ อาทิ พระพุทธเลิศรัตนโชติมณี (พระหยกเขียว) พระพุทธรัตนสัมฤทธิผล (พระหยกขาว) และพระสีวลีที่ลานพระสีวลีให้สักการบูชา ด้านนอกองค์เจดีย์มีเส้นทางเดินสู่ชั้นบน ที่ถือเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ชั้นเยี่ยมของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว สามารถมองเห็นมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และซุ้มองค์พระต่างๆ ได้อย่างสวยงาม

วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง ร้อยเอ็ด

วัดประชาคมวนาราม หรือที่เรียกกันว่า วัดป่ากุง อยู่ในอำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ ที่ทำจากหินทรายธรรมชาติแห่งแรกในประเทศไทย โดยจำลองแบบมาจาก บุโรพุทโธ ของประเทศอินโดนีเซีย สร้างโดยพระเดชพระคุณหลวงปู่ศรี มหาวีโร พระเกจิอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานชื่อดังแห่งภาคอีสาน ยอดเจดีย์ทองคำแท้หนัก 101 บาทขึ้นประดิษฐาน

ภายในพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอยู่จุดศูนย์กลางของเจดีย์มหาเจดีย์หินทราย มีทั้งหมด 7 ชั้น
ชั้นที่ 1 แกะสลักหินทรายเหลืองนูนตำเล่าเรื่องราวพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทานบารมี
ชั้นที่ 2-3 เป็นภาพแกะสลักหินทรายเหลืองนูนต่ำ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติพระพุทธเจ้า
ชั้นที่ 4 ภาพแกะสลักหินทรายเหลืองนูนต่ำรูปชัยมงคลคาถา
ชั้นที่ 5 ผนังทรงกลมฐานรององค์เจดีย์ เป็นภาพสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน
ชั้นที่ 6 เป็นองค์เจดีย์ราย 8 องค์ และองค์เจดีย์ประธาน 1 องค์
ชั้นที่ 7 ยอดเจดีย์ทองคำประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่นำมาจากประเทศอินเดียให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้กราบไหว้บูชา ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล

ภายในพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่จุดศูนย์กลางของเจดีย์ ผนังแกะสลักเรื่องราวพระพุทธประวัติและเวสสันดรชาดก รวมทั้งประวัติของหลวงปู่ศรีและรูปบูรพาจารย์ เนื่องจากวัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุงเป็นสถานที่จำพรรษาของพระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร)

ซึ่งในทุกๆ ปีวัดป่ากุงจะได้จัดพิธีระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ศรีในวันคล้ายวันเกิดมีกิจกรรมการสวดมนต์ จัดตั้งโรงทาน ตักบาตร ในระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว จะมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาร่วมงานในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเยือน สามารถเข้าเยี่ยมชมสักการะได้ทุกวันรวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมแต่อย่างใด

วัดถ้ำเขาวง อุทัยธานี

วัดถ้ำเขาวง ตั้งอยู่ในตำบลบ้านไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองไม่ไกลมากนัก จุดเด่นของวัด คือเรือนไทยประยุกต์สวยงาม สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ตัววัดตั้งอยู่ติดริมเขา ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี ทิวทัศน์บริเวณรอบๆด้านหลังเป็นภูเขาหินปูนขนาดใหญ่นอกจากนี้หน้าวัดยังมีสระน้ำขนาดใหญ่ และมีสะพานข้าม มีจุดนั่งและยืนชมวิวที่สามารถมองเห็นตัววัดได้จากสะพานกลายเป็นภาพที่งดงาม พื้นที่โดยรอบเขียวขจีต้นไม้และสวนสวยงามอยู่ทั่วบริเวณ

ตัววัดเป็นอาคารสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทย 4 ชั้นสร้างด้วยไม้สัก และไม้มะค่า ภายในโล่งกว้าง ใต้ถุนเป็นลานอเนกประสงค์รวมทั้งร้านขายของ ชั้นที่ 2 เป็นวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาทจำลองให้เราไว้สักการะ ชั้นที่ 3 เป็นกุฏิเป็นหออริยบูชาไว้สำหรับการปฏิบัติธรรม ส่วนอุโบสถจะอยู่ชั้นที่ 4 เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุดซึ่งเป็นอุโบสถ ก็สามารถเห็นวิวสวยๆ มีทางเดินเลียบสระน้ำเพื่อไปยังตัววัด

สะพานไม้ทอดยาวข้ามสระน้ำเป็นสะพานที่ประกอบขึ้นจากไม้ตามธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านการปรับแต่งรูปร่าง แล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกันดูสวยงามแปลกตามาก ฉากหลังเป็นเขาหินปูนสูงตระหง่าน มีสวนที่ตกแต่งด้วยหินไม้ดัด และไม้ประดับ ปกคลุมรอบตัววัด ให้ความรู้สึกสดชื่นมาก

ด้านหลังวัดจะมีบันไดให้เราเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อไปชมถ้ำต่างๆ ได้อีก ทางค่อนข้างชัน ควรสวมรองเท้าที่กระชับ ถ้ำที่อยู่หลังวัดนี้มีจำนวน 7-8 ถ้ำ แบ่งเป็น ถ้ำสำหรับเจริญภาวนาของพุทธศาสนิกชน และถ้ำสำหรับการนั่งวิปัสสนาของพระภิกษุ โดยถ้ำแห่งนี้มีทั้งหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ได้มาปฏิบัติธรรมไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนพื้นที่

นอกจากนี้ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่างรวมอยู่ เชน่ พระพุทธชินราชจำลอง หลวงพ่อโต พระสังขจายน์ เจ้าแม่กวนอิม องค์พระสีวลี ที่ประดิษฐานอยู่กลางน้ำมีต้นไม้ขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุม อุโมงค์ที่จำลองคล้ายถ้ำ เป็นสถานที่ถวายสังฆทาน มีการจัดเตรียมชุดสังฆทานไว้ให้ประชาชนได้ถวายเป็นสิริมงคล

วัดถ้ำเขาวงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.

วัดจันทารามหรือวัดท่าซุง อุทัยธานี

วัดจันทาราม หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดท่าซุงเพราะในอดีตบริเวณนี้เป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำที่สำคัญ และมีการล่องซุงกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงแพซุงต่างๆ ก็มักจะมีการหยุดแวะพักที่บริเวณหน้าวัดนี่เอง นอกจากวัดนี้จะเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและงดงามของเมืองอุทัยธานีอีกด้วย

สิ่งที่น่าสนใจในวัดท่าซุงที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม ได้แก่ วิหารแก้ว 100 เมตร เป็นวิหารสำคัญที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำสร้างไว้ก่อนมรณภาพรวมทั้งยังเป็นที่รักษาสังขารร่างของหลวงพ่อที่ไม่เน่าเปื่อยในโลงแก้วโดยรอบของวิหารประดับประดาด้วยโมเสกสีขาว

และกระจกที่สะท้อนกันไปมาเหมือนแก้ววาววับ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปจำลองพระพุทธชินราชซึ่งเป็นพระประธานในวิหารอีกด้วย วิหารแก้วจะเปิดให้ชมเป็นช่วงเวลา คือ ช่วงเช้า ตั้งแต่ 09.00-11.45 น. และช่วงบ่าย 14.00-16.00 น.

ปราสาททองคำ หรือปราสาททองกาญจนาภิเษก ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ประดับลวดลายไทยปิดทองคำเปลวติดกระจกตระการตา ด้วยฝีมือที่ประณีตงดงาม มีซุ้มพระยืน 8 ศอก พระพุทธรูปปางลีลา ประดิษฐานบนยอดปราสาทงดงาม ทั้งหมดออกแบบตกแต่งโดย พระสามารถ ฐานิสฺสโร ซึ่งปัจจุบันลาสิกขาไปแล้ว ปราสาททองคำมี 3 ชั้นด้วยกัน มียอดทั้งหมด 37 ยอด เป็นยอดเท่าๆ กัน 36 ยอด ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ และยอดตรงกลางเป็นยอดใหญ่ 1 ยอด เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามมาก

นอกจากนี้ภายในวัดท่าซุงยังมีจุดแวะชมที่น่าสนใจหลายแห่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งสิ้น เช่นพระศรีอริยเมตไตรย วิหารพระวิสุทธกษัตริย์เทพ มณฑปพระปัจเจกพระพุทธเจ้า วิหารสมเด็จองค์พระปฐมหอพระไตรปิฎก – หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา เจดีย์พุดตาน มณฑปและวิหารอยู่หลายแห่งแต่ละแห่งมักจะติดวัสดุกระจกและล้อมรอบด้วยแก้วใส ส่วนยอดจะสร้างในลักษณะเดียวกัน นอกจากวัดท่าซุงอันเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอุทัยแล้ว ในอำเภอเมืองยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายรอให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชม

วัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี

วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นวัดเก่าแก่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2514 สิ่งที่สะดุดสายตาของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวัด นอกจากความกว้างขวางของตัววัดแล้วคือ หลวงพ่อชินประทานพร ประดับด้วยโมเสกสีทองอร่ามทั้งองค์ มีเรือนแก้วครอบองค์พระสวยงาม ตั้งตระหง่านท่ามกลางท้องนาผืนใหญ่ที่กลายเป็นสีเขียวชอุ่ม ถือว่าเป็นพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี

ด้วยความที่วัดถ้ำเสือนั้นตั้งอยู่บนเขา การที่จะขึ้นไปสักการะ และชมความงดงามนั้น มี 2 วิธีด้วยกัน สำหรับใครที่อยากทดสอบความฟิตของร่างกาย ก็สามารถเดินขึ้นบันได จำนวน 158 ขั้นได้เลยหรือจะเลือกขึ้นรถรางไฟฟ้า ค่าบริการไป-กลับ คนละ 10 บาทเท่านั้น

ขึ้นไปด้านบนคุณก็จะเห็นวิวมุมสูงโดยรอบ ซึ่งมองลงมาก็จะเห็นเป็นทุ่งนาเขียวขจี หลังจากกราบนมัสการองค์หลวงพ่อชินประทานพร ทางด้านซ้ายจะเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท เจดีย์สีอิฐทรงแปดเหลี่ยมสูงถึง 69 เมตร และกว้างถึง 29 เมตร ที่แบ่งออกเป็นชั้นๆ ซึ่งเราสามารถเดินขึ้นบันไดวนเพื่อไปยังชั้นบนสุด แต่ละชั้นจะประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆ มากมายซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย

นอกจากนี้ยังมีวิหารต่างๆ ให้เข้าไปสักการะพระพุทธรูปและชื่นชมความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังภายใน เมื่อชมจนทั่วแล้วก็ลงไปข้างล่างเพื่อเข้าถ้ำเสือ เป็นถ้ำขนาดเล็กอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่างภายในประดิษฐานพระประจำวันเกิดและจำหน่ายวัตถุมงคล

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0