Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

Story by Paladisai Sitthithanyakij

ในปีนี้เมืองเชียงรายจะมีการจัดงานศิลประดับนานาชาติชื่อ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ขึ้น (ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023) เพื่อให้ความเป็นเมืองศิลปะให้โดดเด่นขึ้นในภาคเหนือ ดังนั้นบ้านดำ ที่รู้จักกันดีนี้จึงเป็นหมุดหมายหนึ่งที่ทำให้รู้จักพิพิธภัณฑ์ชีวิตของศิลปินผู้รักสีดำชื่อ ถวัลย์ ดัชนี้ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะหนึ่งเดียวในโลก บนพื้นที่กว่า ๑๐๐ ไร่ ที่ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย

ถวัลย์ ดัชนี เป็นชาวจังหวัดเชียงราย เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๒ จบการศึกษาปริญญาตรีศิลปบัณฑิต (เกียรตินิยม) จาก ม.ศิลปากร เป็นศิษย์ของ ศ.ศิลป์ พีระศรี ผู้เป็นบิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย ที่เดินทางไปเรียนต่อจนจบปริญญาโททางด้านจิตรกรรมฝาผนัง อนุสาวรีย์และผังเมือง และปริญญาเอกด้านอภิปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ ที่อัมเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ ตลอดระยะเวลากว่า ๕๐ ปีนั้น ถวัลย์ ดัชนี ได้สร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะไว้มากมาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลงานนั้นมีชื่อเสียงมากถึงกับเคยมีราชวงศ์ในยุโรปว่าจ้างให้เขียนภาพบนผนังในปราสาทกอททอร์ฟ (Gottorf Castle) โดยให้มูลค่าเป็นเช็คที่ไม่ได้ใส่ตัวเลข เพื่อให้ถวัลย์ ดัชนี พอใจใส่ตัวเลขตามที่พอใจ

ผลงานด้านศิลปะส่วนใหญ่นั้นมีทั้ง จิตรกรรม ปฏิมากรรม โดยเฉพาะการสร้างให้บ้านดำแห่งนี้เป็นกลุ่มบ้านไม้ ศิลปะล้านนา บ้านปูนรูปทรงแปลกตา ซึ่งบ้านเกือบทุกหลังนั้นทาด้วยสีดำ ซึ่งเป็นสีโปรด จนเป็นที่มาของคำว่า “บ้านดำ” บ้านแต่ละหลังนั้นจะประดับด้วยศิลปกรรมไม้แกะสลักที่มีลวดลายงดงามแล้วยังประดับด้วยเขาสัตว์ เช่น เขาควายมากกว่า ๑๐๐ ชิ้น เขากวาง หนังจระเข้ เปลือก หอยขนาดใหญ่ และกระดูกสัตว์ เช่น กระดูกช้าง เป็นต้น

ด้วยเหตุที่งานศิลปมีโทนสีของบ้านดำ ซึ่งตรงกันข้ามกับวัดร่องขุ่น งานศิลปของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ใช้โทนสีขาว จึงมีคำพูดเปรียบเทียบแนวคิดของสองศิลปินจากสถานที่นั้น สะท้อนตัวตนว่า “เฉลิมสร้างสวรรค์ ถวัลย์สร้างนรก” ปัจจุบันพื้นที่บริเวณบ้านดำ มีต้นไม้นานาชนิด บรรยากาศที่ร่มรื่น ประกอบไปด้วยบ้านทั้งหมด ๓๖ หลัง ซึ่งแต่ละหลังนั้นเป็นลักษณะศิลปกรรมไม้ที่แตกต่างกันไป ซึ่งบางหลังสามารถเดินเข้าชมในบ้านได้เพียงไม่กี่แห่ง

ดังนั้นบ้านหลังอื่นนั้นจึงถูกจัดให้สามารถมองเข้าไปได้จากหน้าประตู ให้เห็นสิ่งของสะสมที่ถูกจัดวางให้เป็นศิลปผสมตามแนวคิดที่แตกต่างกันอันเป็นศิลปะเฉพาะตัวของถวัลย์ ดัชนี เพราะบ้านเหล่านี้ไม่ได้สร้างไว้สำหรับอยู่อาศัย แต่สร้างไว้สำหรับเก็บสิ่งของสะสมต่างๆ ให้เป็นศิลปของอาจารย์ถวัลย์ ซึ่งมีบางส่วนเป็นภาพเขียนตามไสตล์ของ ถวัลย์ ดัชนี ผลงานภาพเขียนนั้นมีราคาสูงจนเป็นที่ต้องการของผู้สะสมงานศิลปของถวัลย์ ดัชนี จนทำให้ผลงานของ ถวัลย์ ดัชนี นั้นไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะทั้งของรัฐและของเอกชนในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งถือว่า ถวัลย์ ดัชนี นั้นเป็นศิลปินที่มีผลงานสร้างชื่อเสียงมากที่สุด มีภาพเขียนที่ถูกให้ราคาถึง ๒๐๐ ล้านบาท

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้ประกาศยกย่องให้ ถวัลย์ ดัชนี เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ซึ่งตลอดเวลานั้น ถวัลย์ ดัชนี ได้สร้างคุณูปการต่อวงการศิลปะด้วยการตั้งมูลนิธิถวัลย์ ดัชนี เพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาโดยเฉพาะทางด้านทัศนศิลป์ จนเกิดการรวมตัวกันตั้ง “ขัวศิลปะ” ขึ้นในจังหวัดเชียงราย แม้ว่าถวัลย์ ดัชนี จะถึงแก่กรรมไปแล้วเมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗

บ้านดำ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ชีวิตของ ถวัลย์ ดัชนี ที่เคยอยู่และสร้างสรรค์งานศิลป์นั้นก็ยังอนุรักษ์และสืบสานผลงานต่อมาจนวันนี้ จากบุตรชาย ผู้เดินตามรอยคุณพ่อ.. สามารถเข้าชมอาคารต่างๆ เช่น มหาวิหาร บ้านทรงไทย ล้านนาที่ใหญ่ที่สุดแสดง ภาพวาด ไม้แกะสลัก หนังสัตว์ เขากวาง ซากจระเข้ ฯลฯ วิหารราม บ้านทรงไทย แกะสลักไม้ที่หน้าประตู ห้องจิตวิญญาณ (อูบปรภพ) – หยาดน้ำตาบนแก้มกาลเวลา (อูบก๊อกตด) – อูบเปลวส่องฟ้า อูบหัวนกกก (นกเงือกหัวแรด) บ้านดำกาแลเกี่ยวฟ้า ซึ่งภายในมักจะวางหนังจระเข้ เปลือกหอย หนังสัตว์ และ เขาควาย เป็นองค์ประกอบศิลกรรมในบ้าน

โดยเฉพาะการสานต่องานโดยสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อแสดงผลงานของถวัลย์ ดัชนี สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังด้วยงานแกะสลักที่มีลวดลายสวยงามยิ่ง เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะแบบล้านนาที่ทรงคุณค่าของจังหวัดเชียงรายและแผ่นดินในอนาคต ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้ถึงศิลปินนามอุโฆษและศิลปะที่สำคัญ จนมีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากทุกวัน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0