Ushuaia… The end of the world – อูซัวย่า การเดินทางสุดขอบโลก

Story & Photo by เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง

 

Ushuaia Beagle 1

ตั้งแต่เด็ก ฉันชอบดูสารคดีสัตว์โลกผ่านทางจอทีวี ภาพนกเพนกวินเดินเก้ๆ กังๆ กระโดดลงน้ำ ภาพแมวน้ำนอนบิดขี้เกียจอยู่บนโขดหิน เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กคนหนึ่งนั่งติดหน้าจอทีวีแล้วฝันว่าวันหนึ่งเธอจะไปดูนกเพนกวินที่ขั้วโลกใต้ เป็นภาพฝันที่สวยงามของวัยเด็ก

Ushuaia 129

เมื่อโตขึ้นฉันก็ได้พบกับความจริงที่ว่า การเดินทางล่องเรือในทวีปแอนตาร์กติกานั้นแพงแสนแพงเกินกว่าจะสู้ไหว แต่เมื่อทราบว่าเมืองอูซัวย่า (Ushuaia) ซึ่งเป็นเมืองตั้งต้นการเดินทางสู่แอนตาร์กติกาก็มีนกเพนกวินให้ชมเหมือนกัน

Ushuaia Beagle 6

ฉันจึงเริ่มรื้อโครงการในฝันและวางแผนจริงจังกับ “การเดินทางสุดขอบโลก” ออกไปผจญภัยกับดินแดนแห่งใหม่ในทวีปอเมริกาใต้ ก้าวออกจากขอบเขตความคุ้นชินในชีวิตประจำวัน การเดินทางครั้งนี้จึงตั้งต้นที่ประเทศอาร์เจนตินา และมีเมืองอูซัวย่าเป็นจุดหมายสำคัญ

Ushuaia 044

เมืองอูซัวย่า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอาร์เจนตินาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนปาตาโกเนีย (Patagonia) เมืองที่สมมติตัวเองว่าเป็น “เมืองใต้สุดขอบโลก” พร้อมชูป้ายโฆษณา “Welcome to the end of the world” ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือน

Ushuaia 082

แต่หากดูจากแผนที่โลก จริงๆ แล้วเมืองที่อยู่ใต้ลงไปอีกคือเมืองปูเอโต วิลเลียมส์ (Puerto Williams) ประเทศชิลี แต่ทางอาร์เจนตินาก็ปฏิเสธที่จะยอมรับโดยให้เหตุผลว่าจำนวนประชากรของเมืองปูเอโต วิลเลียมส์ ยังไม่เข้าข่ายที่จะเรียกว่าเมืองได้ ถึงกระนั้นเมืองอูซัวย่าก็จะเป็นจุดหมายปลายทางสุดขอบโลกของฉันอยู่ดี

Ushuaia 011

เพียงแค่นั่งมองวิวจากริมหน้าต่างเครื่องบินฉันก็ตกหลุมรักดินแดนแห่งนี้เข้าอย่างจัง วิวแรกที่เห็นเมื่อออกมาจากสนามบินคือเทือกเขาสูงที่ล้อมรอบเมืองไว้ จากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองผ่านวิวทิวทัศน์ที่งดงามและบรรยากาศของเมืองที่เงียบสงบน่าอยู่อาศัย แม้จะเป็นเมืองที่ไม่ได้คึกคัก แต่ที่นี่ก็มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ด้านหน้าติดทะเลและมีภูเขาโอบล้อมอยู่ด้านหลัง

Ushuaia 055

ภารกิจแรกที่มาถึงคือการเดินหาบริษัททัวร์ที่ให้บริการล่องเรือชมนกเพนกวินในช่องแคบบีเกิล (Beagle Channel) ความจริงแล้วฉันอยากไปทัวร์ Walk with Pengiuns ที่เราจะมีโอกาสลงไปเดินบนเกาะที่อยู่อาศัยของนกเพนกวินกันแบบใกล้ๆ

Ushuaia 050

แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง สภาพอากาศไม่เป็นใจ บริษัททัวร์ไม่สามารถพานักท่องเที่ยวเข้าไปเดินบนเกาะได้ ฉันจึงทำได้เพียงซื้อทัวร์ล่องเรือไปชมนกเพนกวินเท่านั้น หลังจากสบายใจเพราะได้ตั๋วเรือล่องช่องแคบบีเกิลมาแล้ว ถึงเวลาออกไปเดินเล่นชมเมือง บนถนนซานมาร์ติน (San Martin)

Ushuaia 064

ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมือง มีร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกอยู่พอประมาณ โบสถ์และบ้านหลังเล็กๆ เพิ่มสีสันสดใสให้กับเมืองนี้ อาหารจานเด็ดที่ต้องห้ามพลาดก็คือ เมนูปูยักษ์ (King crab) มีอยู่หลายร้านทั่วเมือง เลือกกันได้ตามชอบใจ

Ushuaia 061

หลังจากอิ่มอร่อยกับเมนูเนื้อปูยักษ์สดๆ แน่นๆ ฉันก็ออกไปเดินย่อยที่บริเวณท่าเรือบนถนนไมปู (Maipu) ซึ่งเป็นถนนหลักอีกสายตัดเลียบทะเลไปตามช่องแคบบีเกิล

Ushuaia Fundel 083

บนถนนสายนี้มีพิพิธภัณฑ์สุดขอบโลก (Museo Fin del Mundo) ตั้งอยู่ด้วย กิจกรรมสุดฮิตที่นี่คือ การถ่ายรูปกับป้าย Fin del Mundo ซึ่งเป็นภาษาสเปน แปลว่า End of the World เพื่อเป็นหลักฐานว่าเราเดินทางมาถึงเมืองใต้สุดขอบโลกแล้ว บรรยากาศริมทะเลชวนให้ผ่อนคลาย ฉันเลยเปลี่ยนใจจากการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ไปเดินเล่นชมบรรยากาศหมู่บ้านริมน้ำและท่าเรือแทน

Ushuaia 133

ตรงบริเวณท่าเรือ มีทั้งเรือบรรทุกสินค้า เรือท่องเที่ยว และเรือประมงจอดเรียงรายกันอยู่ แต่เด่นที่สุดก็คงเป็นเรือ Monte Cervantes ของจริงที่เอียงกระเท่เร่อยู่ในทะเล บ้านไม้หลังเล็กเรียงรายอยู่ริมอ่าวชวนน่าพักผ่อน แอบนึกในใจว่าถ้าได้มาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในเมืองสวยสงบแบบนี้ก็คงดีไม่น้อย

Ushuaia Beagle 7

วันที่สอง วันที่ฉันเฝ้ารอคอยก็มาถึง การเดินทางไปชมนกเพนกวินที่ใช้ชีวิตตามธรรมชาติแบบใกล้ๆ แม้สภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนและลมทะเลที่พัดแรงชวนให้หวั่นใจไม่น้อย ว่าน้องเพนกวินและพี่ๆ สิงโตทะเลจะหลบฝนและลมหนาวไม่โผล่มาให้เห็นหรือเปล่า

Ushuaia Beagle 10

เรือนำเที่ยวขนาดใหญ่แล่นออกจากท่าสู่ช่องแคบบีเกิล ลมหนาวทำให้ไม่สามารถทนยืนชมวิวและบรรยากาศนอกตัวเรือได้นาน จึงต้องกลับไปนั่งหลบลมฟังวิทยากรบรรยายอยู่ในตัวเรือแทน

Ushuaia Beagle 5

ทางด้านตะวันออกของช่องแคบนี้เป็นเขตแบ่งดินแดน (border) ระหว่างประเทศอาร์เจนตินาและชิลี ช่องแคบบีเกิลยังมีความสำคัญที่ใช้ในการเดินเรือระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกอีกด้วย เรือค่อยๆ แล่นไปตามช่องแคบ เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ฉันมองเห็นเงาขาวๆ ดำๆ กลุ่มใหญ่ คล้ายๆ นกเพนกวินอยู่บนเกาะหินกลางทะเล

Ushuaia Beagle 3

ด้วยความตื่นเต้นและดีใจฉันรีบออกไปยังระเบียงเรือเพื่อได้ชมเจ้านกเพนกวิน แต่เมื่อเข้ามาใกล้ๆ จึงได้รู้ว่าพวกมันคือนกทะเลที่หน้าตาคล้ายนกเพนกวินเท่านั้น ถือว่าเป็นโชว์เรียกน้ำย่อย

Ushuaia Beagle 12

จากนั้นเรือจะค่อยๆ ล่องไปใกล้ๆ ประภาคารสีแดง Les Eclaireurs Lighthouse ที่ไม่ได้สวยเด่นสดใสแบบที่เห็นทั่วไปบนแผ่นโปสการ์ด แต่ใครๆ ก็อยากมาถ่ายรูปประภาคารที่อยู่ใต้สุดของโลกกันทั้งนั้น

Ushuaia Beagle 8

สำหรับฉัน สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าประภาคารก็คือ บรรดานกน้อย แมวน้ำและสิงโตทะเลที่นอนขี้เกียจตัวกลมอยู่บนเกาะเล็กๆ แถวนั้นมากกว่า ฉันสนุก กับการซูมกล้องไปจับภาพอิริยาบถของเจ้าสิงโตทะเลมาก

Ushuaia Beagle 2

ดูเหมือนว่าพวกมัน จะมีชีวิตเรียบง่ายกับการนอนบิดขี้เกียจบนโขดหิน จากนั้นเรือจะล่องไกลออกไปจนเกือบถึงเขตชายแดนชิลี

Ushuaia Beagle 9

ระหว่างที่ยืนชมวิวอยู่บนระเบียงเรือ ฉันได้ยินหนุ่มน้อยผมทองข้างๆ เปล่งเสียงตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจที่ได้เห็นวาฬ

Ushuaia Beagle 13

ฉันรีบหันตามไปมองและได้เห็นวาฬตัวเขื่องว่ายน้ำผลุบๆ โผล่ๆ ไปมาตามคลื่นทะเล นานๆ ทีก็จะมีการพ่นน้ำโชว์ แม้จะลำบากในการบันทึกภาพถ่ายไว้เป็นความทรงจำ แต่การแสดงโชว์ตามธรรมชาติของเจ้าวาฬตัวนั้นจะยังคงติดตาและประทับอยู่ในหัวใจของฉันตลอดไป

Ushuaia Beagle 14

แล้วเรือก็ล่องเข้ามาใกล้ๆ เกาะแห่งหนึ่ง ภาพที่เห็นบนเกาะคือภาพบรรยากาศที่ฉันฝันถึง นกเพนกวินตัวเล็กตัวน้อยหลายร้อยตัว เดินป้วนเปี้ยนอยู่ทั่วเกาะ บ้างก็อยู่กันเป็นกลุ่ม บ้างก็อยู่กันเป็นคู่ บ้างก็ทำตัวอินดี้ฉายเดี่ยวเล่นน้ำทะเลตัวเดียว

Ushuaia Beagle 15

บางตัวก็เหมือนเดินเหงาๆ เปล่าเปลี่ยวไร้ทิศทาง บางตัวก็เดินตามเพื่อนๆ ต้อยๆ บางกลุ่มก็เดินเรียงแถวต่อกันดูเรียบร้อยน่ารัก ฉันเชื่อว่านักท่องเที่ยวทุกคนบนเรือต่างเพลิดเพลินกับการได้เฝ้าดูวิถีชีวิตน่ารักๆ ตามธรรมชาติของเจ้านกเพนกวินเหล่านี้ สำหรับฉันตั้งแต่เด็กจนโต นกเพนกวินก็ยังเป็นสัตว์โลกที่มีความน่ารักน่าชังมากที่สุดชนิดหนึ่ง

Ushuaia Beagle 16

ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตน้อยเหล่านั้นจะสามารถทำให้มนุษย์ตัวโตอย่างเรามีความสุขได้มากเพียงนี้ ความฝันวัยเยาว์ของฉันถูกเติมเต็มแล้ว ได้แต่เพียงหวังว่าการมาเยือนของมนุษย์อย่างเราจะไม่ทำลายวิถีชีวิตของพวกเขาไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

Ushuaia Fundel 089

ที่เมืองอูซัวย่ายังมี Tierra del Fuego National Park นับเป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ใต้สุดของโลก อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร วันสุดท้ายฉันเลยเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวป่าเขากันบ้าง

Ushuaia Fundel 091

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไม่มีรถส่วนตัวก็จะใช้บริการบริษัททัวร์แบบ One day trip กิจกรรมอีกอย่างที่ใครมาเยือนเมืองนี้จะพลาดไม่ได้ คือ การนั่งรถไฟ “Camila – The Prisoner Train” หรือขบวนรถไฟ The End of the World

Ushuaia Fundel 180

ที่วิ่งผ่านอุทยานแห่งชาติ Tierra del Fuego แต่ฉันเลือกที่จะพลาดกับการเดินทางโดยรถไฟสายนี้ เพื่อไปเดินเทรกกิ้งสั้นๆ ในอุทยานฯ แทน

Ushuaia Fundel 106

หลังจากส่งนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ขึ้นรถไฟ ฉันและนักท่องเที่ยวอีกสองคนที่เดินทางไปชมธรรมชาติและบรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบโรก้า

Ushuaia Fundel 276

เวลาชั่วโมงกว่าๆ กับการเทรกกิ้งสั้นริมทะเลสาบ พร้อมความรู้เกี่ยวกับอุทยานฯ จากไกด์ท้องถิ่นช่างเพลิดเพลินและให้ความรู้สึกเป็นกันเองมาก

Ushuaia Fundel 240

จากนั้นเราก็ต้องแวะไปรับนักท่องเที่ยวคนอื่นที่สถานีรถไฟปลายทางเพื่อเดินทางต่อไปยังส่วนอื่นๆ ของอุทยานฯ ที่นี่ยังเป็นจุดสิ้นสุดของถนนหลวงหมายเลข 3 (Route 3) จนได้รับขนานนามแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า จุดสิ้นสุดของโลก (ฟังดูน่ากลัวเหมือนกัน)

Ushuaia Fundel 222

ซึ่งฉันชอบอุทยานฯ ที่นี่มาก เป็นเขตป่าสงวนที่อุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งภูเขาหิมะ ภูเขาหญ้า

Ushuaia Fundel 316

ทะเลสาบ Fagnano ขนาดใหญ่

Ushuaia Fundel 212

ป่าต้นไม้แห้งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ทางธรรมชาติของดินแดนปาตาโกเนียถิ่นนี้ ที่เรียกว่า Dead forest แถมมีสัตว์ป่าหลายชนิดออกมาโชว์ตัวให้ได้เห็นเป็นระยะๆ

Ushuaia Fundel 185

ไม่ว่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอก ม้า และตัวบีเวอร์ แม้ความเป็นจุดใต้สุดของเมืองนี้จะเป็นเรื่องสมมติ แต่ทัศนียภาพที่สวยงาม ความผสมผสานกันของภูเขา ป่า และทะเลของที่นี่แหละที่เป็นของจริงสำหรับคนรักธรรมชาติ สัตว์ป่า และสัตว์ทะเล

 

ข้อมูลเพิ่มเติม
– การเดินทางจากประเทศไทยหรือจากประเทศในยุโรป ให้เดินทางไปยังเมืองบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนตินา จากนั้นเดินทางต่อด้วยสายการบิน ภายในประเทศของอาร์เจนตินา (Aerolineas Argentina) ไปยังสนามบินอูซัวย่า ซึ่งใช้เวลาอีกประมาณสามชั่วโมงครึ่ง
– นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ต้องขอวีซ่า โดยสามารถเดินทางในประเทศอาร์เจนตินาได้เป็นเวลา 90 วัน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0