หยุดเวลาไว้คิโนะซากิออนเซ็น – Kinosaki Onsen

Story & Photo by Orawan

ภาพของผู้คนสวมชุดยูคาตะ ใส่รองเท้าเกตะหรือเกี๊ยะไม้ เดินเล่นภายในเมืองที่สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารไม้โบราณตลอดแนวของแม่น้ำโอทานิที่ไหลผ่านหมู่บ้านเป็นภาพที่คุ้นชินของคิโนะซากิออนเซ็น ออนเซ็นอายุกว่า 1,300 ปีแห่งนี้

Kinosaki Onsen 6310

Kinosaki Onsen 6296

จากเมืองโอซาก้า ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของภูมิภาคคันไซ ฉันเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษขบวนโคโนะโทริ (Kounotori) จากสถานีชินโอซาก้า (Shin Osaka) วิ่งตรงสู่สถานีคิโนะซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ก็จะเริ่มเห็นกลิ่นอายของเมืองออนเซ็นแห่งนี้แล้ว

Kinosaki Onsen 65837144

เมืองคิโนะซากิ อยู่ที่เขตโทโยโอกะ (Toyooka) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ภูมิภาคคันไซ ก่อนจะไปแช่น้ำแร่ อย่างหนึ่งที่เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ ปูมัตสึบะ (Matsuba crab) ปูถือเป็นอาหารประจำฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถตกได้บริเวณแถบทะเลญี่ปุ่น

Kinosaki Onsen 49694174

โดยเฉพาะปูที่ตกได้ในพื้นที่ “คิโนะซากิ” จะถูกเรียกว่า “คิโนะซากิคานิ” ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปีไปจนถึงเดือนมีนาคมปีถัดไป เนื้อปูจะแน่นอยู่ภายใต้กระดอง ไม่ว่าจะรับประทานดิบหรือนำไปประกอบอาหารทั้งต้ม ย่าง อร่อยไปหมด นอกจากนี้ มันปูในฝากระดองเหมาะที่จะนำข้าวไปคลุกรับประทานได้อารมณ์ฟินไปอีกแบบ

Kinosaki Onsen 47771865

ตามตำนานเล่ามาครั้งหนึ่งเคยมีนกกระสาบินมารักษาอาการบาดเจ็บในบึงน้ำที่เมืองคิโนะซากิแห่งนี้ และน้ำนั้นก็ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ ต่อมาเมื่อประมาณปี ค.ศ. 717 เมื่อ โดจิ โชนิน (Douchi Shonin) พระจากเมืองนาราได้เดินทางมาที่เมืองคิโนะซากิ เพื่อตามหาบึงน้ำที่รักษาอาการบาดเจ็บตามตำนาน ในตอนแรกไม่รู้ตำแหน่ง แต่เมื่อสวดมนต์อธิษฐาน วันที่ 1,000 ก็เกิดปาฏิหาริย์มีน้ำพุร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน

Kinosaki Onsen 6315

หลังจากนั้นที่นี่ก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ในช่วงสมัยเอโดะ เหล่าซามุไรทั้งหลายก็เดินทางมาที่นี่ ในยุคนั้นเรียกว่าไคไดได อิจิเซ็น (Kai Dai Dai Ichisen) ถือเป็นออนเซ็นที่ดีที่สุด ปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาพักผ่อนเท่านั้น นักท่องเที่ยวเองก็เดินทางมาสัมผัสความพิเศษของที่นี่มากมายไม่แพ้กัน

Kinosaki Onsen 6289

เพียง 10 นาทีจากสถานี เราจะเห็นบ่อน้ำร้อนที่มีป้ายเขียนว่า Drinking Water ใกล้กับจุดประชาสัมพันธ์ เรียกได้ว่าบ่อน้ำร้อนนี้เป็น welcome drink ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ที่จุดประชาสัมพันธ์นี้เราสามารถขอแผนที่ที่จะพาเราไปยังบ่อออนเซ็นสาธารณะดั้งเดิมที่เด่นๆ ทั้ง 7 แห่งของที่นี่

Kinosaki Onsen 6291

โดยแต่ละแห่งจะมีค่าบริการ ค่าแช่ครั้งละ 600 – 800 เยน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการแช่ออนเซ็น แนะนำให้ซื้อตั๋ววันสำหรับแช่ออนเซ็นที่เรียกว่า ตั๋วโซโตะยุเมกุริ (Sotoyu Meguri Ticket) สำหรับตระเวนแช่ออนเซ็นภายใน 1 วัน ราคาเพียง 1,200 เยน สำหรับผู้ใหญ่ (ตั้งแต่เด็กมัธยมต้นขึ้นไป) และราคา 600 เยน สำหรับเด็กเล็ก (อายุ 3 ปีขึ้นไป) สามารถหาซื้อได้ตามเคาน์เตอร์รับรองของออนเซ็นแต่ละแห่งได้เลย

Kinosaki Onsen 6270

บ่อออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง นอกจากน้ำที่มีส่วนประกอบของโซเดียมและแคลเซียม ที่ให้สรรพคุณช่วยรักษาโรคปวดเส้นประสาท อาการปวดกล้ามเนื้อ แผลฟกช้ำ และโรคระบบทางเดินอาหารแล้ว ยังมีความเชื่อว่าจะให้โชคและให้คุณแตกต่างกันอีกด้วย

Kinosaki Onsen 6282

บ่อที่ 1 ชื่อ อิจิโนะยุ (Ichino-yu) ที่ถูกค้นพบมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เดิมชื่อ Shinyu ต่อมาได้รับความนิยมและได้ชื่อว่าเป็นน้ำแร่ที่ดีที่สุดในโลก จึงมีการตั้งชื่อให้ใหม่ว่า Ichino-yu ซึ่งแปลว่า น้ำพุร้อนที่เป็นที่ 1 เป็นบ่อที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ โดยบ่อได้รับการตกแต่งใหม่เมื่อปี ค.ศ.1999 บรรยากาศคล้ายถ้ำออนเซ็นกลางแจ้ง เชื่อกันว่า ถ้านักเดินทางได้มาแช่ที่นี่จะทำให้แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ เปิดบริการ ทุกวันยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่ 07.00 น. – 23.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 300 เยน

บ่อที่ 2 ชื่อ โกะโชโนะยุ (Goshono-yu) บ่อออนเซ็น ที่ใหม่และใหญ่ที่สุดในบรรดา 7 บ่อ เป็นบ่อกลางแจ้ง ลักษณะภายนอกที่ดูสงบสง่างามนั้นเป็นจุดเด่น เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “บิจินโนะยุ” (สถานที่อาบน้ำของผู้หญิงสวย) ซึ่งเป็นที่นิยมของคุณผู้หญิง เชื่อกันว่าจะนำมาซึ่งความโชคดีสำหรับคนที่กำลังตามหาคู่ครอง รวมไปถึงการคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากอัคคีภัย เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันพฤหัสบดีที่ 1 และ 3 ของเดือน ตั้งแต่ 07.00 น. – 23.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 400 เยน

บ่อที่ 3 ชื่อ โคโนะยุ (Kouno-yu) บ่อออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาออนเซ็นทั้ง 7 บ่อ เป็นออนเซ็นกลางแจ้งที่เคยเป็นโรงอาบน้ำแห่งแรกในเมืองคิโนะซากิ ตามตำนานของนกกระสาและนักบวชเป็นจุดเริ่มต้นของเมืองออนเซ็น อยู่ด้านในสุดลึกเข้าไปจากถนนใหญ่เล็กน้อยเลยมีบรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบ เชื่อกันว่าออนเซ็นแห่งนี้จะช่วยให้อยู่กันอย่างมีความสุข เปิดบริการ ทุกวันยกเว้นวันอังคาร ตั้งแต่ 07.00 น. – 23.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 300 เยน

บ่อที่ 4 ชื่อ จิโซยุ (Jizou-yu) ออนเซ็นที่ตั้งชื่อตามเทพผู้ดูแลคุ้มครองเด็กๆ ตัวอาคารทำเป็นหน้าต่างรูป 6 เหลี่ยมที่อ้างอิงมาจากถ้ำเก็นบุ เชื่อว่า การแช่ออนเซ็นที่บ่อนี้ จะทำให้ครอบครัวมีความเจริญ ก้าวหน้าและปลอดภัย เปิดให้บริการทุกวันยกเว้นวันศุกร์ ตั้งแต่ 07.00 น. – 23.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 300 เยน

บ่อที่ 5 ชื่อ ยานางิยุ (Yanagi-yu) ออนเซ็นบ่อเล็กที่สุดในบรรดา 7 บ่อ มีความลึกระดับมิดหัวเด็กเล็ก และน้ำร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่าออนเซ็นแห่งอื่นๆ ว่ากันว่ามีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผลภายนอกและอาการอักเสบของผิวหนังได้บรรยากาศ อบอุ่นแบบดั้งเดิม ชื่อยานางิยุนี้ มีที่มาจากต้นยานางิหรือต้นหลิวที่ปลูกอยู่ตามรายทางเลียบคลองในย่านนี้ เชื่อกันว่าเป็น “ออนเซ็นลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” ใครที่อยากมีลูกให้มาแช่ออนเซ็นที่นี่แล้วจะตั้งครรภ์ได้ง่าย และช่วยให้เด็กทารกมีสุขภาพดี ด้านนอกอาคารมีออนเซ็นเท้าให้แช่ฟรี 2 บ่อ คนจะชอบมานั่งแช่เท้ากันตรงบ่อด้านหน้าฝั่งถนนใหญ่ แนะนำให้ไปบ่อด้านหลังที่คนไม่ค่อยเยอะ จะได้นั่งแช่เท้าได้อย่างสบายๆ เปิดบริการ ทุกวันยกเว้นวันพฤหัสบดี ตั้งแต่ 15.00 น. – 23.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 300 เยน

บ่อที่ 6 ชื่อ มังดาระยุ (Mandara-yu) เสน่ห์แห่งความเงียบสงบในบรรยากาศดั้งเดิมคือจุดขายของออนเซ็นแห่งนี้ เป็นออนเซ็นที่จะนำมาซึ่งความโชคดีสำหรับผู้ที่จะทำธุรกิจและการทำเกษตรกรรม เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่ 15.00 น. – 23.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 860 เยน / เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 300 เยน

บ่อที่ 7 ชื่อ ซาโตะโนะยุ (Satono-yu) ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟคิโนะซากิออนเซ็น สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำมารุยามะได้จากบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งของชั้น 3 เป็นออนเซ็นที่มีการผสมระหว่างญี่ปุ่นดั้งเดิมกับสมัยใหม่ มีทั้งออนเซ็นแบบโบราณ บ่อกลางแจ้งและ เซาน่า กับอ่างจากุซซี่แบบใหม่ เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่ 13.00 น. – 21.00 น. ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 400 เยน

Kinosaki Onsen 6275

ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่เฉพาะออนเซ็นเท่านั้น ทางภูเขาด้านทิศตะวันตกของเมือง วัดแห่งนี้มีความโดดเด่นมาก ชื่อ วัดออนเซ็นจิ (Onsenji Temple) หรือวัดน้ำพุร้อน วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 738 ตั้งอยู่บนภูเขาไทชิ (Mount Taishi สร้างเพื่ออุทิศให้พระโดจิ โชนิน ที่เป็นผู้เริ่มต้นให้คิโนะซากิเป็นที่รู้จัก จุดสำคัญของวัดนี้อยู่ที่ พระพุทธรูปคันนอน 11 เศียร (eleven-headed Kannon Buddha) ที่มีความสูงถึง 2 เมตร และที่พิเศษคือ จะเปิดให้ได้เข้าสักการะทุกๆ 33 ปี โดยมีระยะเวลาเปิดให้ชมเพียงครั้งละ 3 ปีเท่านั้น ครั้งปัจจุบันกำลังเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2018 ถึง 24 เมษายน 2021 และสามารถมองเห็นรูปปั้นบางส่วนได้ทุกปีในวันที่ 23 และ 24 เมษายนในช่วงเทศกาลออนเซ็นมัตสุริ (Onsen Matsuri) บริเวณด้านหลังวัดใกล้กับห้องโถงใหญ่เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะคิโนะซากิ (Kinosaki Art Museum) จัดแสดงสิ่งสำคัญของวัด การเดินทางขึ้นมาด้านบนวัด สามารถใช้บริการรถราง เคเบิลคาร์ จากด้านล่างได้ ค่าบริการไป-กลับ ผู้ใหญ่ 900 เยน, เด็ก 450 เยน เที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 460 เยน, เด็ก 240 เยน เวลาทำการ 9.10 – 16.45 น. (รอบสุดท้ายขาขึ้น 16.45 น. และขาลงเวลา 17.10 น.) นอกจากจะได้มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วเรายังจะสามารถมองเห็นวิวมุมสูงของเมืองได้จากที่นี่ ขอบอกว่าสวยงามมาก

Kinosaki Onsen 6298

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า เคยมีตำนานของนกกระสาที่นี่ ทำให้มีการจัดตั้งศูนย์เพาะพันธุ์นกกระสาขึ้นที่ไม่ไกลจากสวนโคะโนะโทะริโนะซะโตะ (Konotori no Sato Park) คุณจะเห็นนกกระสาพันธุ์โคะโนะโทะริ สัตว์ป่าคุ้มครองพิเศษจากรัฐบาลญี่ปุ่น เนื่องจากเกือบสูญพันธุ์ไปจากญี่ปุ่นจากการปฏิวัติเกษตรกรรมสมัยใหม่ที่ได้ทำลายความอุดมสมบูรณ์และพื้นที่ชุ่มน้ำไป จนทำให้นกกระสาได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1971 นั่นเอง ที่ศูนย์เปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมและเรียนรู้เกี่ยวกับโครงการเพาะพันธุ์และการอนุรักษ์ได้ โดยในเดือนพฤษภาคม ปี 2007 ที่ผ่านมามีการปล่อยนกกระสาคืนสู่ธรรมชาติครั้งแรก คนที่ชื่นชอบธรรมชาติน่าแวะไปมาก

Kinosaki Onsen 6250

เมืองคิโนะซากิเอง นอกจากออนเซ็นที่เป็นที่นิยมแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย เดินทางครั้งต่อไป ฉันจะมาแนะนำให้รู้จักเมืองนี้ให้มากขึ้น แล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้อย่างแน่นอน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0