Fantastic Kobe โกเบ มีดีมากกว่าเนื้อ

Story &Photo by Orawan

“ใม่ใช่เพียงแค่สายพันธุ์ของวัวเท่านั้น ที่ทำให้เนื้อของโกเบอร่อย แต่กรรมวิธีการเลี้ยงดูก็มีส่วนทำให้เนื้อโกเบ เป็นเนื้อที่อร่อยติดอันดับต้นๆ”

นั่นคือคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่แจ้งกับเราว่าทำไมเนื้อโกเบที่มีชื่อเสียงนั้นถึงเป็นที่นิยม เพราะนอกจากต้องผ่านขั้นตอนการคัดกรองคุณภาพในแต่ละระดับชั้น จนกว่าจะถึงคุณภาพระดับชั้นสูงสุดที่กำหนดว่าเป็นมาตรฐานระดับเนื้อโกเบ การเลี้ยงดูวัวนั้นมีส่วนสำคัญที่ต้องทำคือ ต้องบีบนวดให้วัววันละ 7 – 8 ครั้ง และให้ดื่มเบียร์วันละ 6 ขวด เพื่อให้วัวรู้สึกผ่อนคลายจะได้ไม่เครียด มีสุขภาพแข็งแรงและเจริญอาหาร สามารถผลิตเนื้อแสนอร่อยให้เราได้รับประทานกัน

ที่เมืองโกเบ (Kobe) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) แห่งนี้ อยู่ห่างจากเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างโอซาก้าเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากเนื้อที่ขึ้นชื่อแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายจุดที่น่าสนใจ เพราะที่นี่เป็นเมืองท่า การค้าและอุตสาหกรรมมาตั้งแต่อดีตทำให้มีความหลากหลายทั้งด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรมส่วนภูมิประเทศก็สวยงาม ด้านหน้าติดกับทะเล ส่วนด้านหลังมีภูเขา นอกจากนั้นตัวเมืองยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายโดยมากมาโกเบ

ทุกคนมักจะมาเริ่มต้นกันที่ซันโนะมิยะเซ็นเตอร์สตรีต (Sannomiya Center Street) ที่นี่เป็นศูนย์กลางของการคมนาคมของโกเบมีทั้งรถไฟเจอาร์เวสต์ รถไฟฮันคิว รถไฟฟ้าฮันชินรถไฟใต้ดินโกเบ และรถไฟโกเบนิวทรานซิตที่ใช้สถานีซันโนะมิยะเป็นสถานีหลักในการให้บริการรับส่งผู้โดยสาร

นอกจากนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งของสินค้าหลากหลายประเภท และคุณยังสามารถหาเนื้อโกเบรสเยี่ยมได้ที่ย่านนี้อีกด้วยอย่างที่แจ้งไว้ว่าที่นี่เป็นเมืองท่าการค้าดังนั้นจึงมีการผสมผสานของวัฒนธรรม ทั้งทางตะวันตกและตะวันออกผสมผสานกันอยู่

อย่างที่ ย่านบ้านพักชาวต่างชาติ คิตะโนะ (Kitano Street Ijinkan) ซึ่งอยู่ใกล้กับภูเขานั้นเดิมเป็นย่านที่ชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าขายในเมืองโกเบอาศัยอยู่ทำให้สถาปัตยกรรม รูปร่างของอาคารบางหลังเป็นลักษณะของตะวันตกกระจายแทรกตัวอยู่ทั่วทั้งบริเวณ จากสถานีซันโนะมิยะไปทางทิศเหนือราว 15 นาที เดินไปได้แต่เหนื่อยสักหน่อยนักท่องเที่ยวหลายคนนิยมเดินทางมาเยี่ยมชมบ้านแบบต่างๆ ที่นี่

สำหรับใครที่อยากเข้าไปชมด้านใน บ้านบางหลังก็เปิดให้เข้าชมโดยมีตั๋วที่ให้เข้าชมราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 600 เยนสามารถเข้าชมได้ 2 แห่ง จนถึง ราคา 3,500 เยนที่สามารถเข้าชมได้ถึง 9 แห่งด้วยกัน อาคารที่น่าสนใจอื่นๆ ของย่านคิตะโนะเช่น บ้านคาซามิโดริ โนะยาคาตะ (Kazamidori no Yakata) บ้านชาวต่างชาติแห่งเดียวในคิตะโนะที่สร้างด้วยอิฐ สร้างขึ้นในปี 1909 ภายในบรรยากาศโอ่อ่ากว้างขวาง และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของประเทศ

นอกจากนั้นที่นี่ยังมีร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ของที่ระลึกสไตล์ทำมือ ให้เลือกซื้อหา หรือจะเลือกนั่งจิบชากาแฟ

หรือกินขนมเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อาคารบ้านเรือนที่สวยงามก็ให้ความเพลินดีไม่ใช่น้อย

อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวหลักที่หากเรามาโกเบแล้วมักจะแวะเสมอ นั่นก็คือ ฮาร์เบอร์แลนด์ (HarborLand) และ สวนเมริเคน (Meriken Park) ทั้งสองสถานที่อยู่ติดกัน เราสามารถนั่งรถไฟเจอาร์มาถึงย่านโกเบฮาร์เบอร์แลนด์ได้ อยู่ติดกับสถานีรถไฟ JR Kobe Stationหรือจะมาโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ลงที่สถานี Harborland Subway Station

ฮาร์เบอร์แลนด์เป็นแหล่งการค้าที่ปรับปรุงมาจากโรงงานเก่าของโกเบ เป็นอาคารอิฐซึ่งหันหน้าออกไปทางอ่าวโอซาก้ามีร้านค้ามากมายเรียงรายสองข้างทาง นอกจากนั้นใกล้กันก็มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ถึง 2 ห้างทั้ง umie, umie MOSAIC ซึ่งภายในก็มีร้านค้าแบรนด์เนมดังๆ หลายร้าน มีร้านอาหารที่หันหน้าออกนอกทะเล ให้คุณเพลิดเพลินไปกับการกินอาหารเคล้าบรรยากาศท้องทะเล

นอกจากนี้ยังมีสวนสนุกเล็กๆ มีชิงช้าสวรรค์ที่พาคุณขึ้นไปเห็นวิวมุมสูงของอ่าวโกเบได้ ที่นี่บรรยากาศดีและโรแมนติกจนถูกเลือกเป็นหนึ่งในสถานที่ชื่นชอบของคู่รักมาขอแต่งงานกันอีกด้วย

ส่วนสวนเมริเคน (Meriken Park) ก็สามารถเดินจากฮาร์เบอร์แลนด์ไปประมาณ 5 นาที ที่นี่เป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองโกเบ มีสถานที่สำคัญอย่างเช่น หอคอยแห่งโกเบ (Kobe Port Tower) และพิพิธภัณฑ์เรือเดินทะเล (Kobe Maritime Museum) ช่วงเย็นจนถึงคำ บริเวณนี้จะเปิดไฟประดับสีสันสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณลานกว้างที่สามารถมองเห็นตึกอาคารริมน้ำของเมืองโกเบ บรรยากาศสวยงามแปลกตามากเที่ยวเมือง เที่ยวริมทะเลตามกัน

ต่อไปขึ้นเขากันเมืองโกเบมีภูเขาที่ชื่อ ภูเขารอคโค (Mount Rokko) ที่มีความสูง 931 เมตรจากระดับน้ำทะเล ดังนั้นหากได้ขึ้นไปด้านบนคุณจะสามารถเห็นเมืองโกเบในมุมสูงได้อย่างเต็มตาทีเดียว วันไหนอากาศดีๆ ก็จะเห็นไปถึงอ่าวโอซาก้ากันเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตกดิน และช่วงกลางคืนที่ตัวเมืองเปิดไฟตามอาคารบรรยากาศของที่นี่สวยไม่แพ้ที่ไหนๆ ทีเดียว ภูเขาแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่วิวสวยๆ เท่านั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย

ยกตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีรอคโค (Rokko International Musical Box Museum) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงหีบเพลงหายากมากมาย

ที่มาจากตะวันตกในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นของยุคศตวรรษที่ 20 อยู่ชั้นล่าง ส่วนชั้นสองในทุกครึ่งชั่วโมงที่ห้องแสดงหลักที่มีหีบเพลงขนาดใหญ่เท่าห้องจะมีการจัดแสดงบรรเลงเพลง น่าสนใจเป็นอย่างมาก

และสำหรับใครที่อยากมีกล่องดนตรีเป็นของตัวเองเพียงชิ้นเดียวในโลกก็ยังสามารถทำกล่องดนตรีได้เองอีกด้วย

หรือจะเป็นจุดชมวิวบนเขาอย่าง Rokko-Shidare Observatory โดมที่มีแรงบันดาลใจจากต้นไม้และกิ่งไม้ ใบไม้ที่นี่มีความพิเศษคือ หน้าหนาวด้านในจะอบอุ่น ส่วนหน้าร้อนจะเย็นสบาย

เนื่องจากห้องนั้นสร้างให้อุณหภูมิคงที่จากน้ำที่ไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา และที่พิเศษกว่านั้นคือตอนกลางคืนไฟของโดมแห่งนี้จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ การเข้าไปชมโดมด้านใน มีเสียค่าเข้า 300 เยน

นอกจากเนื้อโกเบแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่หลายคนนึกถึงถ้าพูดถึงโกเบคือเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2009 จากเหตุการณ์นั้นทางผู้ประกอบการเมืองโกเบได้รวบรวมเงินกันสร้างหุ่นยนต์เท็ตสึจินหุ่นเหล็กหมายเลข 28 (Tetsujin 28-go) ซึ่งมาจากการ์ตูนชื่อเดียวของอาจารย์มิตสึเทรุ โยโกยาม่า (Mitsuteru Yokoyama) ซึ่งเป็นชาวโกเบโดยกำเนิดขึ้นมา

หุ่นยนต์ขนาด 50 ตัน สูง 15 เมตรตัวนี้สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความหวังและการลุกขึ้นมาต่อสู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเราสามารถไปชมหุ่นยนต์นี้ได้ ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณลานกว้างบริเวณสวนสาธารณะวากะมัตซึ (Wakamatsu Park) ในเขตนากาตะ (Nagata) ถ้านั่งรถไฟเจอาร์ สาย JR West : จากOsaka Station นั่งเส้น JR Kobe Line มาลงที่สถานี Shin-Nagata หรือถ้าเป็นรถใฟใต้ดิน Kobe Subway ให้นั่งสายSeishin-Yamate Line (สีเขียว) หรือสาย Kaigan Line (สีแดง) มาลงที่สถานี Shin-Nagata ได้เช่นกัน

ไม่ว่าเมืองไหนก็ตามย่อมมีเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป หากเราไม่ยอมแพ้และลุกขึ้นก้าวเดินต่อไป ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง อย่างเช่นเมืองโกเบ แม้จะประสบภัยพิบัติอย่างหนักมาก่อน แต่วันนี้เราเชื่อว่า โกเบก้าวมาเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่หลายคนต้องปักหมุดเดินทางไปเยี่ยมชมอย่างแน่นอน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0