อิซุชิ (Izushi)- Little Kyoto In Tajima

เรื่องและรูปโดย ทีมงาน Vacationist

ถ้าพูดถึงเมืองอิซุชิ (Izushi) หลายคนอาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าเริ่มแนะนำว่า อิซุซิ อยู่ในเมืองโทโยโอกะ (Toyooka) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ซึ่งเฮียวโงะ ก็มีเมืองที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่น โกเบ (Kobe) คิโนซะกิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) อะริมะออนเซ็น (Arima Onsen) เป็นต้น

สำหรับคนที่ลงที่โอซาก้า เราสามารถนั่งรถมาจากสถานีโอซาก้า (Osaka) โดยสารรถไฟ LTD.EXP.Konotori หรือ Hamakaze ลงที่สถานีโทโยโอกะ (Toyooka) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Zentan Bus ที่หน้าสถานีโทโยโอกะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมประจำปีและวิธีการขนส่งที่ถูกกว่าท่าเรือโบราณของอิซุชิจึงปิดไปนานแล้ว ทางรถไฟก็ถูกนำออกไปเช่นกันทำให้เมืองสามารถเข้าถึงได้โดยรถยนต์ รถบัสและจักรยานเท่านั้น

เมืองอิซุชิ เมืองเล็กๆ ที่มีปราสาทเป็นศูนย์กลางความเจริญมาตั้งแต่ยุคเอโดะ โดยมีโชกุนเป็นผู้ปกครอง และมีประวัติศาสตร์รุ่งเรืองมายาวนานกว่า 200-300 ปี จนได้สมญานามว่า “Little Kyoto” เป็นเมืองที่ยังคงกลิ่นอายจากอดีตมาจวบจนปัจจุบันไว้ได้อย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถเห็นสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมได้ทั่วทั้งเมือง ที่แห่งนี้ได้ถูกประกาศให้เป็น กลุ่มอาคารเก่าแก่ดั้งเดิมที่สมควรแก่การอนุรักษ์ไว้ของญี่ปุ่น

สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองนี้ก็คือ Shinkoro หรือหอนาฬิกาไม้โบราณขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นสังเกตได้จากฝาท่อประจำเมืองที่ใช้ภาพของหอนาฬิกามาเป็นตัวแทน หอนาฬิกานี้สร้างขึ้นในยุคเมจิเมื่อปี ค.ศ. 1871

เดิมทีเป็นหอสังเกตการณ์ข้าศึกซึ่งภายในมีห้องสำหรับลั่นกลอง ชื่อของนาฬิกาไม้หมายถึง “หอกลองแปดนาฬิกา” นี่เป็นการอ้างอิงถึงระบบเวลาเก่าของญี่ปุ่น ในอดีตกลองจะตีเพื่อเรียกผู้คนไปที่ปราสาทเพื่อทำงานและส่งสัญญาณให้ธุรกิจในเมืองเริ่มเวลาทำงานแล้ว โดยจะมีการลั่นกลองเพื่อบอกเวลาทุกๆ 1 ชั่วโมง

ต่อมาในปี ค.ศ. 1881 นายแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งเปิดกิจการอยู่ในเมืองได้ล้มป่วยลง ชาวเมืองช่วยกันอธิษฐานขอพรให้เขาหายป่วย และเมื่อหายดีเขาจึงบริจาคนาฬิกาเชิงกลเรือนใหญ่นำเข้าจากประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจของชาวเมือง หินบริเวณที่ตั้งหอนาฬิกาแห่งนี้เป็นหินชนิดเดียวกับที่ใช้สร้างปราสาทอิซุชิ ปัจจุบันนาฬิกาไม้แห่งนี้ยังคงใช้งานอยู่แต่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่อยู่บนหอนาฬิกาปัจจุบันถูกเปลี่ยนมาเป็นเรือนที่ 3 แล้ว

“อีกจุดท่องเที่ยวหนึ่งของเมืองคือ ซากปราสาทอิซุชิ (Izushi Castle Ruins) แต่เดิมปราสาทแห่งนี้มีชื่อว่า ปราสาทอะริโกะยะมะ (Arikoyama Castle) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1504 ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาอะริโกะยะมะ ใช้เพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ข้าศึกในสมัยอดีต เป็นของครอบครัวยามะนะ (Yamana)ขุนนางผู้มีอิทธิพลแห่งยุคมุโระมะจิ อาศัยอยู่ที่ปราสาท Konosumi ในปี ค.ศ. 1569 ปราสาทได้ถูกโจมตี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1604 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทำลายลง หลงเหลือไว้เพียงบางส่วนและซากปรักหักพัง ท่านโคอิเดะขุนนางแห่งยุคเอโดะตอนต้น เป็นผู้ครอบครองปราสาทขณะนั้นได้ยกเลิกการใช้งานปราสาทอะริโกะยะมะ และสร้างปราสาทแห่งใหม่ขึ้นมาที่เชิงเขา

ภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทอิซุชิช่วงยุคสมัยเมจิ ผลพวงจากการปฏิรูปประเทศทำให้ปราสาทต่างๆ ตกอยู่ภายใต้การดูแลของฝ่ายทหาร ซึ่งทางทหารไม่สามารถดูแลปราสาททั้งหมดได้ จึงมีคำสั่งให้รักษาคงไว้เฉพาะปราสาทที่จำเป็นต้องใช้เป็นป้อมปราการส่วนปราสาทที่ทางทหารไม่จำเป็นต้องใช้ในการรบก็ไม่ได้รับการดูแลและถูกทำลายลงไปจากนั้นจึงได้มีการบูรณะบางส่วน เช่น หอคอย, กำแพงหิน, คูน้ำ, ประตูและส่วนของสะพานไม้ที่บรรดาซามูไรจะใช้เพื่อข้ามขึ้นไปยังตัวปราสาทด้านบนจะมีศาลเจ้า สังเกตได้จากเสาโทริอิสีแดงตั้งเรียงรายเป็นระเบียบ

ปัจจุบันที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักกันดีเนื่องจากตั้งอยู่ที่เชิงเขาเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นและสัมผัสประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งของเมืองปราสาทอิซุชิ นักท่องเที่ยวสามารถชมความสวยงามของทิวทัศน์ของเมืองปราสาท ซึ่งใกล้กับปราสาทคือ Arikoyamainari เป็นบันไดหินที่เรียงรายลอดผ่านประตูโทริอิสีแดงที่สวยงามตลอดทางขึ้นไปยังศาลเจ้าที่อยู่ด้านบน

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเมื่อดอกซากุระบานเต็มพื้นที่จะได้วิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากเมืองปราสาทของอิซุชิได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเขตสงวนที่สำคัญของประเทศ และมีชื่อเรียกว่าเมืองเกียวโตขนาดเล็กของพื้นที่ทาจิมะ (LittleKyoto in Tajima)

หลังจากดูปราสาทเราไปเดินเล่นในตัวเมืองเก่ากัน ร้านค้าและบ้านเรือนยังเป็นลักษณะในแบบโบราณ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองปราสาท บ้านเมืองที่อยู่รอบๆ ปราสาทมีผังเมืองเป็นแบบตารางหมากรุก สถานที่ท่องเที่ยวเด่นนอกจากหอนาฬิกา คือโรงละครอิซุชิ เอะอิระกุคัง (Izushi Eirakukan) โรงละครแห่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในภูมิภาคคินกิ สร้างในปี 1901 ระหว่างยุคเมจิ สถานที่แห่งนี้เป็นอาคารโรงละครที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นโครงสร้างเป็นไม้ทั้งหลัง ปัจจุบันยังคงมีการจัดแสดง อย่างเช่นคาบูกิเคียวเก็น (ละครสุขนาฏกรรมชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น) และราคุโกะ (การเล่าเรื่องตลกขบขัน)

และที่พิเศษคือ ที่โรงละครแห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถชมโรงละครได้ถึงหลังเวที สามารถชมห้องแต่งตัวนักแสดง รวมถึงระบบควบคุมการแสดงที่เป็นแบบญี่ปุ่นเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็น ใต้ถุนเวที ทางเดินนักแสดงพาดผ่านแถวที่นั่งของผู้ชม เพื่อให้ผู้ชมสามารถชมการแสดงได้อย่างชัดเจน และลิฟต์แบบโบราณ

พื้นบริเวณกลางเวทีสามารถหมุนได้หรือใช้ในการเปลี่ยนฉาก ทำให้เราสามารถมองได้จากรอบทิศทาง นอกจากนั้นที่นั่งของผู้ชมมีลักษณะเอียงทำให้ผู้ชมทุกคน สามารถชมการแสดงได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองอิซุชิ ก็คือการลองชิม “ซาระโซบะ” ชื่อดังของเมืองนี้หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ อิซุชิโซบะ (Izushi Soba)โซบะแบบต้นตำหรับรับประทานกับซุปดาชิ, ต้นหอม, วาซาบิ ต่อด้วยตอกไข่ออนเซ็นลงในซุป ปิดท้ายด้วยโทโรโรอิโมะ (Tororo Imo) มันป่าที่นำมาบดและกวนจนยืดเหนียว โดยมีวิธีการเสิร์ฟที่แปลกไปจากที่อื่น คือปริมาณเส้นโซบะ 1 คนรับประทานจะแบ่งเส้นโซบะเป็น 5 จานเล็กๆ จนมีคำเปรียบเปรยว่าถ้าหากใครสามารถรับประทานโซบะจนเรียงจานเท่าความสูงของตะเกียบได้นั่นคือคุณได้รับประทานอาหารแบบผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยแล้ว

ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่า เมืองเล็กเช่นนี้ มีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย หากมีโอกาสผ่านไปทางคันไซ (คันกิ) แนะนำให้ไปเที่ยวกันได้ เดินทางไม่ไกลจากเมืองหลักอย่างโอซาก้าหรือเกียวโตมากนักด้วย

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0