The Amazing Day in Torres Del Paine หนึ่งวันมหัศจรรย์ที่อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปเน่ ปาตาโกเนีย

Story & Photo เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง

ปาตาโกเนีย (Patagonia) เป็นหนึ่งในคำตอบที่ฉันมักใช้ตอบคำถามเกี่ยวกับ “สถานที่ในฝัน” ภาพความงดงามของธรรมชาติที่รวมเอาภูเขา ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ และธารน้ำแข็ง มาผสมผสานกันอย่างลงตัวดั่งดินแดนสวรรค์ ปาตาโกเนียครอบคลุมพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศอาร์เจนตินาและชิลี ฉันเริ่มต้นการเดินทางสู่ดินแดนในฝัน “ปาตาโกเนีย” จากทางฝั่งประเทศอาร์เจนตินา นั่งรถบัสข้ามชายแดนมุ่งหน้าสู่เมืองปูเอร์โต้ นาตัลเลส (Puerto Natales) ประเทศชิลี

Pueto Natales1

เป้าหมายของการมาที่นี่คือ อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปเน่ (Parque Nacional Torres Del Paine) ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งปาตาโกเนีย” ที่ครอบคลุมพื้นที่ภูเขา ธารน้ำแข็ง ทะเลสาบ แม่น้ำ น้ำตก รวมทั้งมีความสมบูรณ์และหลากหลายของพืชพรรณและสัตว์ป่า

Pueto Natales2

ถึงแม้ว่าฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยกับการเดินทางครั้งนี้มากแค่ไหน แต่ในใจก็แอบกังวล เพราะดินแดนสวรรค์แห่งนี้มีสภาพอากาศที่โหดร้ายและคาดเดาไม่ได้ ในหนึ่งวันเราอาจจะได้เจอทั้งแดด ฝน ลมแรง และหิมะ เหมือนอย่างที่ได้ประสบพบเจอมาแล้วหลายวันก่อนหน้านี้ ในขณะที่เดินเขาอยู่ทางฝั่งอาร์เจนตินา

Pueto Natales5

เมื่อมาถึงโฮสเทลที่จองไว้ล่วงหน้าในเมืองปูเอร์โต้ นาตัลเลส  ฉันสอบถามข้อมูลการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปเน่ และสภาพอากาศในวันพรุ่งนี้กับเจ้าหน้าที่โฮสเทล คำตอบที่ได้รับคือ “สภาพอากาศที่นี่ไม่ต้องเช็คเลย เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่พรุ่งนี้น่าจะพอไหวอยู่นะ” และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันจองทัวร์แบบเช้าไปเย็นกลับ (One day trip) เพื่อความสะดวกและลดความเสี่ยงหากสภาพอากาศไม่เป็นใจ

Pueto Natales3

ความจริงแล้วในอุทยานฯนี้มีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย เช่น การเดินเขา ปีนเขา พายเรือคายัค ล่องเรือชมทะเลสาบ ขี่ม้า เดินบนธารน้ำแข็ง และในจำนวนเส้นทางเดินป่าในเขตปาตาโกเนีย เส้นทาง W หรือ W Circus (ที่ถูกเรียกว่า W เพราะมีรูปปทรงเป็นตัว W) ในอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปเน่ เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเป็นเส้นทางที่ฉันอยากมาพิชิตสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่เนื่องด้วยเวลาจำกัดและช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมกับการเดินเขายาวนานถึง 4-5 วัน ฉันจึงตัดใจรวบรัดโดยการนั่งรถเที่ยวรอบๆ อุทยานฯ กับบริษัททัวร์

Pueto Natales4

หลังจากนั่งรถบัสมาหลายชั่วโมง ฉันปล่อยให้วันแรกที่ปูเอร์โต้ นาตัลเลสเป็นวันสบายๆ พอมีเวลาออกไปเดินเล่นสำรวจเมืองก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ปูเอร์โต้ นาตัลเลสเป็นเมืองเล็กๆแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวครบครัน บ้านเรือนของชาวประมงสีสันสดใส วิวทะเลสาบที่มีภูเขาเป็นฉากหลัง บรรยากาศยามเย็นชวนให้ผ่อนคลายสบายใจ ผู้คนใจดีเป็นมิตร และมีร้านอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ ให้เลือกหลายร้าน

Pueto Natales6

รถตู้ของบริษัท Patagonia Adventure พร้อมไกด์ที่พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาสเปนมารับที่โฮสเทลตั้งแต่แปดโมงเช้า ระยะเวลาจากเมืองปูเอร์โต้ นาตัลเลส ไปยังอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปเน่ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง วิวสองข้างทางเป็นภูเขาเตี้ยๆ และทุ่งหญ้าให้ได้มองเพลินๆ

Torres2

แต่เมื่อเริ่มเข้าเขตอุทยานฯในครึ่งชั่วโมงสุดท้าย จะได้เห็นแนวเทือกเขาไปเน่สีน้ำตาลผสมสีน้ำเงินเข้มสูงตระหง่านโดดเด่น ตอนนี้ความตื่นเต้นเริ่มเข้ามา มองฟ้าครึ้มๆ นอกหน้าต่าง

Torres7

ฉันอธิษฐานในใจว่า ขอให้อากาศเป็นใจ แต่เมื่อมองไปยังแกงค์คุณลุงคุณป้าชาวชิลีผู้ร่วมทัวร์มาด้วยกัน พวกเขาดูมีความสุข ตื่นเต้น สนุกสนาน ไม่ได้กังวลกับสภาวะเมฆครึ้มเบื้องหน้า ก็ได้เตือนสติฉันว่า ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ สิ่งที่ควบคุมได้มีเพียงทัศนคติของตัวเราเอง และฉันก็เดินทางมาไกลถึงที่นี่แล้ว ฉันควรมีความสุขกับการเดินทางและประสบการณ์ที่ตัวเองจะได้รับระหว่างทาง มากกว่าความกังวลที่จะได้ภาพถ่ายสวยๆ ไปอวดใครๆ

Torres9

พอเริ่มเข้าเขตอุทยานฯ ถนนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นถนนกรวด ฝุ่นตลบอบอวล ทัวร์จะขับรถไปเรื่อยๆบนถนนเส้นหลักเมื่อถึงจุดชมวิวสำคัญก็จะให้เราได้ลงไปเดินเล่นถ่ายรูป บางจุดจะมีเส้นทางให้เทรคกิ้งชมวิวแบบสั้นๆ ระหว่างทางจะได้เห็นตัวกัวนาโค (Guanaco) พระเอกประจำอุทยานฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สายพันธ์อูฐแห่งทวีปอเมริกาใต้ เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเขตที่ราบสูงบนเทือกเขาแอนดีสที่มีหน้าตาคล้ายกับตัวลามะ ออกมาเดินเล่นโชว์ตัวเยอะมากทั้งในระยะใกล้และระยะไกล

Torres6

วิวแรกที่ได้เห็นคือ เทือกเขา Cordillera Del Paine ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุทยานฯและเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ แค่วิวแรกก็เอาหัวใจไปแล้ว จุดแรกที่ได้แวะคือ Lago Nordenskjold ที่ได้เห็นยอดเขาแกรนิตสามยอด ได้แก่ ยอด Torre Sur, Torre Central และ Torre Norte หรือที่รู้จักกันในนาม Three Tower ได้ชัดเจน ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงมากของอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปเน่ จนเคยได้รับการจัดอันดับจาก National Geographic ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดในโลกอันดับห้าเลยทีเดียว

Torres3

จากนั้นรถก็ขับไปต่อบนเส้นทางเรียบทะเลสาบ Lake Azul ระหว่างทางมีลำธารและน้ำตกเล็กๆ มากมาย ท้องฟ้ายังคงขมุกขมัว แล้วเราก็ได้หยุดชมวิวกันอีกครั้งที่บริเวณน้ำตกซอลโต้ แกรนเด (Salto Grande Waterfall) จากจุดนี้จะมีเส้นทางเทรคกิ้งสั้นๆ ไปที่ Mirador Los Cuesnos เพื่อชมวิวของ Horn of Paine ได้ใกล้ชิดมากขึ้น ฉันเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมทริป ถึงแม้จะมีกำแพงภาษาเป็นอุปสรรคในการสื่อสารกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสร้างมิตรภาพระหว่างการเดินทางเลย เราผลัดกันเป็นตากล้องถ่ายภาพคู่กับวิวสวยๆ กันอย่างสนุกสนาน

Torres5

หลังจากนั้นก็แวะทานอาหารเที่ยงกันที่บริเวณแคมปิ้งริมทะเลสาบ Lake Pehoe ซึ่งลูกทัวร์ต้องเตรียมอาหารกันมาเอง อาหารราคาหลักสิบแต่มีวิวระดับหลักล้านให้ได้ชม ทะเลสาบสีฟ้ากับภูเขาแสนสวยที่เป็นฉากหลัง ทำให้อาหารกล่องมื้อนั้นอร่อยเป็นพิเศษ

Torres8

ก่อนที่ทัวร์จะพาไปยังอีกหนึ่งไฮไลต์ นั่นก็คือ Grey Lake หรือ Lago Grey เพื่อเดินเล่นชมธารน้ำแข็ง (Glacier) ที่นี่เราได้เวลาอิสระหนึ่งชั่วโมง ฝนตกปรอยๆ ลมพัดแรง ฉันเดินต้านลมแรงแทบไม่ไหว คลื่นในทะเลสาบซัดสาดยังกับคลื่นในทะเล หลายคนถอดใจขอนั่งมองธารน้ำแข็งและทะเลสาบอยู่ไกลๆ แต่ฉันฝืนเดินต้านลมเข้าไปใกล้ทะเลสาบให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ธารน้ำแข็งถูกลมแรงพัดกระจัดกระจายในทะลสาบ แต่เราก็ยังพอได้เห็นก้อนน้ำแข็งสีฟ้าสวยลอยเด่นตัดกับน้ำทะเลสาบสีเทาหลายก้อนทีเดียว บ้างก็มีก้อนน้ำแข็งใสแจ๋วหลากรูปทรงถูกคลื่นน้ำพัดมาเกยอยู่บนชายฝั่งของทะเลสาบ นับเป็นอีกภาพมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ฉันไม่เคยได้เห็นที่ไหนมาก่อนในชีวิต ฝนเริ่มตกกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ฉันเลยถอดใจรีบเดินต้านลมฝนกลับไปขึ้นรถ

Torres12

จุดสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ คือ การแวะเที่ยวถ้ำ Milodon Cave ซึ่งเป็นถ้ำที่มีความสำคัญที่สุดของอุทยานฯ เนื่องจากเคยมีนักสำรวจไปค้นพบชิ้นส่วนของมีโลดอน (Mylodon) ในปี 1896 ซึ่งเป็นสัตว์สูญพันธุ์มากกว่าหมื่นปีแล้ว ปัจจุบันจึงมีการทำหุ่นปั้นของมีโลดอนอยู่ในบริเวณถ้ำด้วย แม้ตัวถ้ำจะไม่ได้สวยงามมากมายนัก แต่วิวธรรมชาติรอบๆ ก็ชวนให้เดินเล่นได้อย่างเพลิดเพลินใจ

Torres10

ฉันบอกลาอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปเน่อย่างอ้อยอิ่ง ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับไปเมืองปูเอร์โต้ นาตัลเลส นั่งมองยอดเขาหินสูงเสียดฟ้าที่สามารถเห็นได้จากทุกมุมในอุทยานฯ เท่าที่ฉันเคยเดินทางไปเยือนภูเขามาหลายประเทศ ฉันอยากยกตำแหน่งให้ที่นี่เป็น “ราชาแห่งขุนเขา” ทะเลสาบสีไพลินเบื้องหน้ายอดเขาสวยกลายเป็น “ภาพจำ” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงแค่ภาพฝัน ฉันกล่าวขอบคุณตัวเองในใจและอะไรก็ตามที่ทำให้ฉันมีโอกาสได้เดินทางสู่เส้นทางในฝันแห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคและสภาพอากาศที่แปรปรวนเกือบตลอดการเดินทาง แต่หนึ่งวันมหัศจรรย์ที่นี่คือ รางวัลสำหรับชีวิต

Torres4

ข้อมูลเพิ่มเติม
– การเดินทาง สามารถบินไปลงที่เมืองเอล กาลาฟัทเต้ (El Calafate) ประเทศอาร์เจนตินา หรือเมืองปุนตาส อาเรนาส (Puntas Arenas) ประเทศชิลี หากเดินทางมาจากเมืองเอล กาลาฟัทเต้ นั่งรถบัสไปยังเมืองปูเอร์โต้ นาตัลเลส ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง จากเมืองปุนตาส อาเรนาส นั่งรถบัสไปยังเมืองปูเอร์โต้ นาตัลเลส ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งมีบริษัทรถและเวลาให้เลือกเยอะ เช่น Bus Sur, Bus Fernandez และ Buses Pacheco
– การนั่งรถเที่ยวชมรอบอุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปเน่ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวไม่มาก และเหมาะทุกเพศ ทุกวัย ใช้เวลารวมทั้งหมดประมาณ 10-11 ชั่วโมง ราคาทัวร์ไม่แพงมากอยู่ที่คนละ USD$45
– ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุทยานฯ www.torresdelpaine.com

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0