Thonglor Art & Architecture ทองหล่อ ศิลปะและสถาปัตยกรรม

เรื่องและภาพโดย ทีมงาน Vacationist

ถนนสุขุมวิท 55 หรือซอยทองหล่อ เป็นถนนเส้นที่หลายคนรู้จักกันดีว่าเป็นย่านที่มีร้านค้าและคอมมูนิตี้หล่อเก๋ๆ หลายแห่ง และหากคุณมีเวลา 1 วันที่ทองหล่อมีจุดไหนน่าสนใจบ้างตามไปดูกัน

ย้อนไปเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ย่านทองหล่อหรือสุขุมวิท 55 เคยเป็นสถานที่ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นเคลื่อนผ่านและตั้งฐานทัพ โดยเมื่อปี พ.ศ. 2503 ยังเป็นถนนสายเล็กและมีคลองขนาบทั้งสองข้างทาง จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2523 มีการขยายเพิ่มเป็นหกช่องจราจร พร้อมทั้งปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบ ต่อมาเมื่อมีการสร้างรถไฟฟ้าในช่วงแรก ทองหล่อยังไม่บูมมาก เพิ่งมาบูมสุดเอาเมื่อ ปี พ.ศ. 2553 ที่เริ่มเห็นคอนโดมิเนียม และร้านค้ามากมายเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในย่านนี้

ปัจจุบันนอกจากทองหล่อจะเป็นในหนึ่งถนนสายประวัติศาสตร์แล้ว ที่นี่ยังเป็นถนนสายเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพฯ อีกด้วยเป็นถนนสุดฮอตที่เต็มไปด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร คอนโดมิเนียม ที่พักอาศัย ที่เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะโดยเฉพาะสินค้า ร้านอาหารหรือบริการญี่ปุ่น

ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่โหมกระหน่ำทองหล่อ ทำให้ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจอีกหลายจุดโดยเฉพาะคอมมูนิตี้หรือไลฟ์สไตล์มอลล์ รวมไปถึงแกลลอรี่เล็กที่ซ่อนตัวอยู่ ไปเพลิดเพลินกับย่านทองหล่อในย่านที่คุ้นเคยในอีกมุมกัน

พาเลท อาร์ทสเปซ (Palette Artspaces)
เริ่มต้นจากต้นซอยทองหล่อลงรถไฟฟ้ามาเจอเลย พาเลท อาร์ทสเปซ (Palette Artspace) เป็นทั้งคาแฟ่และแกลอรี่ ที่สะดวกมากอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า สถานีทองหล่อเลย โดดเด่นด้วยโทนสีขาว น้ำตาลเอริ์ธโทนคล้ายร้านคาเฟ่ของญี่ปุ่น ที่ด้านหน้าบ้านกรุกระจกใสทั้งบานรวมไปถึงประตู เพื่อเปิดให้คนที่เดินผ่านไปมาได้เห็นบรรยากาศที่แสนรื่นรมย์และน่าแวะเข้าไปนั่ง

มองเข้าไปดีๆ คุณก็จะเห็นงานศิลปะบางชิ้นอยู่บนผนังฝั่งหนึ่งโดยมีต้นไม้บ้างบางจุดเพื่อบังสายตาและความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ที่อยู่ในด้านใน

ทางร้านจะแบ่งออกเป็นโซน ได้แก่โซน Milkbar ที่ชั้น 1 ของร้านจะเปิดเป็นร้านกาแฟ และมีเมนูอาหารเช้า หรืออาหารจานเดียวให้บริการ ด้านข้างเคาท์เตอร์มีจัดจำหน่ายสินค้าที่เป็นงานศิลปะจากศิลปินที่มาฝากไว้

ชั้น 2 มีที่นั่งสไตล์ญี่ปุ่น ไว้สำหรับทำกิจกรรม Workshop ได้ ไฮไลต์เด็ดของที่นี่อยู่บริเวณ  ชั้น 3 และ 4 ของอาคารซึ่งเป็นโซน Artspace ซึ่งเป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะของทั้งศิลปินอาชีพ นักศึกษา หรือแม้กระทั่งเหล่าศิลปินหน้าใหม่ที่อยากจะแสดงผลงาน

ซึ่งเกิดจากความชื่นชอบในงานการสะสมและชื่นชมงานศิลปะของคุณพ่อของเจ้าของร้าน จากที่ศิลปินมีพื้นที่การแสดงงานน้อย ที่นี่จะเปิดโอกาสให้ศิลปินไทย และต่างประเทศ ได้แวะเวียนมาแสดงงาน โดยที่ไม่เจาะจงประเภทของผลงาน

ศิลปินทุกคนสามารถส่งมาให้ทางร้านพิจารณาและจัดสรรงานแสดงได้ทุกช่องทางติดต่อต่างๆ ของทางร้าน เป็นสถานที่ทีมอบความสุนทรียภาพ อรรถรส ความเพลิดเพลิน และความสุข ให้แก่ผู้ชม และนักสะสมทุกท่าน


Green Lantern Museum & Gallery
หากพาเลท อาร์ทสเปซเน้นที่ความโปร่ง ใส โล่ง ที่ Green Lantern Museum & Gallery ก็จะลึกลับหน่อย ลงรถไฟฟ้าทางออก 3 เหมือนกัน ร้านตั้งอยู่ ในซอยเล็กๆ ระหว่าง Palette Artspace และ ร้านถ่ายรูปจ๊อกแจ๊ก

ต้องสังเกตดีๆ คุณจะเห็นร้านที่มีประตูสีเขียวซ่อนตัวอยู่ หลังจากเปิดประตูสีเขียวบานเล็กเข้าไปคุณจะเห็นผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใส เห็นใบไม้สีเขียวด้านนอก ผนังอีกด้านเป็นปูนกระแทก เห็นอิฐปลือยบางส่วน เฟอร์นิเจอร์เน้นโทนสีน้ำตาลเข้ม ให้อารมณ์ที่เข้มข้นกว่าอีกร้าน

บริเวณด้านล่างที่ชั้น 1 เปิดเป็นเคาท์เตอร์จำหน่ายเครื่องดื่มปกติ เช่น ชา กาแฟ นอกจากนั้นมีแอลกฮอลล์จำหน่ายในบางเวลา แต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทางร้านงดจำหน่าย

ชั้น 2 และชั้น 3 เป็นส่วนจัดแสดงงานศิลปะสำหรับช่วงนี้มีงานแสดง erotic art จัดแสดงอยู่ หากเดินทะลุเคาท์เตอร์จำหน่ายเครื่องดื่มเขาไป

คุณจะเห็นงานประติมากรรมกินรีอยู่ระหว่างทางขึ้นบันไดชั้น 2 สวยงามมาก

ชั้น 2 มีการจัดแสดงภาพบนพื้นผนังสีแดงจัด ชั้นบนสุดชั้น 3 เป็นคล้ายกับดาดฟ้าเปิดโล่งมีหลังคากันแดดฝน

มีงานภาพวาดสวยประกอบอยู่ตามจุดต่างๆ มีตั่งโต๊ะขนาดใหญ่ไว้สำหรับนั่งพัก สำหรับศิลปินที่มีมาจัดแสดงงานก็มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป

EI8HT THONGLOR หรือ Eight Thonglor
เข้าซอยทองหล่อเข้ามา คุณจะเริ่มเห็นร้านค้าร้านอาหารอยู่ทางซ้ายมือเต็มไปหมด พร้อมกันนั้นก็จะมีคอนโดมิเนียม โรงแรม แต่เรามุ่งตรงต่อไปที่ทองหล่อ ซอย 8 มีไลฟ์สไตล์มอลล์ที่มีรูปแบบทันสมัยแต่ดูคลาสสิคตั้งอยู่ภายในบริเวณของที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ที่ชื่อ Eight Thonglor Residences ตัวนี้เรียกว่า EI8HT THONGLOR หรือ Eight Thonglor ส่วนหน้าของอาคาร (Facade ) ตกแต่งเป็นริ้วคลื่นคล้ายกับความพริ้วไหวของผืนผ้าบนรันเวย์แฟชั่น แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ทันสมัยไปในตัว ภายในเน้นโทนน้ำตาล ขาว ครีม มีแต่งทองในบางจุดให้ความรู้สึกหรูหรา มีระดับ

ภายในอาคารส่วนของพลาซ่า แบ่งเป็น 3 ชั้น (ชั้น G, ชั้น LG, ชั้น B) ซึ่งประกอบด้วยร้านค้ามากกว่า 40 แห่งทั้งร้านเสื้อผ้าแฟชั่นดีไซเนอร์ไทยและต่างประเทศ ร้านอาหารไทย ญี่ปุ่น อินเดีย จีน ร้านขนม ร้านไวน์ จากแบรนด์ดังหลากสไตล์ซึ่งคุณสามารถลิ้มรสอาหารไทยสไตล์โฮมเมดได้

อย่างเช่นที่ร้านสราญ (Sran) ถือว่าเป็นร้านอาหารไทยที่ผสมผสานส่วนผสมที่ดีอย่างชาญฉลาดเรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยรสชาติ พร้อมบรรยากาศการตกแต่งที่เก๋ไก๋ด้วยการผสมผสานแผ่นเสียงเช้ากับอุปกรณ์ครัวของไทยเช่น กาน้ำหรือปิ่นโต

อาหารแนะนำเช่น ช้าวคลุกน้ำพริก ข้าวผัดมันกุ้ง เป็นต้น

ข้างๆ ติดกันเป็นร้าน 8 MUSIQUE ที่จำหน่ายแผ่นเสียงสำหรับคนรักดนตรีมีอัลบัมเพลงทั้งใหม่และอัลบัมคลาสสิคหาได้ยากทั้งแบบซีดีและแผ่นเพลง 

สำหรับคนที่ชื่นชอบชาหรือเบอเกอรี่หอมกรุ่นแล้วล่ะก็ ต้องร้าน Paul Bakery ร้านเบเกอรี่ชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศสที่สร้างความประทับใจให้กับคนทั่วโลกมาแล้วกว่า 129 ปี ได้ขยายความอร่อยในคอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุด ‘Grab & Go Cafe’ สาขาแรกที่ Eight Thonglor หรือร้านคาเฟ่แนวธรรมชาติอย่าง The Blooming Gallery เหมือนกำลังจิบชา กินอาหารท่ามกลางต้นไม้ดอกไม้ในเรือนกระจกบรรยากาศชนบทอังกฤษแต่อยู่ในใจกลางเมืองอย่างทองหล่อ

นอกจากร้านอาหาร ร้านขนมแล้ว ที่นี่ยังสตูดิโอโยคะร้านเสริมความงามทั้งชายและหญิงแบบครบวงจร จนถึงซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดบริเวณตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้บรรยากาศความเป็นส่วนตัว สะดวกสบาย ตอบโจทย์ความต้องการของไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีระดับอย่างแท้จริง

J Avenue
หากจะพูดถึงไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งแรกในประเทศไทย ต้องยกให้กับที่นี่ เจ เอเวนิว (J Avenue) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซอยทองหล่อ 15 เป็นโครงการในรูปแบบเอาท์ดอร์ที่แตกต่างจากห้างสรรพสินค้าในยุคนั้นเพราะที่นี่เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ที่คุณสามารถสัมบรรยากาศธรรมชาติรอบข้างได้อย่างเต็มที่ และข้อดีของเจ เอเวนิว คือ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งโดดเด่น นอกจากจะให้ร่มเงาแล้วยังให้ความสดชื่นได้ตลอดทั้งปี อาคารด้านล่างโดยรอบเป็นอาคารกระจกแบบ (Glass House) เปิดให้เห็นบรรยากาศของแต่ละร้านอาหาร

ภายในอาคารแบ่งเป็น 4 ชั้น มีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้า ธนาคา คลินิกความงาม ร้านอาหารชั้น 2 จะเน้นร้านอาหารญี่ปุ่น เพื่อรองรับลูกค้าสัญชาติญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นเป็นส่วนใหญ่

คาเฟ่จะเป็นสไตล์เทรนดี้คาเฟ่ (Trendy Café ) ชั้นนำมากมายให้ด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ด้วยความที่ขนาดพื้นที่ไม่มากพอที่จะมีโรงภาพยนตร์ J Avenue ทองหล่อจึงนำเสนอความบันเทิงในรูปแบบลานโบว์ลิ่งจากเมเจอร์โบว์ล

72 COURTYARD
ไลฟ์สไตล์มอลล์ที่ถือได้ว่ามีดีไซน์ที่เก๋ไก๋ทีเดียว เป็นอาคารกล่องตึกทึบ 2 กล่องว่าเคียงข้างกัน ความสูง 3 ชั้น ด้วยการออกแบบส่วนหน้าของอาคาร (Facade) เป็นตึกปิดทึบทำให้อาคารดูมีความลึกลับและดึงดูดสายตา สำหรับผู้ที่เดินผ่านได้มาทางเดินขึ้นตรงกลาง

ระหว่างของกล่องตึก ออกแบบเป็นเหมือนตัดคว้านตรงกลางออก ไม่ได้ตัดแบ่งแบบสมมาตรแต่บิดองศาเล็กนอ้ยเพื่อ เป็นช่องตัดตามแนวของอาคาร เกิดเป็นช่องทางเชิญชวนให้เข้าไปสำรวจพื้นที่ด้านใน พื้นผิวอาคารที่เป็น Terrazzo มีความพิเศษคือ ช่วงแดดจ้าอาคารจะเป็นสีเทาดำ แต่พอตกดึกก็จะกลืนเป็นสีเดียวกับท้องฟ้า แต่งานไฟไลท์ติ้งด้านหน้าอาคารจะส่องประกายให้อาคารโดดเด่นขึ้น และเวลาหน้าฝน ตัวอาคารจะดำมันวาวขึ้นกว่าเดิม

ตัวอาคารมี 2 ชั้น ทางเดินชั้น 1สามารถเดินผ่านทะลุไปยังพื้นที่สีเขียวด้านในโครงการได้ ส่วนชั้น 2 มีทางเดินขึ้นได้จากด้านหน้าของโครงการขึ้นไปก็พบกับพื้นที่สีเขียวด้านบนชั้น 2 เช่นกัน พร้อมกันนั้นยังสามารถมองลงมาด้านล่างได้ ร้านค้า ร้านอาหารที่นี่ เริ่มแรกเปิดต้อนรับสำหรับผู้ที่ต้องการมาสังสรรค์ในช่วงเย็นย่ำค่ำคืน แต่ปัจจุบันเปิดขายตั้งแต่ช่วงกลางวันในบางร้าน

ร้านแนะนำ เช่น ร้านด้านหน้าโครงการเลย กับร้านอาหารแกสโตรสไตล์ญุี่ปุ่น Lucky Fish ที่รวมคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นในตอนกลางวันเข้าไว้ด้วยกันกับบาร์ญี่ปุ่น หรือ ‘อิซากายะ’ ในเวลากลางคืน ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หรือใครชอบฟังดนตรีแจ๊สและบลูส์ พร้อมกับจิบค็อกเทลรสเยี่ยมล่ะก็ต้อง EVIL MAN BLUES กับดีไซน์การตกแต่งแบบแกลมยุค 50-60 แต่ถ้าเป็นสายปาร์ตี้สังสรรค์แบบสนุกสุดเหวี่ยงทุกตารางนิ้ว ก็ที่ BEAM พรีเมียมไนต์คลับได้เลย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทุกรูปแบบการพักผ่อนสำหรับคนชอบสังสรรค์กันทีเดียว

The Commons
อยู่บริเวณด้านในซอยทองหล่อ 17 เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ ปูนเปลือยเปิดโล่ง ผิวอาคารและราวกันตกทำมาจากเหล็กฉีก กรีด พับให้สวยงามน่าสนใจ ข้อดีคือ ลมสามารถพัดเข้ามาได้ทุกทิศทางและยังเข้ากันกับบันไดไม้และพื้น ที่แม้จะเป็นไม้เทียมแต่ก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากไม้จริง

บันไดกลางค่อยๆ ไล่ขึ้นไปอย่างลงตัว โดยใน 2 ชั้นแรก (ชั้น M และชั้น 1) ออกแบบเป็นโถงโล่งกว้างสลับกับบันไดและที่นั่งที่ให้ความโปร่งโล่ง เสมือนว่าเป็นพื้นที่เดียวกัน เราสามารถมองเห็นหน้าร้านด้านบนได้ตั้งแต่อยู่ชั้นล่าง อีก 2 ชั้นด้านบนเป็นอาคารที่ชัดเจนตายตัวมากขึ้น เป็นเหมือนเพดานร่มเงากันแดดฝนให้ชั้นล่างเสริมแต่ละจุดด้วยต้นไม้ให้ความร่มรื่น เป็นทั้งพื้นที่กิจกรรมและการพบปะแบบใกล้ชิดธรรมชาติ คล้ายสวนหลังบ้านแต่อยู่ในแนวตั้ง

ภายในอาคารแบ่งเป็นร้านค้าร้านอาหารออกเป็น 4 โซนหลักกระจายอยู่ตาม 4 ชั้น ตามคอนเซ็ปต์ “Wholesome Living”การใช้ชีวิตอย่างใส่ใจสุขภาพ ชั้น M โซน Market มีร้านค้าหลากหลายประเภท ทั้งคาวหวาน หลากหลายชาติ เช่น กินอาหารญี่ปุ่นกับราเมง Hakata พิซซ่า Neapolitan pizza อาหารทะเลระดับท้อปอย่างล็อบสเตอร์ที่ร้าน The Lobster Lab เป็นต้น

ขยับไปชั้น 1 โซน Village เน้นขายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นร้านทำผม MJ Hair Studio ร้านทำเล็บ Allure Nail Boutique ร้านต้นไม้ดอกไม้อย่าง Plant House สินค้าออร์แกนิก Earth Mart

ส่วนชั้น 2 โซน Play Yard เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของทั้งเด็กและผู้ใหญ่อย่าง Little Pea หรือสตูดิโอสำหรับออกกำลังกายอย่าง Absolute You และบนสุดโซน Top Yard ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้า

นอกจากจะมี Cooking workshops แล้วยังมีสนามหญ้าเล็กๆ ให้สัมผัสธรรมชาติกันอีกด้วย ทางมอลล์มีการจัดวางชุดโต๊ะเก้าอี้บริเวณพื้นที่ส่วนกลางไว้รองรับกลุ่นคนที่ซื้ออาหารจากหลายร้านเพื่อมารับประทานร่วมกันเป็นความสัมพันธ์ที่ธรรมดาแต่แสนพิเศษ

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมและแกลอรี่ที่เติบโตอยู่ในย่านทองหล่อ และปัจจุบันเองก็ยังมีอาคาร สถานที่และสิ่งก่อสร้างมากมายที่ยังกำลังดำเนินการรอให้คุณไปค้นหาบนถนนสายที่ไม่หยุดเติบโตแห่งนี้

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0