ภูเก็ต เด็ดทุกฤดู

เรื่องโดย ทีมงาน Vacationist

เมื่อเอ่ยถึง “ภูเก็ต” ใครๆ ก็ล้วนแล้วแต่รู้จัก ไม่ว่าทั้งคนไทยหรือคนต่างชาติ “ไข่มุกอันดามัน สวรรค์แห่งเมืองใต้” แห่งนี้เป็นดินแดนที่ไม่เคยเงียบเหงา ทั้งยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม อาหารการกินที่หลากหลาย จึงไม่แปลกที่หลายคนมาแล้วก็ยังมาซ้ำๆ อยู่ร่ำไป แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมาภูเก็ตเลย ผมมีหลากหลายเส้นทางมาแนะนำให้ตามความชอบกันเลย

ชื่นชมธรรมชาติ
หาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลที่เปล่งประกายเป็นสีฟ้าครามสดใส ยิ่งในวันที่อากาศดีแล้ว ทะเลในแถบจังหวัดภูเก็ตถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักทะเลอย่างแท้จริง หาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ต คงหนีไม่พ้น หาดป่าตอง ต่อด้วยหาดกะตะ หาดกะรน หาดกมลาฯลฯ และยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยที่น่าสนใจรายล้อมเกาะภูเก็ตอีกหลายแห่ง

หาดป่าตอง เม็ดทรายที่ขาวละเอียด ตลอดแนวชายหาดกว่า 4 กิโลเมตร ล้อมรอบไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร โรงแรมที่พักตั้งแต่ราคาย่อมเยาไปจนราคาสูงลิบ ตามด้วยกิจกรรมแทบทุกรูปแบบทั้งบนบกและในน้ำ และมีจุดรับส่งนักท่องเที่ยวให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ถ้าเปรียบเป็นนางงาม หาดป่าตองคงได้รับรางวัล “ขวัญใจมหาชน” ไปโดยไม่มีข้อกังขา จากสนามบินภูเก็ตใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงก็สามารถมาถึงสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่หาดป่าตองได้

แต่ถ้าไม่ชอบความพลุกพล่านต้องการปลีกวิเวกแล้วละก็ ผมว่าหาดกะรน หรือ หาดในหานเหมาะสุด สำหรับหาดกะรนเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดในเกาะภูเก็ต อยู่ถัดจากหาดกะตะไปทางเหนือ มีเพียงเนินเขาเตี้ยๆ คั่นอยู่เท่านั้นเหนือชายหาด มีสนทะเล และต้นตาลขึ้นเรียงรายอยู่โดยทั่วไป บริเวณหาดมีเม็ดทรายที่ขาวและละเอียดมาก แต่จะมีคลื่นลมแรง จึงไม่เป็นที่นิยมในการเล่นน้ำมากนัก ทำให้คนน้อยไปโดยปริยาย

ในขณะที่หาดในหานเป็นหาดที่อยู่ ถัดจากแหลมพรหมเทพออกไปทางทิศเหนือ ใกล้หาดมีบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหนองหาน หาดทรายไม่ขาวมากแต่แลกมาด้วยปริมาณคนที่ไม่มาก จึงเงียบสงบและน่าพักผ่อนทีเดียว นอกจากนี้ยังมีหาดยอดนิยมอย่างหาดไม้ขาวที่จะเห็นเครื่องบินอย่างชัดเจน หรือหาดกะตะที่เป็นที่รู้จักกันดี

จุดชมวิว 3 อ่าว จากหาดในหานไปหาด กะตะน้อยตามเส้นทางถนนรอบเกาะ จุดชมวิว 3 อ่าวจะอยู่บนเขาระหว่าง 2 หาดนี้ เราจะมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามมากของเวิ้งอ่าวของหาดกะตะน้อย หาดกะตะ และหาดกะรน ที่มีลักษณะเป็นโค้งเสี้ยวพระจันทร์ติดต่อกัน 3 อ่าว มีลักษณะเป็นเนินเขาสูง ด้านบนมีศาลาเล็กๆ ให้ขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงหรือ bird’s eye view ให้อารมณ์และบรรยากาศที่ต่างกับการชมวิวหน้าหาดมากทีเดียวนักท่องเที่ยวนิยมมาแวะพักชมทิวทัศน์ที่นี่ก่อนไปชมพระอาทิตย์ตกที่ แหลมพรหมเทพ

จุดชมวิวแหลมพรหมเทพ “แหลมพรหมเทพ” จัดเป็นหนึ่งในจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในเมืองไทย หากใครไปภูเก็ตแล้วไม่ได้มาชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพถือว่า มาไม่ถึงภูเก็ตก็ว่าได้ ไม่ไกลจากจุดชมวิว 3 อ่าวมากนัก เป็นแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต ชาวบ้านเรียกว่าแหลมเจ้า

มีลักษณะเป็นแหลมโค้งไล่ระดับทอดตัวสู่ท้องทะเลเมื่อมายืนที่แหลมพรหมเทพมองออกไปที่ทะเลจะเห็นเกาะแก้วอยู่เบื้องหน้า และทางด้านขวาจะเป็นหาดในหาน ในช่วงเย็นๆ จะมีนักท่องเที่ยวทั้ง ชาวไทยและชาวต่างชาติ มานั่งจับกลุ่มเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกกันจำนวนมาก ซึ่งบางวันก็ได้เห็นภาพพระอาทิตย์ตกสวยๆ บางวันก็ได้ เห็นแต่ก้อนเมฆหนาๆ

สัมผัสวิถีชีวิตและเดินชมเมืองเก่า
ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2446 ภูเก็ตไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่นิยมอย่างเช่นทุกวันนี้ แต่เป็นศูนย์กลางของการทำเหมืองแร่ที่เติบโตอย่างกว้างขวางผู้คนทั้งชาวจีนและชาวตะวันตกต่างหลั่งไหลเข้ามาที่เมืองภูเก็ตเป็นจำนวนมาก

สิ่งที่ตามมาคือการตั้งรากฐานและใช้ชีวิตในเมืองภูเก็ต กลายเป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างจีนกับยุโรปได้อย่างลงตัว ที่เรียกว่าชิโนโปรตุกีส ชิโน (Sino) แปลว่าจีน ส่วนโปรตุกีส ก็คือ ประเทศโปรตุเกส รวมเป็นชิโนโปรตุกีส

วันเวลาผ่านไปรูปแบบของวัฒนธรรมและตึกรามบ้านช่องแบบตะวันตก และจีนจึงหลงเหลือเล่าขานเรื่องราวในอดีตอยู่ ตึกเก่าเหล่านี้กระจายยู่ทั่วตัวเมืองภูเก็ต สามารถเดินชมได้อย่างต่อเนื่อง

ถ้ามีเวลาจำกัด แนะนำให้มาที่ถนนถลางระยะทางตั้งแต่ถนนเยาวราชไปจนถึงถนนเทพกระษัตรี ประมาณ 400 เมตร มีบ้านชิโนโปรตุกีส ติดๆ กัน ทั้ง 2 ฝั่งถนน และยังสามารถเดินต่อเข้าไปที่ ซ.รมณีย์ด้วยก็ได้ หรือถ้ามีเวลาหน่อยสามารถไปดูแถวถนนกระบี่หรือถนนพังงาได้

หนึ่งในกิจกรรมที่จะเห็นภาพผู้คนพร้อมกับได้จับจ่ายใช้สอย คือการเดินตลาดนัดถนนคนเดิน ที่ภูเก็ตมีตลาดนัดถนนคนเดินมากมายหลายจุด ที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดียกตัวอย่างเช่นหลาดปล่อยของ “หลาด” เป็นภาษาใต้แปลว่าตลาดนั่นเอง หลาดปล่อยของคือ ตลาดปล่อยสินค้าที่มีทั้งแฟชั่น สินค้าทำมือ และงานศิลปะ ฯลฯ เปิดทุกวันพุธ – วันศุกร์ ตั้งแต่ 16.00 – 22.30 น.

หลาดใหญ่ ถนนคนเดินบริเวณย่านเมืองเก่าภูเก็ต เราสามารถ จับจ่ายใช้สอยไปพร้อมกับการเดินชมตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีสไปพร้อมๆ กัน แต่ตลาดนี้ จะมีเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้นวันธรรมดาจะเป็นถนนที่มีรถสัญจรปกติ เป็นที่นิยมของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ 16.00 – 22.00 น.

ไหว้พระทำบุญ
ปิดท้ายการท่องเที่ยวภูเก็ตด้วยการพาสายบุญไปบำเพ็ญบุญกุศลกันหน่อยเริ่มที่ วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต ถ้าใครมาภูเก็ตจะต้องมาแวะนมัสการ หลวงพ่อแช่ม แห่งวัดฉลอง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง

สำหรับเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ และคุณความดีของหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ในการเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้าน ในการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ (พวกจีนที่ก่อการกบฏ) โดยหลวงพ่อท่านได้มอบผ้าประเจียดสีขาวให้ชาวบ้านทุกคนโพกหัว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการต่อสู้ จนชนะพวกอั้งยี่ได้

ภายหลังรัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์แก่หลวงพ่อ แช่ม วัดฉลอง เป็นพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี ซึ่งท่านก็เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวภูเก็ตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นทีทราบกันโดยทั่วไป

นอกจากนั้นหลวงพ่อช่วง และหลวงพ่อเกลื้อม ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านมาก ซึ่งท่านทั้งสองมีชื่อเสียงการปรุงสมุนไพร และรักษาโรค

ถึงแม้ว่าปัจจุบันท่านจะมรณภาพไปแล้ว ก็ยังมีชาวบ้านที่มีเรื่องทุกข์ร้อน ก็จะไปกราบไหว้บนบานไม่ขาดสาย ดังนั้นเมื่อมาถึงวัดแล้ว จะได้ยินเสียงจุดประทัด แก้บนเป็นระยะๆ

วัดพระทอง หรือ วัดพระผุด เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงวัดหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต

วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปทองคำครึ่งองค์ ที่โผล่เพียงพระเกตุมาลา (ยอดเศียร) ขึ้นมาจากพื้นดินประมาณ 1 ศอก นามว่า “พระทอง” หรือ “พระผุด”

ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานใน “วิหารหลวงพ่อพระทอง” ซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือของอุโบสถ ว่ากันว่าใครทุกข์โศกไปกราบไหว้ก็สัมฤทธิผล ดลบันดาลให้ตามที่ปรารถนา นอกจากพระผุดแล้ว

ที่วัดแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ทางวัดจัดสร้างไว้ โดยรวบรวมวัตถุสิ่งของที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย บอกถึงวิถีชีวิตของชาวภูเก็ตสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี

พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือที่ชาวภูเก็ตเรียกกันว่า พระใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 25.45 เมตร สูง 45 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ผิวนอกบุด้วยหินอ่อนสีขาว พระพักตร์หันไปทางอ่าวฉลอง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 19 องศา

เป็นพระประธานของวัดกิตติสังฆาราม (วัดกะตะ) ตั้งอยู่บนเขานาคเกิด ซึ่งเป็นจุดที่สูงมาก ทำให้เราสามารถมองเห็นองค์พระได้จากหลายจุดของเมืองภูเก็ต การก่อสร้างองค์พระเกิดจากความร่วมมือร่วมใจบริจาคของประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ ในประเทศไทยรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก่อสร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสันติ

เส้นทางขึ้นไปไหว้พระจะชันนิดหน่อย แต่ไม่ลำบากมากนัก แนะนำช่วงเย็นๆ คุณจะได้เห็นวิวภูเก็ต ได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าคุณจะเป็นสายธรรมชาติ สายช้อป หรือสายบุญ มาภูเก็ตที่เดียวได้ครบแน่นอน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0