White Land – Fukui ที่เที่ยวฟุคุอิหน้าหนาว

Story & Photo by Orawan

เสียงร้องคำรามของเหล่าไดโนเสาร์น้อยใหญ่ด้านหน้าสถานีรถไฟฟุคุอิ (Fukui Station)  คือ เสียงแห่งการต้อนรับสู่เมืองฟุคุอิ (Fukui) เมืองที่ได้ขึ้นว่าเป็นเขตหิมะหนาแน่นที่สุดของประเทศญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง แม้ว่าการเดินทางในครั้งนี้ของฉันตามคำเชิญของการท่องเที่ยวฟุคุอิ จะไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ของฟุคุอิ (Fukui Prefectural Dinosaur Museum) ที่ได้ชื่อว่าเป็นไฮไลท์หลักของคนที่มาท่องเที่ยวที่นี่ก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจและเสียดายเลยที่ได้มาที่นี่ เพราะเอาแค่บรรยากาศตรงหน้าและการต้อนรับอันแสนอบอุ่น สวนทางกับอุณหภูมิติดลบกว่า 8-10 องศาแค่นี้ก็ประทับใจตั้งแต่แรกมาเยือนแล้วล่ะ

เส้นทางแห่งการชำระล้างจิตใจ

หลายคนอาจจะสงสัยอยู่ในใจว่า ถ้าไม่ได้ไปพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ของฟุคุอิแล้วฉันจะไปไหนได้อีก ฉันตอบเลยว่า ฟุคุอิมีที่เที่ยวอีกเยอะ ของกินอีกแยะ ที่อยากแนะนำคือ วัดและศาลเจ้า อย่าเพิ่งยี้กันไป วัดที่นี่มีอะไรดีๆ เยอะ อย่างเช่น ที่ศาลเจ้าเคยะคุโระทซึ (Keyakurotatsu Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ไม่ใหญ่มากนักแต่พลังงานล้นทีเดียว พลังงานที่ว่า คือ พลังงานที่ทำให้คนมีกำลังใจและทำให้ชีวิตดีขึ้น

Fukui4

ตามตำนานบอกเล่ากันมาว่า ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของเทพเจ้ามังกรดำตั้งแต่สมัยเฮอัน เทพองค์นี้สามารถควบคุมน้ำได้ ซึ่งทำให้เป็นที่เคารพของคนฟุคุอิซึ่งใกล้กับทะเล ภายในวัดจึงมีเหมือนพื้นที่ ที่เป็นเสมือนจุดที่สามารถรับพลังจากเทพเจ้าเข้าหาตัวเราได้เพื่อเป็นสิริมงคลตามความเชื่อส่วนบุคคล ทำให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากสำหรับชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวที่เดินทางกันมาที่นี่ เราสามารถนั่งรถบัสจากสถานีฟุคุอิมาลงที่ป้าย Keiukusu ได้

Fukui3

หลังจากรับพลังกันไปเรียบร้อย อีกหนึ่งสถานที่ชำระล้างจิตใจควรค่าแก่การเดินทางไปมากคือ วัดเอเฮจิ (Eiheiji Temple) ห่างจากตัวเมืองฟุคุอิประมาณ 15 กิโลเมตร ใช้เวลาการเดินทาง ประมาณ 30-45 นาที วัดแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1244 หรือเกือบ 770 ปีที่ผ่านมา ยุคคามากุระ โดย โดเกนเซนจิ (Dogen Zenji) นักวิชาการทางพุทธศาสนาที่นำโซโตะเซนเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในปี 1228 หลังจากที่ได้ศึกษาในประเทศจีนเป็นระยะเวลาหลายปี เป็นหนึ่งในวัดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาเซนนิกายโซโตะ (Soto Sect of Zen Buddhism) มานานกว่า 770 ปี ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของเป็นสถานที่ฝึกสมาธิชั้นเยี่ยม

Fukui7

โดยบริเวณรอบวัดที่แสนกว้างใหญ่ ท่ามกลางต้นสนอายุหลายร้อยปีและหิมะสีขาวโพลนที่ปกคลุมอยู่ เป็นหมู่อาคารน้อยใหญ่กว่า 70 หลัง เชื่อมต่อด้วยทางเดินเล็กๆ ไปมา วัดแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ศึกษาของพระเซนจำนวน 150-170 รูป แต่ในวันที่อากาศหนาวเหน็บประกอบด้วยความกว้างใหญ่ของพื้นที่เช่นนี้ ฉันจึงเห็นเพียงไม่กี่รูปเท่านั้น ความน่าสนใจของที่นี่นอกจากความกว้างใหญ่ของพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นห้องโถงกว่าขนาดเสื่อตาตามิปูกว่า 200 ผืน โดยปกติเสื่อตาตามิ 1 เสื่อมีความกว้างประมาณ 1.6 ตารางเมตร ถ้า 200 ผืนก็ลองคูณกันดู กว้างมาก บางห้องมีภาพวิวทิวทัศน์บนเพดานที่สวยงามจับใจกว่า 200 ภาพ เราเงยหน้าชม จนคอตั้งบ่า ปวดไปหมด

Fukui6

แต่หลังจากนั้นอยากให้ลองไปทำกิจกรรมนั่งสมาธิดู ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีคุณจะรู้จักตัวเองและผ่อนคลายมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก หรือจะร่วมกิจกรรมแบบค้างคืนที่วัดก็ย่อมได้ ทางวัดก็มีเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เข้ามาฝึกสมาธิและเรียนรู้ศาสนามากขึ้น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงบริเวณวัดก็เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี แต่ในยามฤดูหนาวเช่นนี้ ทางเดินที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวตัดกับสีน้ำตาลเข้มของตัวอาคารไม้เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อมีแสงลอดลงมากระทบ เป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก

Fukui5

และที่พลาดไม่ได้ หากคุณได้มาบริเวณวัดเอเฮจิแห่งนี้ นั่นก็คือ การลิ้มลองอาหารมังสวิรัติ (Shojin-ryori Buddhist Cuisine) อาหารเจที่วัตถุดิบทำจากผัก บริเวณร้านค้าใกล้วัดเอเฮจิ หน้าตาและรสชาติอร่อยจนลืมไปเลยว่า อาหารมื้อนี้ไม่ได้มีเนื้อสัตว์อย่างที่คุ้นเคยเลย

Fukui8

ประวัติศาสตร์และธรรมชาติ

จากวัดเอเฮจิ ฉันอยากให้แวะไปเยี่ยมชมที่ซากโบราณสถานตระกูล อิจิโจดานิ อาซากุระ (Ichijodani Asakura Clan Ruins) ประกอบไปด้วยซากปราสาท วัด และบ้านซามูไรภายใต้การดูแลของไดเมียวยุคเซนโคขุ (Sengoku) ชื่อว่า อาซากุระ เป็นเวลากว่า 103 ปี

Fukui9

แม้บ้านเรือนอาคารที่ถูกเผาทำลายไปบ้างในสมัยสงครามกลางเมือง เนื่องจากพ่ายแพ้สงครามแก่โอดะ โนบุนางะ แต่บางส่วนรวมถึงวัตถุโบราณอีกกว่า 2,343 ชนิดก็ยังคงสภาพที่สมบูรณ์อยู่ ทำให้ได้รับการยกย่องว่ามีคุณสมบัติที่เป็นสมบัติแห่งชาติถึง 3 ด้านได้แก่ทิวทัศน์สวยงาม, โบราณสถานพิเศษ, สถานที่ที่สำคัญทางวัฒนธรรม

Fukui10

ซึ่งมีเพียง 6 ที่ในญี่ปุ่นเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องใน 3 ด้านนี้พร้อมๆ กัน : ใน Kyoto วัด Kinkakuji, วัด Ginkakuji, วัด Daigojisanpoin, ใน Hiroshima ศาลเจ้า Itsukushima, ใน Nara Heijokyo และ Ichijodani.

Fukui11

ขนาดฉันมาช่วงหน้าหนาว หิมะก่อตัวเต็มไปหมด ยังอดทึ่งถึงความยิ่งใหญ่ และกว้างขวางของพื้นที่ไม่ได้

Fukui12

ระหว่างทางที่เดินทางกลับเข้าเมือง แม้ว่าสถาวะอากาศ ที่เต็มไปด้วยพายุหิมะ และหนาวเหน็บอย่างไร ฉันก็สามารถเชื่อมต่อกับผู้คนได้อย่างสะดวกสบาย เพราะการเดินทางครั้งนี้ ฉันเลือกใช้ pocket wifi ของ Tripizee Pocket WiFi ดูได้ว่าบรรยากาศรอบข้างหนาวมากแต่สัญญาณยังชัดเจนและแบตเตอรี่ อึดมาก ชาร์จครั้งเดียวใช้ได้ตลอดทั้งวันทั้งที่เป็นช่วงหนาว

แต่ถ้าถามถึงความสงบ งดงามและดื่มด่ำไปกับธรรมชาติแล้วล่ะก็ต้องยกให้กับสวนโยะโกะคัง (Yokokan Garden) สวนญี่ปุ่นสไตล์ไคยุชิกิ รินเซ็นเทเอ็น (Kaiyushiki Rinsenteien)

Fukui13

ที่มีสระน้ำขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยหินและต้นไม้มากมาย เป็นบ้านพักหลังที่สองของขุนนางฟุคุอิ (Fukui lord) ตระกูลมัตสึไดระ (Matsudaira) และถูกเรียกว่า “คฤหาสน์บ่อน้ำพุร้อน (Onsensui-yashiki)”

Fukui16

อยู่ห่างจากสถานีฟุคุอิ เพียง 15 นาที ตัวอาคารออกแบบเป็นลักษณะของเรือนน้ำชา เราจะมองเห็นศาลาสำหรับจิบชา ชื่นชมสระน้ำได้จากตัวอาคารใหญ่แบบเดียวกับที่ขุนนางในสมัยก่อนเคยทำกัน

Fukui14

ที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงที่ต้นไม้มีสีสันสดใส หรือแม้กระทั่งช่วงฤดูหนาวแบบนี้สวนโยะโกะคังก็สวยงาม การเดินทางก็แสนง่ายดายจากสถานีรถไฟฟุคุอิผ่านสำนักงานจังหวัดฟุคุอิ (Fukui Prefectural Office) ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

Fukui15

ถ้าคุณเป็นคนรื่นรมย์ไปกับบทกวีและชื่นชอบในการจิบชา ชมธรรมชาติแล้ว ฉันว่าที่ พิพิธภัณฑ์แสดงผลงานของนักกวีอเคมิ ทาชิบานะ (Fukui City Akemi Tachibana Literature Memorial Museum) และ พิพิธภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาฟุคุอิ (Fukui City Atagozaka Tea Ceremony Museum) เหมาะที่สุด เพราะที่นี่อยู่ตรงข้ามกันเลย สามารถเดินเข้าไปชมประวัติความเป็นมาของนักกวีอเคมิ ทาชิบานะ แล้วก็เดินข้ามมาชมเครื่องเคลือบดินเผาในพิพิธภัณฑ์ตรงข้ามได้

Fukui18

ที่ฟุคุอินี้เป็นที่รู้จักในด้านงานหัตถกรรมดั้งเดิม เครื่องปั้นดินเผาเอจิเซ็นของฟุคุอิติดอันดับเป็นหนึ่งในหกเครื่องปั้นดินเผาอันเก่าแก่ที่สุดที่พบในประเทศญี่ปุ่นเราสามารถดูได้จากที่นี่ แนะนำว่าหลังจากเดินชมแล้ว ให้ปิดท้ายด้วยลิ้มรสชาเขียวเข้มข้นกับขนมหวานน่ารักสักชุด จะวิเศษเป็นที่สุด

Fukui17

ขุมทรัพย์แห่งอาหาร

ด้วยทำเลที่ตั้งของฟุคุอิที่ถูกโอบล้อมไปด้วยท้องทะเลที่สวยงาม ภูเขาที่สูงชันและธรรมชาติที่หลากหลายทำให้ที่นี่จะเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศหลายเมนู อย่างแรกที่อยากจะแนะนำคือ ปูเอจิเซ็นกานิ (Echizen Gani Crab) ไม่กินไม่ได้เลยน่ะ แต่ต้องมาทานในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคมเท่านั้นเป็นปูที่มีชื่อเสียงของฟุคุอิ เป็นอาหารที่ถวายให้กับเชื้อพระวงศ์ของญี่ปุ่นด้วย โดยปูแต่ละตัวจะมีป้ายสีเหลือที่มีบาร์โค้ด แสดงแหล่งที่มา ผู้ผลิต (หรือจับ) เพื่อเป็นการการันตีคุณภาพว่า เป็นปูเอจิเซ็นของแท้แน่นอน ส่วนรสชาตินั้น หอมหวาน โดยที่ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเพิ่มเติมเลย ยิ่งเอาไปต้มกับข้าวยังอร่อยจนหยุดไม่ได้

Fukui19

เหมือนอย่างเช่น คามาโบโกะ (Kamaboko) หรือ ลูกชิ้นปลาญี่ปุ่น ที่ทำมาจากเนื้อปลาบดนวดกับเกลือ, มิริน, น้ำตาลและแป้ง แล้วนำไปนึ่งหรือย่าง ถ้านำไปเสียงไม้ไผ่ย่างก็จะหน้าตาเป็นแบบชิคุวะ (Chikuwa) ที่เราคุ้นเคยกันที่ ยาสึดะ คามาโบะโกะ โดโจ (Yasuda Kamaboko Dojo) เป็นทั้งโรงงานและโรงเรียนสอนทำ คามาโบโกะมานานกว่า 210 ปีแล้ว ลูกชิ้นปลาที่นี่คุณภาพดีกว่าที่ไหน หนึ่งเคล็ดลับคงมาจากปลาที่นำมาทำ เขาว่าสั่งมาจากเมืองไทยเลยน่ะ นอกจากจะได้ชิมคามาโบโกะรสเลิศแล้วเรายังสามารถทำทำคามาโบะโกะย่างเสียบไม้ไผ่เป็นของตนเองได้อีกด้วย

Fukui20

กินอาหารคาว ของว่างแล้วต้องไม่ลืมทานของหวาน ของหวานขึ้นชื่อของฟุคุอิที่มีเฉพาะฤดหนาวเท่านั้น นั่นก็คือ มิซึโยกัง (Mizu Yokan) หรือ ขนมถั่วแดงกวน คล้ายเยลลี่เด้งดึ้ง หวานอร่อยละลายในปาก ทานคู่กับน้ำชากับชาเขียวรสชาติตัดกันแต่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

Fukui21

ที่ลืมไม่ได้อีกอย่าง คือ ข้าวหน้าหมูทอดหรือคัทสึด้ง (katsudon) ที่อื่นๆ เราจะเห็นข้าวหน้าหมูทอดราดไข่ แต่ที่ฟุคุอิจะเป็นเมนูข้าวหน้าหมูทอดชิ้นหนาด้านนอกกรอบ ด้านในชุ่มฉ่ำราดด้วยซอสรสชาติกลมกล่อมแทน ทานคู่กับราเม็งชามโต ที่คราแรกคิดว่ากินไม่หมด กับหมดอย่างไม่น่าเชื่อ

Fukui22

เสียดายที่การเดินทางครั้งนี้ของฉันไม่ได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ของฟุคุอิที่ขึ้นชื่อ ไม่ได้ไปแช่ออนเซ็นที่เขาว่าดีนักดีหนา แต่ฉันไม่เสียใจเลยที่ได้เดินทางมาฟุคุอิในวันที่ทั้งเมืองเป็นเมืองสีขาวเช่นนี้ และสัญญากับตัวเองว่า จะกลับมาที่ฟุคุอิเพื่อมาตามมาเจ้าไดโนเสาร์ตัวโตอีกแน่นอน

Fukui23

การเดินทางไปฟุคุอิ
จากโตเกียว จากสถานี Tokyo ขึ้น Hokuriku Shinkansen และไปเปลี่ยนรถที่สถานี Kanazawa นั่ง Hokuriku Line Limited Express สู่ สถานี Fukui ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
– จากโอซาก้า จากสถานี Osaka นั่ง Kosei Line Limited Express ต่อเดีวถึงสถานี Fukui ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
– จากนาโกย่า จากสถานี Nagoya นั่ง Hokuriku Line Limited Expressสู่ สถานี Fukui ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

เพื่อนๆ ที่เดินทางไปเที่ยวหรือทำงานต่างประเทศสามารถจอง Pocket WiFi ของTripizee pocket wifi ประเทศญี่ปุ่นได้ง่ายๆ สัญญาณเต็มสปิด 4G unlimited ไม่หมด ไม่ลดอินเทอร์เน็ต คลิก www.tripizee.com หรือ FB : Tripizee หรือติดต่ Tripizee T: 02 105 4463 รับเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิได้เลย

มองหาง่ายๆมาก เป็นเคาท์เตอร์แบบนี้เลยค่ะ

ท้ายสุดขอบคุณ กรมการท่องเที่ยวจังหวัดฟุคุอิ http://www.fuku-e.com/lang/thai/

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0