Verona – Romantic city in Italy เวโรนา เมืองโรแมนติกแห่งอิตาลี

Story & Photo by Kanjana Hongthong

พูดกี่ที ก็ต้องบอกว่า ล้มแผละไปตรงไหนของแผนที่รองเท้าบูตอย่างอิตาลี (Italy) ก็มีแต่เมืองสวยๆ เกลื่อนกระจายเต็มแผนที่ไปหมด หนึ่งในเมืองสวยของอิตาลีที่หลายคนปล่อยให้เป็นทางผ่าน แต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าปล่อยให้ผ่าน อาจจะพลาดอะไรดีๆ ไปได้ บางคนนั่งรถไฟจากมิลาน (Milan) ข้ามไปเวนิซ (Venice) เลย แต่ถ้ายอมลงจากรถไฟไปหาเมืองเวโรนา (Verona) ก็จะร้องว้าวเมื่อได้สบตากับเมืองนี้

Verona 2382

ฉันเองก็เป็นแบบนั้นแหละ เมื่อรอนแรมมาถึงเมืองเวโรนา (Verona) ก็สัมผัสได้ทันทีว่าเมืองนี้โรแมนติกอย่างไม่กระโตกกระตาก บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องราวตำนานรักของโรมิโอ และจูเลียตก่อกำเนิดขึ้นที่นี่ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องราวความรักของนักเขียนอย่างโซเฟียจากหนังเรื่อง Letters to Juliet ที่ทำให้หลายคนอยากเห็นเวโรนา

Verona 2390

จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่เมื่อแรกเห็นเวโรนา ก็พบว่าน่าประทับใจเหลือเกิน ยิ่งขยับตัวเข้าใกล้ตัวเมืองเวโรนา ยิ่งพบว่าตัวเมืองแห่งนี้มีชีวิตชีวาอย่างไม่ระแคะระคายมาก่อน ไม่รู้นักท่องเที่ยวแห่แหนมาจากไหนกัน แต่เวโรนาก็ทำให้รู้ว่าไม่ควรจะเป็นแค่เมืองทางผ่าน ยิ่งที่จัตุรัสบรา (Piazza Bra) ที่ดูจะเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นของเวโรนา ยิ่งคึกคักและมีชีวิตชีวากว่ามุมไหนๆ ที่นี่จัดว่าเป็นจัตุรัสที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของอิตาลีเลยทีเดียว ทั้งอาคารบ้านเรือนสีลูกกวาด ทั้งผู้คนที่เดินเตร็ดเตร่ไปมา และยิ่งถูกแต่งแต้มด้วยตลาดนัดศิลปะที่มีทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ยิ่งปลุกให้จัตุรัสแห่งนี้ยิ่งคึกคักขึ้นอีก

Verona 2433

เพราะจะเป็นวันที่ศิลปินทุกแขนงหอบงานของตัวเองมาเปิดแผงขายกันแน่นจัตุรัสบราจะเอาแนวไหนละมีหมด งานภาพเขียนสีน้ำมัน สีน้ำ สีอะคริลิก ไปจนถึงงานศิลปะแนวแอ็บสแตร็กที่เดาไม่เคยออกว่าศิลปินต้องการจะบอกอะไร มีให้เลือกมากมาย ยังมีพวกเครื่องไม้แกะสลัก งานปั้น ไปจนถึงเครื่องประดับชิ้นเก๋ๆ ที่ออกแบบได้แหวกแนวและมีสไตล์

Verona 2438

ไม่ไกลจากจัตุรัสบรา คืออาเรนา (Arena) สิ่งปลูกสร้างใหญ่ที่สุดของเมืองก็ว่าได้ รูปพรรณสัณฐานแบบนี้สร้างขึ้นในสมัยโรมัน ไม่ใช่มรดกตกทอดจากยุคออตโตมันหรือไบแซนไทน์แน่ และถึงไม่ใช่โคลอสเซียมที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็จัดว่าค่อนข้างสมบูรณ์

Verona 2483

ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ฤดูร้อนเขาจะปิดบูรณะซ่อมแซมบางโซน เพื่อที่ว่าเมื่อซัมเมอร์เดินทางมาถึง การจัดแสดงละคร โอเปรา หรือคอนเสิร์ตจะได้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบทั้งแสงสีเสียงและบรรยากาศ

Verona 2521

มาถึงมุมนี้ ไม่มีใครเดินผ่านอาเรนาไปอย่างง่ายดาย ด้านหน้าอาเรนาแออัดไปด้วยผู้คน ยังมีบรรดานักแสดงเร่แต่งตัวมายืนแสดงในท่วงท่าต่างๆ จากมุมนี้ มีถนนที่เชื่อมระหว่างจัตุรัสบราและจัตุรัสเออร์แบ (Piazza Delle Erbe) จะเรียกว่าเป็นถนนสายช้อปปิ้งประจำเมืองก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจออีกเช่นกัน เพราะมีแบรนด์เนมสารพัดยี่ห้อคอยยักคิ้วหลิ่วตาใส่ตั้งแต่ปากทาง โดยเฉพาะแบรนด์ดังของอิตาลีแทบจะยึดหัวหาดกันแน่นขนัด สำหรับคนอยากได้รองเท้าบูตเก๋ๆ สักคู่ กระเป๋าหนังเริดๆ สักใบ หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมสักชุด เดินบนถนนสายนี้ ได้ครบแน่ สุดถนนสายนี้ เลี้ยวซ้ายเป็นจัตุรัสเออร์แบ จัตุรัสที่ทุกวันนี้ไม่ได้เป็นชุมทางการค้าเหมือนในอดีต ไม่ได้เป็นตลาดนัดเครื่องเทศ

Verona 3566

ตามความหมายของชื่อจัตุรัส แต่เป็นที่ทางของความสุนทรีย์ต่างหาก รายรอบจัตุรัสมีสถาปัตยกรรม ลานน้ำพุ และรูปปั้นให้นั่งจิบความสุนทรีย์กัน ไม่ต้องยืนจิบก็ได้ เพราะคาเฟ่ที่ตั้งกระจายตัวอยู่รอบจัตุรัสมีเก้าอี้มากพอให้หย่อนก้น หากเป็นซัมเมอร์จัตุรัสนี้เขาว่าแทบไม่มีที่ว่าง แต่ไม่ต้องเป็นซัมเมอร์หรอก ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนๆ ก็ยังเต็มไปด้วยคลื่นคน เพราะไม่ได้เร่งรีบไปไหน เลยสั่งคาปูชิโนมาซดแกล้มกับอาคารหลากสีสันที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเนิบนาบซะบ้างความสุขอยู่ตรงหน้านี้เองเดินเอ้อระเหยจากจัตุรัสเออร์แบไปนิดเดียว ประมาณว่าเดินเลี้ยวเข้าซอย จัตุรัสเล็กๆ อย่างจัตุรัสซิกโนรี (Piazza dei Signori) ก็รออยู่ ถึงจะเล็กแต่ห้ามพลาดละกัน เพราะจัตุรัสนี้มีทั้งหอคอยและรูปปั้นที่น่าสนใจ

Verona 2634

จากมุมนี้ เดินไปอีกไม่ไกล ก็ถึงมหาวิหารแห่งเวโรนา (Duomo) แค่มองจากด้านนอก ก็รู้เลยว่าที่นี่เป็นโบสถ์ที่ใหญ่แห่งหนึ่งของอิตาลีเลยทีเดียว รายรอบโบสถ์มีร้านรวงหลายอารมณ์ ใครอยากช้อปมีร้านเสื้อวินเทจให้จับจ่าย ใครอยากชิลมีร้านกาแฟให้นั่งจิบกาแฟแลมหาวิหาร แต่พูดเลยว่าร้านแถวนี้นั่งแล้วเพลินมาก และเมื่อมาถึงเมืองเวโรนาทั้งที พลาดมุมไหนก็พลาดได้ ยกเว้นบ้านของจูเลียต จะให้ไม่ไปดูชายคาบ้านของเธอก็กระไรอยู่ เลยเดินซอกซอนซอยแคบๆ ของเวโรนาไปที่นั่นจนได้ แทบไม่ต้องถามหาทางให้เมื่อย เพราะคลื่นคนจะทำหน้าที่เป็นเข็มทิศเอง

Verona 2663

ดูเหมือนใครๆ ก็มุ่งหน้าไปหาบ้านของจูเลียต หรือ Casa di Giulietta เป็นพื้นที่แคบๆ ที่ชุลมุนวุ่นป่วนกว่ามุมไหนๆ ในเวโรนา บรรยากาศเหมาะเป็นสถานประกอบการของพวกมิจฉาชีพมาก แน่นขนาดต้องเบียดกันเข้า นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นซัมเมอร์จะแน่นขนาดไหน นักท่องเที่ยวแทบทุกคนเมื่อมาถึงก็พากันพุ่งไปลูบหน้าอกรูปปั้นจูเลียต เรียกว่าต่อคิวลูบกันจนเนินอกมันแผล็บ ถ้อยคำขอพรและสารรักของคู่รักและหนุ่มสาวจากทั่วโลกถูกจารึกไว้บนกำแพงและบนกระดาษ บางคนก็เอาหมากฝรั่งแปะกระดาษไว้ และบนระเบียงบ้านที่จูเลียตเคยยืนอยู่ก็แทบไม่เคยว่างเลยสักวินาทีเดียว ผู้คนต่อแถวกันถ่ายรูปยาวเหยียด

เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ของฉันกับเวโรนา ฉันยังสัมผัสได้ว่านี่คือเมืองโรมันที่มีความโรแมนซ์ห่มคลุมอยู่ทั่วเมือง

 

– เดี๋ยวนี้คนไทยเข้าตุรกีไม่ต้องทำวีซ่า มีสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปกลับโรม โบโลญญา และมิลานทุกวัน จะตั้งต้น ที่ไหนก็ได้ ใครจะแวะเที่ยวอิสตันบูลเป็นของแถมก็ได้
– จากหัวเมืองใหญ่ในอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นมิลาน ฟลอเรนซ์ โบโลญญา หรือโรม นั่งรถไฟไปเวโรนาก็สะดวกทั้งนั้น เช่นจากโบโลญญาถ้าเป็นรถไฟด่วนใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมง แต่ถ้าเป็นรีจินัลเทรนใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง คลิกไปดูรายละเอียดของตารางรถไฟได้ที่ www.raileurope.co.th
– ที่พักที่เวโรนามีให้เลือกค่อนข้างเยอะและหลากหลายระดับ คลิกไปสำรวจได้ที่เว็บไซต์ www.booking.com

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0