Shirahama ชิระฮะมะเมืองชายทะเลแสนสวย

Story & Photo by Vacationist Team

หากมีใครบอกกับคุณว่าชายหาดของญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยสวย ให้ตอบกลับไปว่าให้ลองมาที่ชายหาดชิระฮะมะ (Shirahama Beach) ของจังหวัดวากายามะ (Wakayama) ก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าชายหาดญี่ปุ่นที่ขาวสวยน่าเที่ยวเป็นเช่นไร

ชิระฮะมะ แปลว่า ชายหาดสีขาว ซึ่งเป็นชายหาดสีขาวลออสมชื่อ ยามต้องกับแสงอาทิตย์ก็เป็นประกายระยิบระยับทอดยาวกว่า 640 เมตรแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นชายหาดที่สวยอันดับต้นๆ ของภูมิภาคคันไซจนได้รับฉายาว่าเป็นคู่แฝดของหาดไวกิกิ (Waikiki Beach) ของฮาวายทีเดียวว่ากันว่าทรายบางส่วนของหาดนี้ถูกนำมาจากเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย

ในช่วงฤดูร้อนเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และชาวญี่ปุ่นก็จะมากหน่อย เพราะนอกจากจะเดินทางมาอาบแดดและว่ายน้ำกันที่นี่แล้ว ก็ยังมาชมงานเทศกาลดอกไม้ไฟที่จัดบนชายหาดอีกด้วย

สำหรับฉันมาในช่วงจังหวะปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศไม่ร้อนและไม่เย็นมากนัก ผู้คนก็ไม่เยอะ ทำให้สามารถดื่มด่ำกับความสวยงามของชายหาดได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าคุณมาช่วงฤดูหนาวก็ได้เพราะบ่อน้ำร้อนที่ชิระฮะมะขึ้นชื่อไม่แพ้ที่ไหน มีชื่อเสียง ในการเป็นที่ตั้งของ 1 ใน 3 น้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นสังเกตได้จากหลายจุดในเมืองจะมีโรงอาบน้ำร้อนแทรกตัวอยู่เป็นระยะๆ แม้แต่ตรงริมชายหาดเองก็มีโรงอาบน้ำร้อนซากิโนยุซึ่งเป็นโรงอาบน้ำร้อนโบราณให้บริการ

นอกจากน้ำพุร้อนแล้วชิระฮะมะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเช่นหน้าผาหินหลายจุดด้วยกันไม่ว่าจะเป็นที่หน้าผาหินซันเดเบกิ (Sandabeki Rock Cliffs) ที่เล่ากันว่าในปีที่ 50 ของจักรพรรดิคัมมุเทนโนะ (Kanmu-tenno) กองกำลังของญี่ปุ่นที่ลาดตระเวนอยู่บริเวณนี้ ได้ถูกโจมตี จากกลุ่มโจรสลัดกลางทะเลนี้อยู่หลายครั้ง หลังจากโจมตีแล้วกลุ่มโจรสลัดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทุกครั้ง จึงสันนิษฐานว่าถ้ำใต้หน้าผาแห่งนี้ อาจเป็นฐานซ่องสุมของพวกโจรสลัดคุมะโนะหรือคูมาโนะซุยกุน (KUMANO SUIGU) เพราะมีการค้นพบร่องรอยที่อยู่อาศัย อาวุธ ชุดเกราะและข้าวของเครื่องใช้อยู่ด้านในโถงถ้ำ

ตัวหน้าผาที่สูงกว่า 50 เมตร ยาวเลาะเลียบริมมหาสมุทรแปซิฟิกไปยาวกว่า 2 กิโลเมตร จากจุดชมวิวที่อยู่ด้านบนเราสามารถมองเห็นภาพของหน้าผา และมวลคลื่นขนาดใหญ่ที่กระทบหน้าผาเป็นอะไรที่ทั้งน่ากลัวและน่ามหัศจรรย์มากทีเดียว ชาวประมงใช้ผานี้สำหรับไว้มองหาฝูงปลา สำหรับถ้ำนั้น เราสามารถลงลิฟต์ไปดูได้

ซึ่งภายในถ้ำนั้นทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องประวัติของกองทัพคูมาโนะซุยกุน จุดนี้จะมีค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 1,300 เยน ส่วนเด็ก 650 เยน ซึ่งมีจำหน่ายที่ศูนย์บริการด้านหน้า การลงลิฟต์ ใช้เวลาแป๊บเดียวเราก็ลงลิฟต์ไปถึงด้านล่างที่เป็น โถงถ้ำ แบ่งเป็นห้องต่างๆ มีทางเดินวนเป็นวงกลมกลับมาที่จุดเดิมแต่ละห้อง (หรือโถงถ้ำ) นั้น

บางจุดก็จะเป็นทางที่สามารถมองออกไปสู่ท้องทะเล ซึ่งเป็นโถงถ้ำทางออกนั่นเอง บางจุดจะมีศาลเจ้าโบราณของเทพเจ้าเบนไซเท็น

บางจุดก็จัดแสดงเป็นห้องจำลองที่อยู่อาศัยเสมือนจริงของซามุไรในอดีต มีชุดนักรบ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ

ไม่ไกลกันจากหน้าผาหินซันดันเบกิ เป็นลานหินเซ็นโจจิกิ (Senjojiki) คำว่าเซ็นโจจิกิ แปลว่าเสื่อทาทามิ 1,000 ผืน ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากลักษณะหินสีขาวที่เป็นแผ่นรูปร่างคล้ายเสื่อทาทามิมาปูเรียงทับๆ กันเป็นผืนใหญ่ ยาวขนานไปกับมหาสมุทรแปซิฟิกหินเหล่านี้เกิดจากการกัดกร่อนของคลื่นน้ำในมหาสมุทรนั่นเอง เมื่อหินส่วนใหญ่มักจะเป็นแผ่นแบนๆ ทำให้เราสามารถเดินออกไปยังผืนหินใกล้กับท้องทะเลได้

บางจุดมีหลุมน้ำขนาดเล็กและตื้นพอจะมองเห็นสัตว์น้ำที่แอบซ่อนตัวอยู่ หากเดินเข้าหาทะเลใกล้อีกนิดจะมองเห็นคลื่นที่โถมเข้าใส่โขดหิน และสายลมเย็นของมหาสมุทร

ความพิเศษของที่นี่นอกจากทิวทัศน์ยามเย็นที่สวยงามมากจนถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 100 วิวที่สวยที่สุดของจังหวัดแล้ว ยังไม่เสียค่าธรรมเนียม ค่าเข้าชมและสามารถเข้าชมได้ตลอดเวลา เป็นสิ่งพิเศษมากยามเมื่อนั่งมองพระอาทิตย์ยามเย็นค่อยๆ เคลื่อนตัวลงใต้เส้นขอบฟ้าในมหาสมุทรแปซิฟิก

อีกจุดหนึ่งสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดิน นั่นก็คือ เกาะเอ็งเง็ตสึโตะ (Engetsuto Island) หรือชื่อทางการคือ เกาะทะคะชิมะ (Takashima) เป็นเกาะเล็กๆ ไร้ผู้อยู่อาศัย ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวริงไค (Rinkai) เป็นหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกดินสุด โรแมนติกในญี่ปุ่นที่ติดอันดับ 1 ใน 100 อีกด้วย เกาะเอ็งเง็ตสึโตะ เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองชิระฮะมะก็ว่าได้

ลักษณะพิเศษของเกาะคือ มีช่องตรงกลางที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล ขนาดความกว้างวัดได้ 8 เมตร ความสูง 9 เมตรทำให้เมื่อมองไกลๆ จะมีลักษณะคล้ายกับแว่นตา และเป็นรูปร่างคล้ายพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งคือที่มาของชื่อเกาะเอ็งเง็ตสึโตะ ที่แปลว่า เกาะพระจันทร์เต็มดวง บางครั้งก็เรียกที่นี่ว่าเกาะจันทร์กลม หรือเกาะพระจันทร์เต็มดวง นักท่องเที่ยวเวลามองลอดรูตรงกลางไปก็จะเห็นท้องทะเลสวยงามที่อยู่เบื้องหลัง

ยิ่งช่วงเวลา พระอาทิตย์ตกยิ่งสวยงามมากเป็นพิเศษ จึงไม่แปลกที่ช่วงเย็นที่นี่จึงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ

หากคุณเป็นแฟนของคราฟต์เบียร์ (craft beer) แล้วละก็ น่าจะลองแวะไปเยี่ยมชมโรงเบียร์นากิซะ (Nagisa Beer) ที่นี่เปิดตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งชื่อนากิซะ มาจากชื่อชายหาดท้องถิ่นของชิระฮะมะนั่นเอง

คุณสามารถเยี่ยมชมโรงเบียร์และเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตเบียร์ แบบไม่มีค่าใช้จ่าย

หลังจากเยี่ยมชมกระบวนการผลิตแล้ว หยุดแวะที่บาร์แล้วลองเบียร์สักหนึ่งหรือสองแก้ว

มาทะเลทั้งทีไม่รับประทานอาหารทะเลก็ใช่ที สำหรับที่ชิระฮะมะแนะนำที่นี่เลยตลาดโทเระโทเระ (Toretore Market) ซึ่งเป็นตลาดค้าอาหารทะเลสด ขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 49,587 ตารางเมตร บริหารงาน โดยสมาคมความร่วมมือด้านการประมง ที่นี่ไม่ได้มีแต่อาหารทะเลสดๆ เท่านั้น

ยังมีสินค้าอีกหลากหลาย ประเภท เริ่มจากเดินเข้าไป ซ้ายมือจะเห็นร้านขายของฝากที่ขึ้นชื่อของจังหวัดมากมาย ยกเอามาไว้ที่นี่ อย่างเช่น โชยุหรือซอสถั่วเหลืองที่ได้จากการหมักจากเมืองยูอะสะ (Yuasa) ซึ่งเป็นซอสถั่วเหลืองที่ยังใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิมอยู่

เหล้าที่กลั่นในท้องถิ่น บ๊วยญี่ปุ่นดอง ซึ่งถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดนี้ หรือจะเป็นกระเทียมดองก็มี กระเทียมดองที่นี่กลิ่นไม่ฉุนและกรอบอร่อยมาก หรือของที่ระลึกอย่าง Kishu Temari ลูกบอลแสนสวยสีสันที่สดใสและลวดลายที่ละเอียดประณีตในอดีตทำขึ้นสำหรับเป็นของเล่นให้เหล่าองค์หญิงเล่นกัน

มองตรงลงไปก็จะเห็นร้านค้ามากมายมีทั้งของแห้งเช่น เครื่องปรุงต่างๆ หรือของสดอย่าง กุ้ง หอย ปู ปลา หมึก แมงกะพรุน สาหร่าย เครื่องเคียงต่างๆ เยอะมาก แล้วก็ ผักผลไม้ที่ส่งตรงจากไร่ของเกษตรกรในท้องถิ่น ทุกวันจะมี การแสดงหั่นปลามากุโระ วันละ 2 รอบ ประมาณช่วงเที่ยงๆ หั่นเสร็จก็แบ่งขายกันเลย เพราะที่ตลาดนี้มีมุมให้คุณเดินไป ซื้ออาหารแล้วมานั่งรับประทานได้ และยังมีมุมบาร์บีคิวให้คุณเตรียมอาหารและปรุงอาหารที่คุณซื้อที่ตลาดได้อีกด้วย

รับประทานอาหารหลักกันแล้ว แนะนำร้านขนมกันสักหน่อยที่แรก คือ คะเกะรุ คาเฟ่ (Kagerou café) ของบริษัทฟุคุบิชิ (Fukubishi) กลุ่มผู้ทำขนมของวาคายามะ สำหรับ คะเกะรุก็เป็นขนมที่ขึ้นชื่อของวาคายามะเช่นกัน ตัวขนมลักษณะทรงกระบอกเป็นแป้งบัตเตอร์ครีมนุ่มแล้วสอดไส้ครีมอีก รสชาตินุ่มละมุน สามารถละลายในปากได้เลย กินกับเครื่องดื่ม ร้อนเย็นได้เรื่อยๆ

สำหรับร้านนี้ตั้งอยู่ริมทะเล มีที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอก ที่เป็นระเบียงติดกับทะเล ร้านเปิดมาตั้งแต่ 1933 ของขึ้นชื่อก็ต้อง คะเกะรุ ซึ่งมีครีมหลากหลายรสชาติ ต่อมาก็ยูซุ โมนากะ (Yuzu-Monaka) ขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ทำจากถั่วขาว ส่วนไส้ก็ทำจากส้มยูซุ อีกอย่างที่อยากแนะนำ คือฮามายุ (Hamayu) ฮามายุเป็นชื่อดอกไม้ประจำเมือง ขนมทำจากเค้กข้าวไส้ถั่วแดงแล้วประกบด้วยเวเฟอร์แผ่นบางอีกสองชิ้น ขนมมีทั้งแบบเสิร์ฟ นั่งรับประทานที่ร้านหรือใครอยากจะซื้อกลับก็ได้ มีหลายขนาดตั้งแต่ 2 ชิ้นไปถึง 45 ชิ้น

ปิดท้ายที่โรงแรมที่พัก เนื่องจากเป็นเมืองตากอากาศชายทะเล จึงมีที่พักให้เลือกหลากหลายทั้งรูปแบบและราคา แต่ขอบอกว่า ราคาถูกมาก ถ้าเทียบกับขนาดของห้อง อย่างเช่นเราเลือกที่โรงแรม Seamore Residence เป็นเหมือน hostel ขนาดใหญ่มี 4 ชั้น อารมณ์เหมือนวิลล่าขนาดย่อม ข้างๆ กันนั้นคือ Shirahama Key Terrace Hotel Seamore ในเครือเดียวกัน แต่เป็นลักษณะของโรงแรมและสะดวกสบายมากกว่า ซึ่งเวลารับประทานอาหารเช้าก็เดินไปรับประทานที่ห้องอาหารเดียวกันในตึกของ Shirahama Key Terrace Hotel Seamore อาหารเช้าเยอะมากและวิวสวยสุด ราคาห้องพักเริ่มต้นเพียงคืนละ 2,000 บาทเท่านั้น รวมอาหารเช้าก็บวกเพิ่มอีกประมาณ 600 บาทเท่านั้น จะเห็นได้ว่าที่ชิระฮะมะแห่งนี้เหมาะกับเป็นเมืองตากอากาศอย่าง แท้จริงครบถ้วนทุกสิ่งและที่สำคัญถ้ามาในช่วงโลว์ซีซัน ที่พักก็ยังสวยงามและคนไม่เยอะอีกด้วย

การเดินทางไปชิระฮะมะนั้นสามารถใช้บริการรถไฟจากสถานีโอซาก้าไปลงที่สถานี ชิระฮะมะได้ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งโดยบริการรถไฟ Ocean Arrow ของ JR West นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินทุกวันระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียวหรือรู้จักกันโดยทั่วไปว่า ท่าอากาศยานฮาเนดะ มายังสนามบิน นันกิ-ชิระฮะมะ (Nanki Shirahama Airport)

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0