SEASON OF FLOWERS IN Dalat – ฤดูกาลของดอกไม้ที่ดาลัด

“ท่ามกลางขุนเขาบนความสูง 1,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 20 องศาตลอดทั้งปี ยังมีธรรมชาติที่งดงาม ทะเลสาบแสนสวยและสายหมอก ลอยละเลียดไปตามทิวเขาในยามเช้าของฤดูหนาว เพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที จากประเทศไทย” พอดีเวลาเช็กอินโรงแรม ส่วนขากลับเช็กเอาต์ เรียบร้อย เดินทางถึงสนามบินทันขึ้นเครื่อง เวลา 13.35 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 15.20 น. มีเวลาจัดข้าวของ พักผ่อนเตรียมตัวทำงานต่อไปได้

ในช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคมยาวจนถึงเดือนธันวาคม เป็นช่วงฤดูหนาวของดาลัด ต่อด้วยฤดูใบไม้ผลิระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม อากาศที่เย็นสบายอยู่แล้วของดาลัด ก็จะเย็นเพิ่มมากขึ้น ใครที่มีเสื้อหรืออุปกรณ์กันหนาวสวยๆ สามารถขนไปใช้ได้ นอกจากอากาศที่หนาว แต่สบายแล้ว ช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นช่วงเวลาของต้นไม้ ใบไม้และดอกไม้ เป็นฤดูกาลแห่งสีสันของธรรมชาติ เราจะเห็นดอกทานตะวันป่า ทั้งใบเมเปิลสีแดง ดอกหญ้าสีชมพูและอีกหลาย พืชพรรณที่แข่งกันออกดอกเบ่งบานรับอากาศดีไม่ต่างจากเรา

จากตัวเมืองดาลัดไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 8 กิโลเมตร ผมใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงบริเวณทะเลสาบเตวียนลัม (Tuyen Lam Lake) หรือทะเลสาบพาราไดซ์ อันแสนจะโรแมนติก Tuyen Lam แปลความหมายได้ว่า สายน้ำที่มีเสน่ห์ ทะเลสาบแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 350 ไร่ ช่วงเวลาที่ไปใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีมากนัก แต่ภาพของทิวต้นสนที่ยืนตระหง่านปกคลุมรอบ ขุนเขาสะท้อนบนผืนน้ำของทะเลสาบสีเขียว มรกตนั้นสวยงาม มีเสน่ห์จับใจยิ่งนัก

นอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้วบริเวณรอบ ทะเลสาบยังมีกิจกรรมมากมาย หลายคนเลือกมุมเก๋ๆ มานั่งปิกนิกกัน บางคนก็เลือกที่จะพายเรือเล่น บางคนก็เดินวนเวียนถ่ายรูป บางคนก็เพียงนั่งผ่อนคลายอารมณ์ สัมผัสกับธรรมชาติสวยงามด้านหน้า มีคนจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่มาตั้งแคมป์พักผ่อนกันที่นี่ แค่คิดว่าตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับสายหมอกบางเหนือสายน้ำ อากาศที่เย็น สดชื่น และสีเขียวที่เริ่มสลับเหลือง ส้ม แดงตรงหน้าก็ให้ความรู้สึกดีไม่ใช่น้อย แต่ถ้าคุณไม่มีอุปกรณ์แคมปิ้ง รอบทะเลสาบก็มีที่พักให้เลือกใช้บริการ บางแห่งจะมีสวนดอกไม้ให้เข้าชมด้วย ภาพสวนดอกไม้ มีวิวทะเลสาบ และบ้านหลังเล็กอยู่เบื้องหลังเป็นวิวที่สวยเก๋ไม่แพ้ใคร

ไม่ไกลกัน มีศาสนสถานที่ชื่อว่า วัดตั๊ก ลัม (Truc Lam Monastery) เป็นวัดนิกายเซน ฝ่ายมหายานที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม นิกายเซนจะเน้นในเรื่องของการฝึกปฏิบัติ สมาธิ และการใช้ปัญญา ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เห็น บริเวณโดยรอบของวัดครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่มีมุมในการสงบจิตใจหลายจุด แค่คุณเดินเข้ามาในวัดก็รู้สึกได้ถึงความเงียบสงบ รูปแบบการก่อสร้างเป็นลักษณะแบบจีน มีหอระฆังที่สวยงามโดดเด่น เมื่ออยู่ด้านบนของวัดคุณจะสามารถมองเห็นทะเลสาบในมุมสูงได้อย่างชัดเจน

อากาศเย็นๆ ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ หากได้ชาเย็นๆ สักกา ขนมปังอุ่นๆ สักชิ้น คงวิเศษดีไม่ใช่น้อย ถัดจากทะเลสาบเตวียนลัมไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร ขับรถไปตามภูเขาใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที ก็จะถึงฟาร์ม Cau Dat ฟาร์มแห่งนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 90 ปี ด้วยพื้นที่กว่า 230 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ไปถึงทะเลสาบ มีผลิตภัณฑ์หลัก 6 ชนิด ได้แก่ ชา กาแฟอาราบิก้า ผัก สตรอว์เบอร์รี ดอกไม้ หมุนเวียนสับเปลี่ยนกัน พร้อมทั้งมีการจัดให้ทัวร์ภายในฟาร์ม

โดยมีค่าบริการประมาณ 200,000 VND (300 บาท) ก็จะได้รับบัตรมาห้อยคอ แล้วเราก็ไปรอรถกอล์ฟที่ให้บริการไปชมจุดต่างๆ มีโรงเรือนหลายแบบ ทั้งเรือนผักสลัด เรือนสตรอว์เบอร์รี เรือนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ทั้งลาเวนเดอร์ ไฮเดรนเยีย ฯลฯ และไฮไลต์หลักคือ เรือนน้ำชาที่คุณ สามารถซื้อหา หรือลิ้มรสชาได้ตามใจชอบ

ที่ฟาร์มแห่งนี้มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ดูแลการจัดการของฟาร์ม มีหุ่นยนต์ที่จะ เข้าไปในพื้นที่เพาะปลูกเพื่อดูสภาพอากาศ ตลอด 24 ชั่วโมง เซนเซอร์เช็กสภาพดินและน้ำ ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะเก็บข้อมูลและรายงาน ซึ่งเจ้าของฟาร์มจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปช่วยในการบริหารจัดการฟาร์ม ช่วยควบคุมผลผลิต และราคาให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วม

อีกจุดสำหรับที่เที่ยวหน้าหนาวของเมืองดาลัด คงหนีไม่พ้นสวนพฤกษศาสตร์ดาลัด (Dalat Flower Gardens) สำหรับสวนพฤกษศาสตร์ดาลัด หรือที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ สวนดอกไม้เมืองหนาวนั้นอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบซวนฮวาง ถนนฟูดงเตียนหวุง (Phu Dong Thien Vuong) มากนัก สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2409 เพื่อให้คำปรึกษากับเกษตรกรทางภาคใต้ เพื่อให้ได้ผลิตผลที่ดีและยอดเยี่ยม

ภายในสวนพฤกษศาสตร์เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก ไม้ประดับ รวมไปถึงดอกไม้มากกว่า 300 สายพันธุ์ เช่น ดอกกล้วยไม้ทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์ลูกผสม ซึ่งกล้วยไม้ตัดดอกแทบทั้งหมดที่ส่งในเวียดนาม ก็มาจากสวนแห่งนี้ นอกจากดอกไม้แล้ว สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ยังสามารถปลูกจำพวกผักเมืองหนาว ส่งให้เมืองดาลัดเป็นเมืองเกษตรอันดับหนึ่งของประเทศเวียดนาม และกลายเป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก ปิดท้ายที่ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea Garden Da Lat) ที่ขึ้นชื่อไม่ว่าใครมาดาลัด ก็ต้องแวะมา

ด้วยเพราะสถานที่ตั้งที่ไม่ไกลจากตัวเมือง แค่ประมาณ 10 กิโลฯ ใครจะเช่าจักรยานยนต์ขับมาเองหรือจะเหมาแท็กซี่ก็ย่อมได้ ในช่วงปลายปีหน้าหนาวเช่นนี้ ดอกไฮนเดรนเยียจะเยอะมากและบานสุดๆ เดิมที่นี่ปลูกดอกไม้เพื่อการขาย ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมามากขึ้นเลยเปิดให้เข้าชม โดยเสียค่าเข้าอยู่ประมาณ 30,000 VND (45 บาท) สวนเป็นรูปแบบขั้นบันได ลดหลั่นไปตามแนวเขา ระหว่างพุ่มดอกไม้ก็มีทางเดินให้เราแทรกตัวเข้าไปถ่ายรูปโดยไม่ต้องเหยียบบนแปลงดอก ทั่วทั้งบริเวณมีการตั้งม้านั่ง ของตกแต่งให้เป็นส่วนประกอบ ในการถ่ายรูปมากมาย ยิ่งอากาศเย็นๆ เช่นนี้ สามารถลากถ่ายได้ยาวๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเหงื่อเลย

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าดาลัดอากาศดีตลอดทั้งปี ไม่ว่าคุณจะมาช่วงเวลาไหน ก็ได้สัมผัสกับความรู้สึกดีๆ อย่างแน่นอน การเดินทางก็แสนจะง่ายดาย ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ ด้วยสายการบินไทยเวียตเจ็ท แป๊บเดียว คุณก็มายืนท่ามกลางสายหมอก ขุนเขา ผืนน้ำ และดอกไม้ของเมืองดาลัดแล้ว

การเดินทางไปดาลัด
สามารถเดินทางไปได้ง่ายดาย ด้วยสายการบิน ไทยเวียตเจ็ทบินตรงจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – ดาลัดไป-กลับ ทุกวัน สนใจจองตั๋วได้ที่ https://www.vietjetair.com
สามารถติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/VietJetThailand/ และ แอดไลน์ @ThaiVietjet เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและโปรโมชัน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0