A good day in Santiago – วันดีๆ ที่ซานติอาโก

เรื่องและภาพโดย…เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง

หลังจากบอกลาดินแดนในฝันปาตาโกเนีย (Patagonia) ฉันก็เหิรฟ้าบินมาที่เมืองซานติอาโก (Santiago de Chile) เมืองหลวงของประเทศ “ชิเล” หรือที่คนไทยอ่านว่า “ชิลี” ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดเกือบสี่ชั่วโมง ซานติอาโกเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ ชิลีเป็นประเทศที่มีพื้นที่ยาวมากและมีเทือกเขาแอนดิสซึ่งเป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลกทอดยาวขนานไปตลอดแนว ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศ เราก็จะได้เห็นเทือกเขาแอนดิสได้ตลอด

Santiago_2_004

ซานติอาโกเป็นเมืองที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและมีความทันสมัยที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ที่นี่มีย่านศูนย์การค้าหลายแห่ง รวมทั้งสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าน่าสนใจ และมีระบบการขนส่งสาธารณะในเมืองที่อำนวยความสะดวกให้กับชาวเมืองและนักท่องเที่ยวได้อย่างดีเยี่ยม

Santiago_2_182

เนื่องด้วยเป็นคนที่ไม่ค่อยอินกับเมืองใหญ่มากนัก ฉันจึงไม่ได้ตั้งความหวังหรือมีสถานที่ไฮไลต์กับเมืองนี้มากจุดประสงค์หลักของการมาที่นี่ คือภารกิจในการทำวีซ่า (Visa on arrival) ของประเทศโบลิเวีย และเป็นเมืองเชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆ ของประเทศชิลีเพราะเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคม ฉันจึงปล่อยให้ช่วงเวลาในซานติอาโกเป็นวันชิลล์ๆ ไร้แผนการเดินทางและใช้หัวใจนำไปเรื่อยๆ

Santiago_2_038

ฉันใช้เวลาในการทำวีซ่านานกว่าที่คิดจึงไปไม่ทัน Free walking tour ก็เลยเดินเที่ยวเล่นชมเมืองด้วยตัวเอง ตัวเมืองซานติอาโกเต็มไปด้วยตึกสูง ล้อมรอบไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ผู้คนเดินกันวุ่นวายตามแบบฉบับเมืองใหญ่ เดินสะพายกล้องในตัวเมืองก็จะมีพลเมืองผู้หวังดีมาสะกิดเตือนให้ระวังมิจฉาชีพ เพื่อรักษาระดับความปลอดภัยให้ตัวเอง ฉันจึงเก็บกล้องเข้ากระเป๋าแล้วค่อยหยิบออกมาถ่ายรูปเมื่อจำเป็น แม้ว่าชิลีจะเป็นประเทศที่เข้าข่ายประเทศที่ปลอดภัยในกลุ่มอเมริกาใต้ แต่ก็อย่าวางใจ เพราะนักท่องเที่ยวจากเอเชียยังคงเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพ พวกเขาคิดว่าคนเอเชียที่เดินทางมาไกลถึงที่นี่คงเป็นพวกรวยทรัพย์ จึงมีเหตุวิ่งราวจี้ปล้นให้เห็นอยู่บ่อยๆ

Santiago_2_161

จัตุรัสอาร์มาส (Plaza de Armas) ที่เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นประจำเมืองหลวงและยังเป็นศูนย์กลางของเมืองที่ห้อมล้อมไว้ด้วยอาคารและสถานที่สำคัญหลายแห่ง สถาปัตยกรรมแบบสเปนตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม The Metropolitan Cathedral of Santiagoโบสถ์ใหญ่ประจำเมือง ด้านหน้าโบสถ์เป็นลานกว้างซึ่งจะมีศิลปินมาเปิดหมวกการแสดง มาเปิดแผงขายภาพและวาดภาพกันสดๆ บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวเมือง ถือว่าเป็นสีสันของบริเวณนี้เลย ด้านในโบสถ์เปิดให้เข้าชมฟรี แต่เห็นจำนวนคนที่ต่อแถวยาวแล้วก็ถอดใจขอเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ ดีกว่า

Santiago_2_166

บริเวณนี้เป็นถนนคนเดินที่มีแผงขายของเต็มทั้งสองฝั่งถนน ริมจัตุรัสยังมีงานประติมากรรมแปลกๆ ที่เป็นรูปใบหน้าคนขนาดใหญ่ นั่นคืออนุสาวรีย์คนพื้นเมืองของชาวชิลีที่ว่ากันว่า ดั้งเดิมเป็นพวกชาวอินเดียน ในตัวเมืองยังมีพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างหลากหลายให้เลือกชม โดยเฉพาะ Museo Nacional de Bella Artes หรือ The National Fine Arts Museum ที่ฉันอยากเข้าไปชมมาก แต่น่าเสียดายที่กำลังอยู่ในช่วงปิดปรับปรุง

Santiago_2_235

เดินมาจากจัตุรัสอาร์มาสไม่ไกลนักก็จะเจอ Cerro Santa Lucia ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาด้านบนได้โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชม ใช้เพียงกำลังขาเท่านั้น เดินขึ้นมาถึงด้านบนสุดก็จะเห็นวิวรอบเมืองซานติอาโก โดยเฉพาะตึก Costanera center ตึกที่สูงที่สุดในชิลีและทวีปอมเริกาใต้โดดเด่นมากได้ลองเข้าไปเดินเล่นแป๊บนึง ในตัวตึกมีห้างสรรพสินค้าและจุดชมวิวเมืองมุมสูงจากด้านบนของตึกด้วย

Santiago_2_074

จุดหมายต่อไปคือการไปเดินเล่นชมตลาด ฉันมีความเชื่อส่วนตัวว่า การเดินตลาดเป็นการเข้าถึงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นได้ดีที่สุด เริ่มต้นจาก Mercado Vega Chica หรือตลาดผักและผลไม้กลางของเมือง ชิลีมีพืชผลทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์มาก เพราะดินดีและมีทรัพยากรน้ำเหลือเฟือ รวมทั้งเนื้อสัตว์และอาหารทะเล ผักและผลไม้ในตลาดดูสดและสีสันสดใสน่าจับจ่ายใช้สอย

Santiago_2_055

ผู้คนที่นี่ก็สนุกสนานเป็นมิตร เห็นฉันสะพายกล้องคล้องคอก็เก็กท่าให้ถ่ายรูป ฉันจึงใช้เวลาเดินเล่นถ่ายรูปในตลาดเพลิดเพลินมาก ต่อด้วยการทานอาหารท้องถิ่นเติมพลัง อาหารในตลาดราคาไม่แพง รสชาติดี แถมได้บรรยากาศโลคอลสุดๆ นึกถึงตลาดจตุจักรบ้านเราเลย

Santiago_2_210

บ่ายแก่ๆฉันเดินทางไปยังเนินเขาซันคริสโตบัล (Cerro San Cristobal หรือ Saint Cristobal Hill) เนินเขาสูง 880 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตั้งชื่อตามนักบุญ Saint Christopher ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คของเมืองซานติอาโก บนยอดเขามีประติมากรรมรูปปั้นพระแม่มารีมีความสูงประมาณ 22.5 เมตร ซึ่งได้รับการบริจาคจากประเทศฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1908 การขึ้นเนินเขาซันคริสโตบัลมีหลายวิธี ได้แก่ รถราง (Funicular) รถกระเช้า (Cable car) ขับรถส่วนตัว ปั่นจักรยาน หรือเดินขึ้นมาก็ได้ ตามสูตรการท่องเที่ยวคือการนั่งรถรางขึ้นมาแล้วลงด้วยกระเช้าไปยังอีกฝั่งของภูเขา เพื่อแวะชมสวนสาธารณะและสวนสัตว์ของเมืองได้

Santiago_2_241

แต่วันนั้นฤกษ์งามยามดีรถกระเช้าปิดให้บริการ ฉันจึงใช้บริการนั่งรถรางทั้งไปและกลับ รูปปั้นพระแม่มารีสวยงาม สีขาวตัดกับท้องฟ้าแต่น่าเสียดายที่มีเสาสัญญาณอยู่ด้านหลัง ไม่ว่าจะหันกล้องไปมุมไหนก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงติดเสาสัญญาณมาด้วย ด้านล่างมีแท่นสำหรับจุดเทียนบูชาพระแม่มารี ถัดมามีโบสถ์เล็กๆเป็นที่สำหรับสวดมนต์ ที่นี่ยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของเมืองซานติอาโก สามารถมองเห็นได้ทั้งเมืองเลย เห็นเทือกเขาแอนดิสเป็นฉากหลัง บรรยากาศยามเย็นลมดีและโรแมนติกมาก

Santiago_2_047

ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นบนเนินเขาแล้ว ก็กลับลงมาในเมืองมุ่งตรงไปยังตลาดกลางของเมือง (Mercado Central) เพื่อไปทานอาหารทะเล เดินเข้ามาก็รู้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่ตลาดปลาสำหรับคนท้องถิ่น มีร้านขายอาหารเยอะแยะมากมาย แต่ละร้านพยายามเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยว ฉันเลือกสั่งเมนูอาหารทะเลล้วนๆ ทั้งปลาหมึกและหอยแมลงภู่ยักษ์ แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครรู้จักหรือพูดถึงเมนูอาหารชิลีมากนัก

Santiago_2_072

แต่วัตถุดิบที่นี่สุดยอดมาก อาหารทะเลสดๆ จากมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าได้รับการปรุงรสชาติให้จัดจ้านแบบอาหารไทย อาหารชิลีคงโด่งดังมีชื่อเสียงลือไกลมากกว่านี้ คนไทยอย่างฉันต้องขอสั่งพริกกับเกลือมาเพิ่มรสชาติให้ถูกปากมากขึ้น พนักงานเสิร์ฟก็ใจดีเขียนแนะนำชื่อพริกเกลือเป็นภาษาท้องถิ่นเอาไว้ให้ฉันได้นำไปใช้ในโอกาสหน้าด้วย

Santiago_2_130

ที่แปลกอีกอย่างคือ คนที่นี่ทานอาหารทะเลกับขนมปัง และฉันเพิ่งได้รู้ว่าคนชิลีทานขนมปังเยอะมาก เป็นรองแค่ชาวเยอรมันเท่านั้น มาเที่ยวซานติอาโกครั้งนี้ฉันได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นมากมายจากการสนทนากับชาวเมือง ทำให้รู้ว่าคนที่นี่นิยมดื่มชากันมาก แม้ว่าจะเห็นร้านกาแฟหรือคาเฟ่ทันสมัยมากมายตามท้องถนน แต่คนท้องถิ่นจริงๆนิยมดื่มชากันมากกว่า

Santiago_2_007

จากที่เคยคิดว่าซานติอาโกเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมาก ความจริงแล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ไกลจากตัวเมืองมีลานสกีชั้นยอดติดอันดับโลก มีไร่องุ่นที่ทำให้ไวน์ชิลีมีชื่อเสียง มีที่ตกปลาขี่ม้าปีนเขาล่องเรือ สารพัดจะเลือก เสียดายที่ไม่มีเวลาออกไปเที่ยวรอบๆซานติอาโกมากนัก เป็นเมืองหลวงที่มีความสมดุลระหว่างความเป็นเมืองและธรรมชาติอย่างดี อยู่ใจกลางซานติอาโกก็เห็นเทือกเขาแอนดิสเป็นแนวโอบล้อมเมืองเอาไว้ ตัวเมืองเองก็มีเอกลักษณ์แะสถานที่หลากหลายให้เลือกชม ฉันเดินทางมาในฤดูใบไม้ร่วง อากาศกำลังเย็นสบาย เหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อน

และสิ่งสำคัญที่ฉันได้ตระหนักก็คือ ชิลีเป็นประเทศที่มีเสน่ห์น่าค้นหาเสมอ

Santiago_2_155

ข้อมูลเพิ่มเติม
ชิลีเป็นอีกประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ที่คนไทยมาเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0