วันพิเศษของครอบครัวที่ ไซตามะ- Family Day in Saitama

Story & Photo by Editorial Staff

จากเมืองท่องเที่ยวหลักอย่าง กรุงโตเกียวออกไปทางตอนเหนือ โดยรถไฟสายเซบุ จาก อิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) มาลงที่สถานีจิจิบุ (Chichibu) ใช้เวลาเพียงชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น

จากจุดนี้เราสามารถท่องเที่ยวไปในเมืองที่ล้อมรอบด้วย ขุนเขาและธรรมชาติที่สวยงามของนากาโทโระ (Nagatoro) และจิจิบุ (Chichibu) ได้อย่างง่ายดาย

ในฤดูใบไม้ผลิ ยามที่ดอกซากุระเบ่งบาน บริเวณถนนสายเล็กๆ เลียบแม่น้ำของเมืองนากาโทโระ จะสวยงามไปด้วยซากุระเต็มสองฝั่ง ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระยอดนิยมของญี่ปุ่น ซึ่งเราสามารถชมซากุระได้นานกว่า 1 เดือนตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายนเลยทีเดียว พร้อมกับงานเทศกาลที่มีของท้องถิ่นมาขายกันด้วย

แต่หนึ่งในเทศกาลยิ่งใหญ่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก นั่นก็คืองานเทศกาลจิจิบุโยมัตสึริ ที่จัดขึ้นในทุกวันที่ 2 และ 3 เดือนธันวาคมของทุกปี

นอกจากเทศกาลหลักสองเทศกาลที่ทำให้ผู้คนเดินทางมาที่นี่แล้ว ศาลเจ้าโฮโดซัง (Hodosan Shrine) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาโฮโด (Mount Hodo) ของเมืองจิจิบุ

ศาลแห่งนี้มีอายุเก่าแก่เกือบ 2 พันปี คำว่า “โฮ” หมายถึงสมบัติ “โด” คือการขึ้นหรือการปีน และ “ซัง” คือ ภูเขา ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะศาลเจ้าแห่งโชคลาภบนภูเขา

ในแต่ละปีจึงมีผู้เข้ามาสักการะและขอพร เป็นจำนวนกว่าล้านคน เพราะเชื่อว่าจะได้รับการป้องกันให้แคล้วคลาดจากภัยพิบัติอัคคีภัยและการโจรกรรม มีอาคารหลักทั้งหมด 3 แห่งด้วยกัน คือ Honden และ Heiden 2 หลัง

ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณ Gongen-zukuri ด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ประดับอยู่โดยรอบทำให้ได้รับรางวัล The Michelin Green Guide 1 ดาว ในปี 2011 อีกด้วย

ใกล้กันกับศาลเจ้าแห่งนี้มีกระเช้าไฟฟ้า (Hodosan Ropeway) ที่ พาเราขึ้นไปด้านบนยอดเขาโฮโดเพื่อชมวิวมุมสูงของเมืองและเป็นอีกจุดที่ชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงามทีเดียว

กระเช้าลอยฟ้าจะออกเดินทางทุก 10 นาที ถ้าเดินขึ้นเขาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ถ้านั่งกระเช้าจะใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น

และที่นี่เป็นกระเช้าเพียงแห่งเดียวของจังหวัดไซตามะ นอกจากจะเป็นจุดชมซากุระและใบไม้ เปลี่ยนสีที่สวยงามแล้ว พระอาทิตย์ตกดินที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหนอีกด้วย

หากมาที่จิจิบุสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือการ ล่องแก่งน้ำเชี่ยวนากาโทโระไลน์คุดาริ (Nagatoro Line Kudari) เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางน้ำที่นอกจากเราจะได้ลองนั่งเรือดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นไปตามแม่น้ำอาราคาวะที่ไหลไป ท่ามกลางหุบเขานากาโทโระกว่า 3 กิโลเมตรแล้ว เรายังจะได้รับความสดชื่นจากธรรมชาติที่สวยงามรอบข้างพร้อมความชุ่มฉ่ำจากสายน้ำยามที่เรือล่องไปในกระแสน้ำเชี่ยวที่คดเคี้ยวไปมา เราสามารถเลือกว่าจะล่องเรือแบบทวนน้ำขึ้นไปจุดเริ่มต้นที่ หุบเขาอิวาดะทามิหรือล่องลงก็ย่อมได้ ราคาอยู่ที่ 1,600 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 800 เยน สำหรับเด็ก

อีกจุดหนึ่งสำหรับการชมธรรมชาติในแถบนี้ คือที่หุบเขาเรนซาน (Ranzan Valley) ตั้งอยู่ที่ Musashi-Ranzan ซึ่งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติอันบริสุทธิ์

ที่นี่มีทิวทัศน์ที่คล้ายกับ Arashiyama ในเกียวโตในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สวนแห่งนี้มีสีสันที่หลากหลายตั้งแต่สีเหลืองสดใสไปจนถึงสีแดงเข้มสะท้อนกับผิวน้ำสวยงามมากโดยเฉพาะทางเดินเลียบแม่น้ำไป ตามขุนเขาผ่านอุโมงค์ใบเมเปิลจะสวยงามเป็นอย่างมาก

จบปิดท้ายไซตามะกันด้วยกิจกรรมเก็บผลไม้ที่ฟาร์มโคะมัตสุซะวะ (Komatsuzawa Leisure Farm) แต่ฟาร์มที่นี่มีความพิเศษกว่าฟาร์มผลไม้ที่อื่นๆ

เพราะนอกจากจะมีผลไม้ตามฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นองุ่นสตรอว์เบอร์รีแล้วที่นี่ยังมีฟาร์มเห็ด ไร่มันหวาน ให้เราได้ไปทดลองเก็บอีกด้วย

ยิ่งกว่านั้นที่นี่ยังมีบ่อปลาเทราต์ให้เราได้ไปทำกิจกรรมตกปลาอีกด้วย วัดฝีมือกันสักนิด หากตกปลาได้ สามารถนำมาย่างรับประทานเป็นบาร์บีคิวในมื้อกลางวันได้

แต่ถ้าตกไม่ได้ไม่ต้องเป็นกังวลที่ฟาร์มมีปลาย่างขายราคาย่อมเยา ไม่หมดเพียงเท่านี้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ทดลองทำกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะ เป็นการทำเส้นโซบะ เป็นต้น

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เห็นผู้คนหลากหลายวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงคุณตาคุณยายเต็มไปหมด

ถ้าเราเดินทางมาโดยรถสาธารณะทางฟาร์มจะมีรถบัสรับส่งจากสถานี Yokose อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจะเห็นได้ว่าเมืองเล็กแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่สามารถตอบรับความต้องการพักผ่อนของครอบครัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับโตเกียว เดินทางก็ สะดวกเหมาะสำหรับวันพิเศษของครอบครัวอย่างแท้จริง


Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0