สะบายดีเวียงจันทร์

Story & Photo by Editorial Staff

ลองมานึกเล่นๆ กันดูนะคะ ถ้าเราจะบอกว่า เราจะพาคุณไปเที่ยวที่หนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกล สามารถไปได้โดยไม่ต้องหยุดยาว ขอแค่วันเสาร์และอาทิตย์ก็พอ ไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายแพงๆ ไม่ต้องเครียดเรื่องภาษา วีซ่าไม่ต้องใช้ แถมกระซิบเพิ่มอีกว่า ถ้าคุณได้ไปแล้วรับรองจะหลงเสน่ห์เมืองสบายๆ เมืองนี้ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เมืองนี้จะทำให้คุณยิ้มได้ในขณะที่ชมวัดวาอาราม ยิ้มได้ในเวลาต่อรองราคาซื้อของช้อปปิ้ง ยิ้มแฉ่ง ปิดท้ายด้วยอาหารที่อร่อยก่อนกลับ คุณพอจะนึกออกบ้างรึยังคะว่าคือที่ไหนกันเอ่ย และเมืองที่เรากำลังพูดถึงตอนนี้ก็คือ เวียงจันทร์นั่นเองค่ะ

เวียงจันทร์ เป็นเมืองหลวงและก็เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศลาวค่ะ หรือชื่อเต็มๆ ว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียงจันทร์ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำโขง แต่ก่อนลาวตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส เวียงจันทน์จึงได้ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางการบริหารการปกครองของลาวในอาณัติของฝรั่งเศสในสมัยนั้น จนในปัจจุบัน ถึงแม้ลาวจะไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของฝรั่งเศสหลงเหลืออยู่ในเวียงจันทร์บ้าง ทั้งในด้านสถาปัตยกรรมตลอดจนอาหารการกินต่างๆ

การเดินทางไปเวียงจันทร์แสนง่ายสบายเหลือเกินค่ะ จะนั่งรถหรือนั่งเครื่องบินไปก็ได้ ถ้าไปทางรถ เราสามารถผ่านไปทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 1 (หนองคาย – เวียงจันทน์) ซึ่งสะพานสร้างข้ามแม่น้ำโขงระยะทาง 18 กิโลเมตร เพื่อข้ามระหว่างจังหวัดหนองคาย เข้ามายังเมืองเวียงจันทน์ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักสำหรับการเดินทางและการขนส่ง

แต่ทำไมถึงเรียกว่าสะพานมิตรภาพไทย ลาว 1 เหรอคะ จริงๆ แล้วแต่เดิมสะพานนี้ก็มีชื่อเรียกว่า สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แต่เนื่องจากมีการสร้างสะพานเชื่อมเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่ได้มีสะพานเชื่อมไทย ลาวเพียงสะพานเดียวแล้ว จีงเรียกแทนสะพานนี้ด้วยหมายเลข 1 ค่ะ

เราสามารถไปเที่ยวประเทศลาวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยบุคคลที่ถือสัญชาติไทย สามารถเดินทางไปลาวได้ จะต้องใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ค่ะ ซึ่งสามารถเดินทางเข้า – ออกลาวได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า และอยู่ประเทศลาวได้ 30 วัน หรือถ้าใครไม่มีหนังสือเดินทาง ก็ไม่เป็นไรค่ะ สามารถใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราว (Temporary Border Pass) ได้ แต่สามารถเดินทางเข้าลาว เฉพาะในเขตนครหลวงเวียงจันทน์เท่านั้น และอยู่ได้ครั้งละ 3 วัน 2 คืน ซึ่งการขอบัตรผ่านแดนชั่วคราว สามารถขอได้ที่ ที่ว่าการอำเภอเมืองที่มีชายแดนติดกับลาว

ในที่นี่ถ้าจะไปเวียงจันทน์ก็ผ่านจากทางพรมแดนจังหวัดหนองคาย โดยไปยื่นขอบัตรที่ที่ว่าการอำเภอเมืองหนองคายเลยค่ะ เอกสารที่ใช้ทำบัตรผ่านแดน ก็มีสำเนาบัตรประชาชน และรูปถ่ายและชำระค่าธรรมเนียม 40 บาท เท่านั้นค่ะ หลังจาก
เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ไปลุยกันเลยดีกว่าค่ะ ลุยยย

พระธาตุหลวง
เวียงจันทน์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง และพระธาตุหลวงเป็นที่ที่หนึ่งที่พลาดไม่ได้เชียวค่ะ พระธาตุหลวงเป็นพระธาตุใหญ่และสวยงามที่สุดในลาว เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ องค์พระธาตุมีความสูง 45 เมตร รูปลักษณะคล้ายดอกบัวตูม อันหมายถึงสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นปูชนียสถานที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อชาวลาวมากและเสมือนเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ

ปะตูไซ หรือ ประตูชัย
ตั้งอยู่บนถนนล้านช้าง ประตูชัยของนครเวียงจันทร์จะคล้ายประตูชัยของประเทศฝรั่งเศสแต่มีจุดที่แตกต่างกันบ้าง โดยลักษณะประตูชัยนครเวียงจันทน์จะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีประตู 4 ด้าน ซึ่งต่างจากต้นแบบของประเทศฝรั่งเศสที่มีประตูเพียง 2 ด้าน มีลายปูนปั้นตามศิลปะแบบลาว มีบันไดทางขึ้นสองข้าง โดยที่ด้านบนนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นบันไดเพื่อชมทิวทัศน์ของตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ได้

เมื่อเราได้มีโอกาศไปเยือนเวียงจันทร์ เราจะเห็นประตูชัยตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางสวนสาธารณะ มีถนนสายหลักที่มีลักษณะเป็นวงเวียนอยู่

และทางด้านหน้าของประตูชัย มีน้ำพุที่สวยงาม จุดประสงค์ในการสร้างก็เพื่อเฉลิมฉลองการได้รับอิสรภาพจากฝรั่งเศส ดังความหมายที่ว่าเป็นประตูแห่งชัยชนะนั่นเอง

หอพระแก้ว
หอพระแก้ว เป็นอาคารไม้แกะสลักสวยงาม เป็นสถานที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมา ปัจจุบันเหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐาน เพราะพระแก้วมรกตองค์ปัจจุบันได้รับการอัญเชิญลงมาประทับที่กรุงเทพมหานครในสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โดยสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นผู้อัญเชิญ ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีพระแก้วมรกตและไม่ใช่วัดอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ยังมีประชาชนลาว ประชาชนไทย และนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะบูชาและชมหอพระแก้วกันเป็นจำนวนมาก

วัดสีสะเกด
เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในเวียงจันทน์ ถึงแม้เวียงจันทร์จะผ่านศึกสงครามหลายยุคหลายสมัย แต่วัดสีสะเกดเป็นวัดเดียว ที่ไม่เคยถูกทำลายเหมือนวัดอื่นๆ ในเวียงจันทน์ ที่นี่มีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามและภายในยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เล็ก เชื่อกันว่าเป็นวัดที่มีพระพุทธรูปมากที่สุดในเวียงจันทน์

วัดศรีเมือง
วัดศรีเมือง เป็นวัดที่ประดิษฐาน “เสาหลักเมือง” ของนครเวียงจันทร์ เป็นวัดแห่งหนึ่งในเวียงจันทน์ที่มีประชาชนลาวและประชาชนไทย เดินทางไปสักการะ บูชาเป็นจำนวนมากในแต่ละวันและมักจะมานมัสการเจ้าแม่หลักเมือง หรือเจ้าแม่ศรีเมือง มากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล ผู้มาเยือนมักจะเสี่ยงทายดวงชะตา ตามที่เล่าต่อๆ กันมาว่าถ้าหากใครขออะไรก็มักสมหวังดังปรารถนายกเว้นเรื่อง
ความรักเท่านั้น

แหล่งช้อปปิ้ง
มาดูเรื่องชอปปิ้งกันบ้าง แนะนำให้ไปที่ตลาดเช้า มุมถนนล้านช้างตัดกับคู เปิดบริการตลอดทั้งวัน เวลา 06.00 – 16.00 น. ที่ชื่อตลาดเช้าเพราะเมื่อก่อนเปิดขายเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น มีสินค้าหลากชนิด เป็นตลาดหลัก และศูนย์กลางของการค้าขาย จำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและสินค้าจากต่างประเทศ เช่น พวกหัตถกรรมพื้นบ้าน งานฝีมือ งานเย็บปักถักร้อย ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าซิ่น เครื่องเงิน ไม้แกะสลัก เครื่องจักสาน งานฝีมือต่างๆ เป็นต้น สกุลเงินลาวเรียกว่า “กีบ” เทียบอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท เท่ากับ 260 กีบ (ราคาของวันนี้) การซื้อของ ที่นี่ก็ไม่ยากไม่ค่อยมีความต่างทางภาษาเท่าไหร่ เพราะคนลาวพูดภาษาไทยได้ ดังนั้นจะต่อราคาหรือจะซื้ออะไรคุยได้สบายเลยค่ะ

อาหาร
เราขอแนะนำขนมปังที่เรียกว่า ข้าวจี่ ปาเต้ หาซื้อกินได้ง่ายๆ ในเวียงจันทร์ในร้านอาหารบางร้านที่เวียงจันทน์ ซึ่งจริงๆ มันก็คือขนมปังบาแก็ตคล้ายๆ ขนมปังของฝรั่งเศส ถูกนำมาผ่ากลางยาว แต่ไม่ผ่าจนทำให้ขนมปังขาดจากกัน แล้วก็ใส่ใส้ต่างๆ เช่น หมูสับ หมูยอ หมูแดง และหมูหยอง จากนั้นก็แทรกด้วยแตงกวาหั่นยาว มะละกอและแครอทขูดฝอยยาวและผักชี แล้วแต่ชอบเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีพวกอาหารเวียดนาม เช่น เฝอ เป็นต้น ซึ่งรสชาติอร่อยต้องลองค่ะ

อ่านจบแล้วไม่รู้ว่าเสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี้ จะมีใครได้ไปชิลล์ๆ สบายๆ กันที่เวียงจันทร์บ้างไหมหนอ?

Share This Post:000