Forever Rome โรม…ความงดงามและยิ่งใหญ่ตลอดกาล

Story & Photo by เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง

หากมีการจัดอันดับเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของโลก ต้องมีกรุงโรม (Rome) เมืองหลวงของประเทศอิตาลีติดโผเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองในหลายยุคสมัย และได้แผ่อิทธิพลกว้างไกลออกไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและอาหาร กรุงโรมจึงไม่เคยว่างเว้นจากนักท่องเที่ยว

ฉันเองก็เคยไปเยือนกรุงโรมมาแล้วเมื่อสมัยที่เริ่มสะพายเป้ตะลอนเที่ยวยุโรปกว่าสิบปีก่อน ครั้งนี้ฉันกลับไปเยือนกรุงโรมอีกครั้ง หมายมั่นที่จะทำความรู้จักกับกรุงโรมในมุมที่แตกต่าง เพราะมีเพื่อนสนิทย้ายไปทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น

การได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตแบบคนท้องถิ่นทำให้การเดินทางครั้งนี้น่าตื่นเต้นและผ่อนคลายผสมปนเปกันโรมเต็มไปด้วยสถานที่ที่ต้องไปเยือน

และจุดท่องเที่ยวสำคัญก็อยู่ไม่ไกลกันนัก แม้ไม่ได้ตั้งใจจะไปตามเก็บเช็กอินให้ครบเหมือนตอนมาเที่ยวครั้งแรก

แต่อารยธรรมกว่าสองพันปีที่โรมบอกผ่านทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรมที่กระจายอยู่ทั่วเมืองตามจัตุรัส และโบสถ์ต่างๆ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปยังยุคสมัยที่อาณาจักรโรมันรุ่งเรือง

แค่เดินเล่นรอบๆ บริเวณโรมันฟอรัม (Roman Forum) ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรโรมันอันเกรียงไกร ถึงแม้ทุกวันนี้จะเหลือเพียงซากปรักหักพังของอาคารที่เคยใช้เป็นที่อภิปรายทางการเมือง วิหาร ซุ้มประตูและเสาหิน

แต่ยังคงปรากฏร่องรอยแห่งความยิ่งใหญ่ เมื่อจักรวรรดิโรมันถึงยุคเสื่อม อาคารเหล่านี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างและทรุดโทรม ชิ้นส่วนของอาคารถูกนำไปสร้างเป็นบ้านเรือน กระทั่งมีสภาพหลงเหลือเท่าที่เห็นในปัจจุบันย้อนเวลากลับไป

จุดกำเนิดของโรมอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเปลาติน (Pelatine) โดยประมาณ 753 ปีก่อนคริสตกาล โรมเรืองอำนาจขึ้นมาในฐานะศูนย์กลางของอาณาจักรโรมัน ก่อนจะขยายอำนาจจนก่อตั้งเป็นจักรวรรดิโรมัน

การเดินทางมาโรมจะสมบูรณ์ได้หากไปเยือนโคลอสเซียม (Colosseum) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคนี้ ฉันโชคดีที่ได้มาในวันที่เปิดให้ชมฟรี สนามกีฬากลางกรุงโรมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 80 จุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน มีความสูงถึง 48 เมตร

สร้างขึ้นโดยใช้แรงงานนักโทษกว่า 12,000 คน เพื่อใช้เป็นลานประลองระหว่างคนกับสัตว์ป่าดุร้าย ไม่ว่าจะเป็นสิงโต เสือ หมี หรือจระเข้ โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อแลกกับความบันเทิงของชาวโรมันในอดีต การต่อสู้ที่เรียกว่า กลาดิเอเตอร์ (Gladiator)

ที่ผู้คนคาดหวังเงินก้อนโตหากเป็นผู้ชนะ ส่วนผู้แพ้หากเพียงแค่บาดเจ็บจะถูกตัดสินว่าจะมีชีวิตรอดหรือถูกปลิดชีพในสนาม ประเมินกันว่ามีนักสู้กว่า 500,000 ชีวิตและสัตว์ป่ากว่า 1 ล้านตัวที่ถูกสังเวย แม้โคลอสเซียมจะได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโรมัน

แต่ขณะเดียวกันก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่นี่เป็นสัญลักษณ์ของความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกันและต่อสัตว์ร่วมโลก วันนี้แม้จะมีส่วนหักพังไปและต้องได้รับการปรับปรุงดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่ถือว่าสภาพค่อนข้างสมบูรณ์มากเมื่อเทียบกับอายุกว่า 1,900 ปี

ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 กรุงโรมได้เปลี่ยนแปลงโฉมครั้งใหญ่ สิ่งก่อสร้างอันวิจิตรบรรจงถูกสร้างขึ้นในช่วงนั้น โรมจึงเป็นต้นแบบของศิลปะทุกแขนง โบสถ์ วิหาร น้ำพุ และ สะพานมากมายถูกก่อสร้างขึ้นในยุคนั้น

หนึ่งในนั้นก็คือ วิหารแพนเธออน (Pantheon) ที่โดดเด่นด้วยหลังคาโดม ขนาดใหญ่ 142 ฟุต นับเป็นโดมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปสมัยเรอเนซองซ์เสาหน้าอาคารขนาดมหึมาเป็นแกรนิตทั้งต้นที่ได้มาจากอียิปต์

ไม่ควรพลาดเข้าไปชื่นชมความงดงามในวิหาร บรรยากาศภายในโถงดูขลังด้วยมีเพียงแสงสว่างจากช่องลมเพดานเท่านั้น

เป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์ ราชวงศ์ และบุคคลสำคัญ รวมไปถึงกษัตริย์พระองค์แรกแห่งอิตาลีและราฟาเอล (Raphael) ศิลปินชื่อก้องแห่งยุค

บริเวณลานเล็กๆ ด้านนอกวิหารบรรยากาศก็คึกคัก บรรดาร้านอาหารต่างเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เดินไปไม่ไกลนักจะเป็นบริเวณน้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain) น้ำพุขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งกรุงโรม ในอดีตเป็นจุดบรรจบของสะพานส่งน้ำสามสายที่เชื่อมมาจากแหล่งน้ำสะอาดนอกเมืองที่อยู่ห่างออกไป 22 กิโลเมตร

มีตำนานเล่าว่าแหล่งต้นน้ำนั้นค้นพบโดยหญิงสาวที่ชื่อทรีเวีย (Trivia) จึงกลายเป็นที่มาของชื่อน้ำพุนั่นเอง น้ำพุเทรวี่ถือเป็นผลผลิตของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของโรม ออกแบบและสร้างสรรค์โดย นีโกลา ซัลวี่ (Nicola Salvi) เป็นงานประติมากรรมที่ตกแต่งอย่างวิจิตร มีเทพเจ้าเนปจูน เทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ยืนตระหง่านกลางน้ำพุเป็นการจำลองห้วงมหาสมุทรตาม

ตำนานเทพเจ้าโรมันและไตรตันปราบม้าพยศที่ปล่อยน้้ำพุลงมา แม้จะทำใจมาแล้วว่าจะต้องมาเจอกับนักท่องเที่ยวล้นหลามจนแทบไม่มีที่ยืน หลายต่อหลายคนอธิษฐานพร้อมโยนเหรียญลงบ่อน้ำพุเพื่อหวังว่าจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งตามความเชื่อ ประมาณกันว่าในแต่ละวันมีคนโยนเหรียญลงไปถึง 3,000 ยูโร เงินเหล่านี้จะถูกรวบรวมเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้

ด้วยความที่ฉันไม่ค่อยนิยมสถานที่ที่มีคนเยอะๆ เลย ไม่ค่อยเพลิดเพลินกับบรรยากาศตรงนี้ได้นานนัก เดินเรื่อยเปื่อยชมอาคารเก่าแก่ที่สวยงามไปจนถึงบันไดสเปน (Spanish Steps) ซึ่งก็พลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศที่มารวมตัวกันเพื่อชื่นชมความสวยงามและบรรยากาศโดยรอบ

บันไดแห่งนี้ตั้งชื่อตามสถานทูตสเปนที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกันก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1720 เพื่อเชื่อมจัตุรัสสปัญญา (Piazza di Spagna) กับโบสถ์ตรีนีตะ เดลอีมอนติ (Trinita del Monti) ที่ตั้งอยู่บนเนินด้านบนด้วยองค์ประกอบจากตัวบันไดโบสถ์และเสาโอเบสิกที่อยู่รวมกันเกิดเป็นความสวยงามคลาสสิกโดยเฉพาะในช่วงเวลาแสงสุดท้ายของวัน

เดินเข้าไปในโบสถ์พบว่ากำลังมีการประกอบพิธีกรรมอยู่ จึงทำได้แค่ยืนชมจากบริเวณรั้วด้านหลัง พิธีกรรมที่เกิดขึ้นเพิ่มความขลังให้กับบรรยากาศโดยรอบ สมกับที่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคริสต์ศาสนาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานนับพันปี

หากมีการจัดอันดับสุดยอดประเทศที่มีอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ก็ต้องมีอิตาลีติดอยู่ในอันดับต้นๆ เสมอ

และถ้าได้มาลองลิ้มลองอาหารดั้งเดิมที่นี่ก็จะค้นพบว่าอิตาลีมีอาหารพื้นถิ่นชั้นเลิศให้ได้ค้นหาอีกเยอะ

แม้แต่พิซซ่าและพาสต้าอาหารหลักที่เรารู้จักกันดี มีให้เลือกหลากหลายชนิดหลากรสชาติ วัฒนธรรมอาหารแบบชาวโรมันน่าประทับใจที่สุดก็คือ “อะเปอริติโว” (Aperitivo)

เป็นการสังสรรค์ก่อนอาหารมื้อค่ำ ช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. (ส่วนอาหารมื้อค่ำค่อนข้างดึกประมาณ 21.00-22.00 น. กันเลย) เติมความสุขกันด้วยเครื่องดื่มประเภทค็อกเทลพร้อมบุฟเฟต์อาหารกินเล่น

หากมีโอกาสควรแวะไปมุมกินดื่มของโรมที่ฮอตฮิตที่สุดคือย่านตราสเตเวเร (Trastevere) เผื่อสัมผัสชีวิตที่รื่นรมย์แบบชาวอิตาลี

การเดินทางมาโรมครั้งนี้ นอกจากความสุขจากการใช้เวลากับผองเพื่อนแล้ว ยังทำให้ฉันเข้าใจความหมายของสุภาษิตภาษาอังกฤษ “Rome was not built in a day” หรือที่แปลเป็นไทยว่า “กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว” ได้อย่างถ่องแท้มากขึ้น สำหรับฉันโรมเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ชั้นดีของโลก ที่ยังเผยความยิ่งใหญ่และความงดงามของอดีตให้คงอยู่ตลอดกาล แม้อาณาจักรโรมันจะล่มสลายไปนานแล้วก็ตาม

ข้อมูลการท่องเที่ยวในกรุงโรมเพิ่มเติม
www.romanturismo.com
www.the-colosseum.net
www.romanforum.org



Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0