Discover the secret of Paris มองปารีส…ในมุมใหม่

Story & Photo by เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง

เมื่อกล่าวถึงเมืองท่องเที่ยวในฝัน “มหานครปารีส” เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส มักติดอันดับต้นๆ ที่หลายๆ คนฝันว่าครั้งหนึ่งต้องได้มาเยือนสักครั้ง ภาพจำแรกที่ฉันได้สัมผัสปารีสเมื่อหลายปีก่อน ช่างแตกต่างจากภาพฝันไกลหลายขุม

การเดินทางครั้งนั้นฉันพบเจอ ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยสวยงามและด้านมืดของปารีส หลายอย่างจนเกิดอาการโรคภูมิแพ้ปารีส หรือที่อาจเคยได้ยินกันว่า Paris Syndrome ถึงขั้นกับบอกตัวเองว่า… ปารีส ไม่ได้กลับไปอีก ก็ไม่เป็นไรนะ

แต่เรียกได้ว่าเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาฉันได้มีโอกาสกลับมาป้วนเปี้ยนและใช้ชีวิตที่ปารีส เดินทางไปๆ มาๆ ปารีสทุกเดือนจนรู้สึกผูกพันเหมือนเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของชีวิตไปแล้ว

และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ฉันได้สัมผัสกับปารีสและค้นพบมุมใหม่ๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอาจไม่ค่อยได้รู้จัก

นอกเหนือไปจากสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างหอไอเฟล

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ มหาวิหารนอเตรอดาม มงมารต์ ประตูชัย และถนนชองป์เซลีเซ่

Along the river Seine…เลาะเลียบริมแม่น้ำแซน

ในวันที่อากาศดี นักท่องเที่ยวมักเลือกที่จะล่องเรือเมล์บาโต้บุส (Batobus) เพื่อชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแซน

แต่สำหรับชาวปารีเซียง การออกไปนั่งพักผ่อน ออกกำลังกาย เดินเล่นเลาะเลียบ ริมแม่น้ำแซนเป็นกิจกรรมสุดโปรด

เวลาที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจ ฉันจะไปเดินเล่นหาที่นั่งชิลริมแม่น้ำแซน มีบางมุมที่แอบติ๊งต่างว่าเป็นพื้นที่ลับส่วนตัว

บ้างก็ไปจิบกาแฟในคาเฟ่หรือจิบไวน์ในบาร์บนเรือที่จอดอยู่ริมแม่น้ำ

โดยเฉพาะในยามค่ำคืนแถวนี้จะโรแมนติกเป็นพิเศษ ทางเดินเลียบแม่น้ำแซนฝั่งตรงข้ามกับมหาวิหารนอเตรอดาม (Cathédrale Notre-Dame)

เป็นแผงขายหนังสือเก่า สิ่งพิมพ์ ภาพถ่าย และโปสเตอร์ สมัยก่อน ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินย้อนเวลากลับไปหาอดีต

ไม่ไกลกันนั้นเป็นที่ตั้งของร้านหนังสือเชคสเปียร์ แอนด์ โค (Shakespeare & Co.) สถานที่ยอดฮิตที่ผู้คนต้องไปเยี่ยมเยือนถ่ายภาพที่ระลึกหน้าประตู เพราะเป็นที่รับรู้กันดีว่าภายในร้านนั้นถ่ายภาพไม่ได้

คอหนังสืออย่างฉันโปรดปรานที่นี่เป็นพิเศษ เพราะมีหนังสือภาษาอังกฤษให้เลือกมากมายและบรรยากาศที่ ยังไม่สร่างมนตร์ขลังจากการเป็นที่พบปะสังสรรค์ของนักเขียน ศิลปิน นักคิด และนักอ่าน มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิด อภิปรายเกี่ยวกับหนังสือเกิดขึ้นทุกปี ดังเจตจำนงของผู้ก่อตั้งที่อยากให้ที่นี่เป็นสวรรค์ในอุดมคติของนักเขียน

นับแต่ก่อตั้งจนปัจจุบัน เชคสเปียร์ แอนด์ โค มีนักเขียนมาพำนักเพื่อสร้างสรรค์ ผลงานกว่าสามหมื่นคนแล้ว มาย่านนี้แล้วต้องไม่พลาดไปเดินเล่นบนถนนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ อย่างถนนชานัวเนสส์ (Rue de Chanoinesse) ถนนสายสั้นๆ นี้เป็นที่ตั้งของร้าน Au Vieux Paris ที่สวยมีเสน่ห์ยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอก Wisteria สีม่วงบานสะพรั่งเต็มต้น

Unmissable museums & architectural wonders…

สถานที่นอกสายตาต้องห้ามพลาด ปารีสเมืองที่ขึ้นชื่อด้านศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ เมืองที่สวยงามแห่งนี้ได้รวบรวมผลงานและเรื่องราวต่างๆ ให้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัส เรียนรู้ และชื่นชม

สำหรับคนที่ชื่นชอบการเที่ยวชมความงามของงานศิลปะอันทรงคุณค่าและต้องการสัมผัสถึงสถานที่อันเป็นประวัติศาสตร์แสนยาวนานของปารีส การมีบัตร Paris Museum Pass ถือว่าคุ้มสุดคุ้มเพราะประหยัดทั้งเงินและเวลาในการรอคิว เพราะบัตรนี้ครอบคลุมการใช้งานทั้งพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานต่างๆ มากกว่า 50 แห่ง ในปารีสแบบไม่จำกัด

หากมีเวลาเหลือ ลองให้โอกาสพิพิธภัณฑ์และสถานที่ชื่อไม่ค่อยดังเหล่านี้ดูบ้าง โอเปร่า การ์นิเย่ (Opera Garnier)

โรงละครโอเปร่าที่สร้างขึ้นในปี 1861 ถือเป็นสิ่งก่อสร้างอาคารที่มีราคาแพงที่สุดในยุคนั้นเลยทีเดียว

ที่นี่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนนวนิยายมากมาย อย่างวรรณกรรมคลาสสิกของฝรั่งเศสเรื่อง Phantom of the Opera ด้านนอกมีผู้คนมานั่งพักผ่อนหย่อนอารมณ์กันตามมุมต่างๆ

ลานกว้างด้านหน้าโรงละครโอเปร่าคลาคล่ำไปด้วยนักท่องโลกมายืนแหงนคอมองสถาปัตยกรรมอันวิจิตร แม้ที่นี่อาจจะไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างที่สวยงามที่สุดของปารีส แต่ไม่มีวันไหนที่ไร้เงาผู้มาเยือน

ด้านหลังของโรงละครโอเปร่าคือห้างสรรพสินค้าแกลเลอรี่ลาฟาแยตต์ (Galeries La Fayette) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อันแสนหรูหราที่แม้ไม่ได้ไปซื้ออะไร

แค่ไป Window shopping ก็เพลิดเพลินแล้ว ด้านในมีโดมกระจกสีขนาดใหญ่และโดดเด่นที่อยู่คู่กับห้างมาอย่างยาวนาน

โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ (Sainte-Chapelle) สำหรับฉันที่นี่คือวิหารที่งดงามที่สุดในปารีส

ว่ากันว่าเป็นสุดยอดของสถาปัตยกรรมแรยอน็องในยุคของสถาปัตยกรรมโกธิก

ความสวยงามของแซงต์ ชาแปล นั้นอยู่ที่กระจกสีที่นำมาใช้ในการตกเเต่งโบสถ์

ซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเเสงจากภายนอกนั้นสาดเเสงเข้ามา จะทำให้คุณสามารถมองเห็นลวดลายเเละความงดงามของกระจกอย่างชัดเจน

พิพิธภัณฑ์ดอร์เซ (Muse e d’Orsay) นับเป็นสถานที่รวบรวมสุดยอดผลงานศิลปะ Impressionist และ Post-impressionist ตัวอาคารมีลักษณะคล้ายชุมทางรถไฟ เพราะว่าเดิมอาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานีรถไฟสำหรับงานแสดงสินค้ามาก่อน ศูนย์ฌอร์ฌ ปงปีดู (Centre Georges Pompidou) อาคารอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบให้แตกต่างจากอาคารอื่นๆ

ด้วยการโชว์โครงสร้างเหล็ก ท่อสายไฟ ท่อน้ำ ท่อระบายลมขนาดใหญ่ และที่โดดเด่นที่สุดการนำเอาบันไดเลื่อนมาไว้ข้างนอก ให้ความรู้สึกเหมือนยังสร้างไม่เสร็จ ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีห้องนิทรรศการห้องสมุดประชาชน โรงภาพยนตร์ และพื้นที่ชมวิวเมือง ด้านในมีแต่คนแต่งตัวอาร์ตๆ เดินชมผลงานศิลปะ ส่วนด้านนอกมีคนทั่วไปมานั่งๆ นอนตากอากาศอุ่นอยู่เต็มพื้นที่ ใกล้กับศูนย์มีภาพวาดใบหน้าของดาลี (Salvador Dali) ศิลปินสุดเท่ชาวสเปนบนผนังตึก

Markets in Paris…เที่ยวตลาดในปารีส ตลาดนัดเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนนั้นๆ ได้ดีที่สุด กรุงปารีสเองก็มีตลาดนัดมากมายทุกชนิด ตลาดที่ชาวปารีเซียงชื่นชอบมากที่สุดคงจะเป็น มาร์เช อาลิเกร (Marché d’Aligre)

ที่นี่เป็นตลาดที่คึกคักและมีความหลากหลายมากที่สุดในเมือง เป็นเหมือนศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สดใหม่ที่อาจหาไม่ได้จากซูเปอร์มาร์เก็ต

พืชผักผลไม้สีสันชวนให้น่ารับประทานสนุกที่สุดคงเป็นการได้ลิ้มลองอาหารฝรั่งเศสหลากหลายเมนู เช่น ตับห่าน, ชีสและขนมปัง รวมไปถึงไวน์เลิศรส

อีกตลาดที่ไม่ควรพลาด คือตลาดต้นไม้เก่าแก่ มาร์เช อู เฟลอร์ (Marché aux fleurs) ที่ Le Marais…ย่านเก่าแต่เก๋แห่งกรุงปารีส เลอ มาเร่ส์ (Le Marais)

เป็นย่านที่ฉันรู้สึกคุ้นเคยและชอบมากที่สุด สามารถตั้งต้นเดินจากบาสตีย์ (Bastille) หรือแซงต์ ปอล (St. Paul) ก็ได้ เป็นย่านที่เดินสบาย ไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านเหมือนย่านอื่นๆ ความน่ารักของตลาดนัดเล็กๆ

ร้านค้าแบรนด์เนมปะปนกับร้านขายของแนววินเทจ และบรรดาคาเฟ่เก๋ๆ ที่พากันแอบซ่อนอยู่ตามซอกซอย

รับรองว่าถ้าได้ลองเดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้คุณจะได้เจอความชิกแบบปารีเซียง เหมาะมากแก่การเดินหลงทางเรียกว่ามาย่านนี้เก็บแผนที่เข้ากระเป๋าแล้ว เดินชิลๆ ได้เลย

มุมโปรดของฉันคือ ปลาส เดส์ โวสจ์ (Place des Vosges) จัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในปารีส ที่นี่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1605 ทุกด้านของจัตุรัสล้อมรอบด้วยอาคารอิฐสีแดงที่โดดเด่น ด้วยทางเดินแบบระเบียง หลังคาทรงโค้งยาวเชื่อมต่อกันทั้งหมด ซุ้มประตูโค้งที่มีมนตร์เสน่ห์

มาเดินเล่นย่านนี้ให้ความรู้สึกว่า บางครั้งปารีสก็ให้ความรู้สึกจัดจ้านเต็มไปด้วยสีสัน บางครั้งปารีสก็เป็นเมืองคลาสสิกแสนขรึมขลังราวกับอยู่ในภาพยนตร์โรแมนติกสีขาวดำ

สำหรับฉันวิธีที่จะสัมผัสเสน่ห์ตรึงใจของปารีส ใช่ว่าแค่การเยี่ยมเยือนในสถานที่ที่ใครๆ ก็ต้องไป แต่การปล่อยให้ตัวเองได้ไปสัมผัสและทำความรู้จักกับปารีสนิยามใหม่ๆ ในบางซอกมุมของปารีสยังมีสิ่งที่น่าค้นหา ปารีสยังมีมนตร์ขลังทรงพลังและให้แรงบันดาลใจเสมอ จากที่เคยไม่ชอบ เปลี่ยนเป็นรักและผูกพัน ทุกวันนี้ก็เผลอคิดถึงปารีสอยู่บ่อยๆ


Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0