เมืองคอง ครองใจ

Story by Editorial Staff, Photo by Nan Chutinan

ท่ามกลางอุณหภูมิที่วิ่งสูงกว่า 37-38 องศาเซลเซียสของเมืองไทย สิ่งเดียวที่สามารถเยียวยาจิตใจให้ชุ่มชื่นและชุ่มฉ่ำได้คือ ภาพของท้องทุ่งนาสีเขียวขจี ความแจ่มใสของท้องฟ้ากว้าง และชานระเบียงหน้าบ้านของกระท่อมโฮมสเตย์หลังเล็กริมทุ่ง พุ่งเข้ามาทีเดียว

แต่บรรยากาศเช่นนี้แบบที่ห่างไกลผู้คน ให้ธรรมชาติได้โอบกอดเราได้อย่างเต็มที่ สงบยิ่งกว่าสงบ จะหาได้จากที่ไหนล่ะ ฉันเสนอที่นี่เลย…เมืองคอง (ที่จะเข้ามา) ครองใจ คุณได้อย่างแน่นอน

หลายคนอาจจะสงสัยว่า…เมืองคองนั้นตั้งอยู่ที่ไหน เมืองคองเป็นหมู่บ้านหนึ่งในเขตอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ทางไปเมืองคองนั้นคือ ทางเดียวกับที่ไปดอยหลวงเชียงดาว ที่ชึ้นชื่อนั่นเอง แต่การจะไปเมืองคองนั้น ก็ต้องขับเลยผ่านดอยหลวงเชียงดาวไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร เท่านั้นเอง (ขึ้นเสียงสูง)

ถ้าไม่มีรถส่วนตัวไปอย่างไร ไม่ต้องกังวลมีรถสองแถวไปเหมือนกัน จากสถานีรถขนส่งช้างเผือก ในตัวเมืองเชียงใหม่ นั่งรถบัสคันสีแดง เชียงใหม่ -​ท่าตอน แต่ให้ลงที่ตลาดสดเชียงดาว ค่าโดยสารประมาณ 90 บาทจากตรงนี้ให้ขึ้นรถสองแถวสีเหลือง เชียงดาว – ​เมืองคอง มี 2 รอบ (08.00 น. และ 10.00 น.)

หรือโดยมากโฮมสเตย์ที่ให้บริการบางแห่งจะมีรถรับส่งราคาประมาณ 1,000 บาท อันนี้สอบถามที่พักที่ตนเองพักได้เลย การไปเมืองคองต้องผ่านจุดตรวจหน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง-นาเลา -ดอยหลวงเชียงดาว ต้องลงชื่อทั้งขาไปและขากลับ ค่าเข้าคนละ 20 บาท รถยนต์คันละ 30บาท

เมื่อมาถึงเมืองคอง สิ่งที่แรกที่สัมผัสได้คือ ความบริสุทธิ์ของพื้นที่ น่าจะเป็นข้อดีของเมืองคองที่อยู่ไกลปืนเที่ยงเช่นนี้ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนเดินทางเข้ามาถึงได้มากเท่าไหร่

ยิ่งคนที่ต้องการมาหาความคึกครื้นแล้วละก็ เมืองคองไม่เหมาะกับคุณแน่นอน แต่ถ้าคุณเป็นสายธรรมชาติต้องการความเงียบสงบ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย ปล่อยผ่านช่วงเวลาไปกับความรื่นรมย์รอบตัวละก็ ที่นี่เหมาะกับคุณมาก

ชุมชนของเมืองคองนั้นประกอบไปด้วยชนหลายเผ่า ที่หลากหลายทั้งชาวไทยใหญ่ ลีซอ มูเซอ กะเหรี่ยง และรวมไปถึงคนพื้นเมือง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ

ตัวหมู่บ้านมีแม่น้ำคองไหลผ่านทั่วทั้วหมู่บ้าน บ้านเรือนส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์

สิ่งหนึ่งที่คุณจะเห็นเยอะนอกจากท้องทุ่งนา คือ วัว ควาย ที่เดินไปมาในหมู่บ้าน นอกจากการทำเกษตรกรรมแล้ว ชาวบ้านยังมีอาชีพเสริมเช่น การทอผ้า บางบ้านมีผ้าทอมือสวยๆ ขายสอบถามได้

ถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ก็มีร้านขายของชำ ให้ซื้อหาขนมของขบเคี้ยว และมีร้านกาแฟน่ารักอยุ่เช่นกันไม่ต้องกลัวอด ทางภายในหมู่บ้านก็สะอาดสะอ้านเทคอนกรีตอย่างดี สะดวกสบายมาก

ในส่วนของกิจกรรมที่เมืองคอง นอกจากจะเป็นสายสบาย แบบชอบนอนกินลมชมวิว อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม ปล่อยเวลาให้ได้อยู่กับตัวเอง ยิ่งถ้าช่วงที่มีการปลูกข้าวประมาณปลายเดือนกรกฎาคมก็ยิ่งได้บรรยากาศโฮมสเตย์ชายทุ่ง

แล้วพอเวลาฝนตก เกิดหมอกคลอเคลียยอดข้าว แนวเขา ฟินสุดๆ แต่ถ้าเป็นสายกิจกรรม อยากออกกำลังกายแบบเบาๆ แล้วละก็ เอาจักรยานไปปั่นเที่ยวชมรอบหมู่บ้านได้ (บางที่พักมีจักรยานทั้งให้ยืมฟรีและให้เช่า) คุณจะได้สัมผัสกับความเป็นมิตรไมตรีของชาวบ้านเมืองคอง ที่พร้อมยิ้มต้อนรับนักเดินทางเช่นเรา 

หรือจะซื้อโปรแกรมชมวิถีชีวิตชนเผ่าปกาเกอะญอ เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขา หลายที่พักก็มีจัดกิจกรรมให้ หรือขยับกิจกรรมขึ้นอีกนิดสำหรับคนชอบสายน้ำ ตรงบริเวณฝายน้ำล้ม มีบริการล่องห่วงยางไปตามลำน้ำคอง สนนราคาเล่นห่วงยางอยู่ที่ 200 บาทต่อคนต่อชั่วโมง นั่งจ่อมเข้าไปในห่วงยางแล้วลอยละล่องไปตามสายน้ำได้เลย 

หรือคนที่ต้องการดูนกที่เมืองคอง ที่เมืองคองมีนกหลากหลายสายพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่น นกกระเต็นขาวดำใหญ่ที่มาพร้อมหงอนตั้งคล้ายมงกุฎ ก็มีให้เห็นในช่วงกรกฎาคม ที่เป็นช่วงข้าวจะเห็นเยอะหน่อย  นกกระเต็นน้อยธรรมดาก็มีไม่ใช่น้อยงจะพบประมาณเดือนกันยายนไปจนถึงปลายฤดูหนาว เพราะเป็นนกที่อพยพมาจากที่ที่มีอากาศหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว  เรียกได้ว่าที่เมืองคองเป็นอีกหนึ่งสวรรค์ของคนชอบดูนกเลยทีเดียว

สำหรับที่พักที่เมืองคอง โดยมากจะเป็นโฮมสเตย์ เริ่มต้นตั้งแต่ 500 บาทเป็นต้นไป

ห้องพักส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกพื้น อยู่ติดริมท้องทุ่งให้บรรยากาศธรรมชาติสุดๆ

และมักจะมีชานหน้าบ้านให้เราได้นอนเปลหรือนั่งเก้าอี้ชมวิวได้ บางที่พักจะมีบริการอาหารเช้า กลางวัน เย็น สนนราคาตั้งแต่ 100 บาทต่อคนต่อมื้อ

ที่สำคัญ เขาว่ามาเมืองคอง ไม่ได้กินปลามอนเหมือนมาไม่ถึง ดังนั้นถ้ามีโอกาสอย่าลืมสั่งมากินได้

หากช่วงนี้หลายคนเคร่งเครียดอยากไปพักร้อนอยู่กับธรรมชาติ ให้ธรรมชาติสัมผัสเรา แนะนำที่เมืองคองกันเลย

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0