วิธีดูแลกระเป๋าเดินทางให้ใหม่ อยู่เสมอ

กระเป๋าเดินทางเรียกได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้น สำหรับคนที่เดินทางท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้าใครได้ไปเจอกับกระเป๋าเดินทางที่ถนัดมือและคุ้นเคย ย่อมไม่อยากเปลี่ยนใบใหม่กันเลยทีเดียว แต่จะทำอย่างไรให้ กระเป๋าเดินทางใบโปรดอยู่คู่กับเราไปนานๆ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา ไปดูกันว่าทำอย่างไรได้บ้าง

  1. จัดของลงกระเป๋าอย่างระวัง เช่น ของหนักควรวางบริเวณใกล้ล้อหรือฐานเพราะเวลาวางพื้นหรือลากเดินทางจะได้คงน้ำหนักได้ ห่อสิ่งของให้เรียบร้อยเช่น ของแหลม เครื่องแก้วที่อาจแตกหรือทิ่มแทงกระเป๋าทะลุได้ ยิ่งกระเป๋าผ้าต้องระวัง
  2. ใส่ผ้าคลุมกระเป๋าเดินทางสักนิด นอกจากผ้าคลุมกระเป๋าเดินทางจะช่วยในเรื่องกันรอยขีดข่วนที่เกิดจากการขนย้ายลำเลียงในขณะที่โหลดใต้เครื่องแล้ว ยังกันความสกปรก รอยเลอะหรือคราบต่างๆ สำหรับกระเป๋าเดินทางแบบผ้า อีกอย่างสามารถกันกระแทกและกันฝนได้ระดับหนึ่งหากซื้อผ้าคลุมกระเป๋าที่เป็น พลาสติกหรือกันน้ำ นอกจากนั้น เราสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมจำพวกสายรัดมาใส่ไว้ระหว่างเดินทางเพิ่มความแข็งแรงให้กระเป๋าได้อีกชั้น และไม่ต้องกลัวของแตกกระจายอีกด้วย
  3. เวลาใช้งาน ไม่ควรยกกระเป๋าด้วยคันชักเพราะอาจแตกหักเสียหายได้
  4. ใช้แล้วทำความสะอาดด้วย หลังจากเดินทางกลับมา ควรเช็ดทำความสะอาดทั้งด้านนอกด้านใน ปลดสายรั้งด้านในกระเป๋าเพื่อป้องกันการยืดของยาง ใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ เช็ดให้ทั่วทั้งใบทั้งข้างในและข้างนอก ตามด้วยผ้าแห้ง หากเป็นรอยเยอะๆ ให้ใช้สเตคลีน ทาทิ้งไว้ 15-20 นาที จึงเช็ดออก บริเวณล้อ ให้ใช้คัตเตอร์สะกิดเบาๆ แล้วดึงเศษฝุ่นเศษผมออกเพื่อทำความสะอาด จากนั้นใช้สเตคลีนทำความสะอาดอีกที ส่วนที่เป็นโลหะก็ทาด้วยวาสลีนกันสนิมไว้ เช่น ตัวล็อก เพื่อป้องกันสนิม จากนั้นนำกระเป๋าไปผึ่งลมให้แห้ง
  5. ช่วงที่ไม่ได้เดินทาง หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อย ให้เก็บในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ห้ามวางไว้ที่แดดส่องถึง ไม่ควรวางกระเป๋าเดินทางติดกัน เพราะเมื่อโดนความร้อนอาจจะทำให้กระเป๋าดูดติดกันเมื่อดึงออกอาจจะเป็นรอยหรือเสียหายได้ หรือนำฟิล์มยืดมาห่อกระเป๋าไว้เพื่อกันฝุ่นและละอองต่างๆ หรือใช้ผ้าคลุมกระเป๋าคลุมไว้ ช่วยป้องกันความอับชื้นและกันกระเป๋าไม่ให้เสื่อมสภาพหรือสึกหรอเร็วกว่าปกติ ช่วยให้กระเป๋าใหม่เอี่ยมอยู่เสมอได้อีกทางหนึ่ง

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0