เส้นทางอาหารถิ่นในตำนาน จังหวัดตาก
Story & Photo by Editorial Staff
จังหวัดตาก ตั้งอยู่ภาคเหนือตอนล่างของประเทศ เป็นจังหวัดที่มีขนาดเป็นอันดับ 4 ของประเทศและเป็นอันดับ 2 ของภาคเหนือ ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 426 กิโลเมตร สถานที่ท่องเที่ยวทั้งภูเขา และป่าไม้ มีอุทยานแห่งชาติถึง 5 อุทยาน คือ อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช อุทยานแห่งชาติแม่เมย อุทยานแห่งชาติลานสาง และอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ มีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 5 แห่ง และป่าสงวนแห่งชาติอีก 15 แห่ง นอกจากนี้ยังมีน้ำตกที่ต้องมาเยือนสักครั้ง คือ น้ำตกทีลอซู และน้ำตกทีลอเร แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ
แต่ที่กล่าวมาข้างต้น หลายๆ ท่านคงพอทราบกันอยู่บ้างแล้ว ครั้งนี้ทางกองตลาดภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ททท. สำนักงานตาก ได้เชิญสื่อร่วมเดินทางไปลิ้มลองรสชาติอาหารถิ่นในตำนานของจังหวัดตาก เผลอหลุดอุทานออกมาเบาๆ เยี่ยมเลย ตอบรับร่วมเดินทางเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่เตรียมตัวอร่อยกับอาหารถิ่นในตำนานกันได้เลย
วันรุ่งขึ้นจัดของเรียบร้อย ชาวคณะก็พร้อมออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดตาก ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตรเศษ ด้วยความที่ตื่นเช้าเราก็อาศัยหลับบนรถเอาแรง ระหว่างทางเราก็มีแวะกินอาหารเช้ากัน
หลังจากนั่งหลับจนอิ่มเราก็เข้าสู่ตัวเมืองตากกันในช่วงเที่ยง เราก็จัดการเพิ่มพลังด้วยเมนูก๋วยเตี๋ยวพื้นเมือง ที่มีกุ้งแห้งป่น แคบหมูชิ้นเล็ก หอมกระเทียมเจียว หมูบะช่อ ถั่วฝักยาวหั่นเฉียง มีทั้งชนิดแห้งและน้ำ ทั้งแบบยำหรือน้ำใส ตามชอบ
เป้าหมายต่อมาของเราที่ชุมชนหัวเดียดเพื่อมาชิม ข้าวแคบ/ข้าวเกรียบงาดำ พร้อมทั้งชมวิธีทำข้าวเกรียบงาดำในฉบับท้องถิ่น ซึ่งหลังจากผสมแป้งข้าวโพดผสมกับน้ำ และใส่งาดำและเกลือ (ตามสูตรโบราณ) นำมาทำข้าวเกรียบงาโดยวิธีคล้ายกับทำข้าวเกรียบปากหม้อ เสร็จแล้วนำมาวางบนตับแคร่ตากแดดให้แห้งกรอบ
ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารหลายชนิด ทั้งยำข้าวเกรียบ หรือทอดกินกับแกงมะแฮะ อาหารพื้นบ้านของคนตาก และยังเป็นของฝากขึ้นชื่อสำหรับผู้มาเยือนให้ได้ซื้อหากัน
เมี่ยง เป็นอาหารกินเล่นของคนเมืองตาก เคี้ยวเพลินๆ อิ่มได้ไม่รู้ตัว ไม่ควรพลาดเลยทั้ง เมี่ยงแคบหมู ที่เอาใบเมี่ยงไปหมักด้วยน้ำส้มสายชูและขิง โรยหน้าด้วยแคบหมู ถั่วลิสง เอามาคั่วกับกระเทียมเจียว ทั้งหอม กรอบ และมีรสเปรี้ยวผสมกัน อร่อยเพลินจริงๆ คนตากจะเรียกเมี่ยงที่ห่อแล้วว่า “อม” เวลาที่มีงานบวชหรืองานศพ ชาวบ้านจะมาช่วยกันห่อเมี่ยง เพื่อให้แขกที่มาในงานรับประทาน
เมี่ยงมะพร้าว ใช้เนื้อมะพร้าวหั่นเป็นฝอยๆ ถั่วลิสง และกระเทียม ทอดให้เหลืองกรอบ หรือเอาเนื้อมะพร้าวมาขูดเป็นเส้นๆ ถั่วลิสง กระเทียม น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มาทอดในน้ำมันรวมกัน ของขึ้นชื่ออีกอย่างนิยมซื้อเป็นของฝาก มีทั้งห่อเล็กห่อใหญ่ให้เลือกซื้อ
เมี่ยงจอมพล ฟังดูแล้วคงอยากเห็นหน้าตา และอยากลิ้มรสชาติกันแล้วว่าจะเป็นอย่างไร เดิมชาวบ้านเรียกว่าเมี่ยงเต้าเจี้ยว แต่ด้วยความที่มีจอมพลท่านหนึ่งท่านเป็นคนเมืองตากคือ จอมพลถนอม กิตติขจร ทุกครั้งที่กลับมาบ้านเกิดจะต้องสั่งเมี่ยงเต้าเจี้ยวมากินประจำ จึงตั้งชื่อเมี่ยงเต้าเจี้ยวว่าเมี่ยงจอมพล
ร้านที่เราแวะกินเมี่ยงจอมพลคือร้านป้าแป้ว เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ป้าแป้วจัดแจงให้เราชิมเมี่ยงจอมพล สำรับใหญ่จัดมาเต็ม มีทั้งข้าวเกรียบงาดำที่นำมาแช่น้ำพอนิ่ม กับที่วางบนใบเมี่ยงปกติ
ตัวเครื่องเคียงที่วางอยู่ด้านบนประกอบไปด้วย ขิง (แก้ท้องอืด), มะนาว (ขับเสมหะ บรรเทาอาการไอและต่อมทอนซิลอักเสบ), ถั่วลิสง (บำรุงสมองและสายตา), ตะไคร้ (บรรเทาอาการท้องเฟ้อ และนิ่ว), กระเทียม (ช่วยลดคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเส้นเลือด), มะพร้าว (ลดอาการไข้ ตัวร้อน เพราะมีฤทธิ์เย็น), ข้าวพอง, งาดำ (มีแร่ธาตุมากมาย)
ที่วางใส่ถ้วยมาตักราดลงไปก็คือเต้าเจี้ยวสูตรดั้งเดิม เมื่อเสริมด้วยพริกแห้ง หรือพริกสด และมะเขือเปราะ ใส่ตามชอบ บอกเลยว่ารสชาติกลมกล่อม ด้วยรสของเต้าเจี้ยวที่ลงตัว กับความหอมมันของเครื่องเคียง ลงตัวจริงๆ จนชาวคณะต้องขอเพิ่มอีก
เท่านั้นไม่พอยังต่อด้วยยำข้าวแคบ ที่นำข้าวแคบที่ตากแดดจนแห้งกรอบ นำมายำคลุกเคล้าด้วยส่วนประกอบ น้ำพริกกุ้งน้ำพริกเผา ใส่ถั่วฝักยาว แคร์รอตแคบหมู หัวหอม ถั่วลิสง ปรุงรสยำจนเข้าที่ตักเสิร์ฟหลังถ่ายรูปเสร็จก็ต้องรีบคว้าช้อนเพราะน้ำลายสอ อยากชิม ใครที่มาเมืองตากอย่าพลาดอาหารถิ่นของขึ้นชื่อของเมืองตาก
อิ่มจนต้องเดินแอ่นหลัง เพราะว่าพุงจะเริ่มโย้ไปข้างหน้า ต้องหาที่เดินออกกำลังกายคลายอิ่ม เรามาที่กาดนั่งยองคล้องย่าม ริมแม่น้ำปิงบริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ
ด้วยบรรยากาศแบบสบายๆ มีพ่อค้า แม่ค้า นำของดีในชุมชน ทั้งของกินขึ้นชื่อของท้องถิ่นอย่างแกงมะแฮะ
ผลหมากรากไม้ เสื้อผ้า ตะกร้าจักสาน มีให้เลือกซื้อหา
เดินซื้อของพร้อมลมเย็นๆ จากแม่น้ำปิง ชาวบ้านจูงลูกจูงหลานมาเลือกซื้อของกัน
เดินสบายๆ ไม่แออัด ผู้คนยิ้มแย้มมีมิตรไมตรี กาดนั่งยองคล้องย่ามแห่งนี้จะเปิดทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ นั่งกินอาหารและกินบรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำปิง
รุ่งเช้าของวันใหม่ เรามีนัดไปเดินชมความงามของตรอกบ้านจีน ที่มีอายุกว่า 100 ปี อดีตที่นี่เป็นชุมชนริมน้ำ เป็นท่าเรือสำคัญเชื่อมระหว่างเชียงใหม่กับปากน้ำโพ นครสวรรค์ เป็นทางผ่านของไม้ซุงที่ในอดีตยังมีสัมปทานตัดไม้ ล่องมาจากเชียงใหม่
ผู้คนที่นี่จึงมีฐานะจากการค้าขาย สร้างบ้านเรือนที่สวยงาม ทั้งเรือนไทยปั้นหยา ประดับด้วยไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรสวยงาม ทั้งบ้านโสภโณดร (บ้านสีฟ้า) บ้านหลวงบริรักษ์ประชากร (บ้านจีนทองอยู่)
บ้านขุนวัชรพุกก์ศึกษากร บ้านเจ้ากรม ซึ่งแต่ละหลังยังคงรักษาความงามของสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเอาไว้ได้อย่างสวยงาม กลมกลืนกัน
ไม่มีบ้านเรือนสมัยใหม่ที่สีสันจัดจ้านแปลกตาออกไป ยังมีบ้านที่ภายในมีประวัติและแบบบ้านจำลองของชุมชนตรอกบ้านจีนให้ได้เรียนรู้ศึกษากันด้วย
นอกจากนี้เรายังได้แวะชิมยาธาตุสมุนไพรโบราณ ตามสูตร “หลวงประสิทธิ์โอสถ” ที่ช่วยบำรุงร่างกาย ปรับสมดุลภายใน
เรายังได้เห็นถุงเงินโบราณอายุกว่า 100 ปี สมุดจดบันทึกตัวยา และรายการบัญชีสมัยโบราณที่เขียนด้วยหมึกเป็นภาษาจีน
ก่อนจากชุมชนตรอกบ้านจีนและจังหวัดตาก เราแวะรับประทานข้าวต้มผงกะหรี่ อาหารถิ่นขึ้นชื่อของคนเมืองตากอีกอย่าง ข้าวต้มหอมกลิ่นใบเตย
ราดด้วยซุปผงกะหรี่หอมๆ ใส่หมูสับ เกี๊ยวแผ่นกรอบโรยหน้า หอมเจียวโรยทับอีกชั้น อร่อย หอม และอิ่ม ชามละ 10 บาทเท่านั้น และชามไม่เล็กนะ ผู้ชายแมนๆ อย่างผม สั่ง 2 ชามก็อิ่มแล้ว
ต้องขอขอบคุณชาวชุมชนตรอกบ้านจีน ที่ยังคงเก็บรักษารากเหง้า และร่องรอยประวัติศาสตร์ ผ่านสถาปัตยกรรมของตัวบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ของผู้คนในสมัยก่อน ไว้ให้คนรุ่นหลังของชุมชนตรอกบ้านจีนได้ภูมิใจ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม
ถึงแม้ผ่านกาลเวลามากว่า 100 ปี ยามที่เราเปิดประตูบ้านข้ามธรณีประตูบ้านโบราณเหล่านี้เข้าไป ราวกับชีวิตความรุ่งเรืองของผู้คนในอดีตฉายผ่านดวงตาของผม ภาพเจ้าของบ้านผู้มั่งคั่ง ภาพของคนในบ้าน รวมทั้งนักดนตรีไทยที่บรรเลงดนตรีบนตั่งไม้ขนาดใหญ่ บ่าวไพร่ ที่ขมีขมันเสิร์ฟของว่าง และอาหารประจำถิ่นสำหรับแขกเหรื่อที่กำลังเจรจาการค้ากันอย่างคึกคัก บรรยากาศมันช่างแสนวิเศษยิ่งนัก
ขอขอบคุณ
– กองตลาดภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
– ททท. สำนักงานตาก โทรศัพท์ : 0 5551 4341-3 อีเมล : tattak@tat.or.th
เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/taktravel