Jerash & DeadSea มหัศจรรย์แห่งจอร์แดน

Story & Photo by Kanjana Hongthong

จอร์แดนคือที่ที่ประวัติศาสตร์และธรรมชาติมาบรรจบกัน นอกจากนครลับแลอย่างเพตรา และความมหัศจรรย์ของทะเลสาบเดดซีแล้ว ดูเหมือนว่าเมืองโรมันโบราณอย่างเจราช (Jerash) ก็เป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งที่น่าสนใจของจอร์แดน

เจราชคือเมืองที่เคยถูกเรียกว่า “เมืองพันเสา” บางคนเรียก “ปอมเปอี แห่งตะวันออก” แต่เมื่อทุกคนได้เห็นเมืองนี้ด้วยตัวเองก็จะพบว่านี่คือ นครโบราณอันน่าพิศวง

ยิ่งเดินผ่านประตูเมืองเข้าสู่ชายคานครโรมัน ระหว่างทางเดินช่วงแรกเกือบครึ่งกิโลเมตร

เป็นฮิปโปโดรมหรือสนามแข่งม้าแบบกรีก ที่ว่ากันว่าจุคนดูได้ถึงครึ่งหมื่น ครั้นผ่านกำแพงเมืองเข้าไปยืนอยู่บนเนินสูงข้างวิหารเทพเจ้าซูส

ตรงจุดนี้จะเห็นผังเมืองโรมันอันงดงามจากมุมนี้ได้ ในยุคเฟื่องฟูของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช

ที่นี่เคยเป็นนครนอกเขตยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ตอนนั้นจอร์แดนยังไม่ได้เป็นประเทศ แต่อยู่ในภาคใต้ของประเทศซีเรีย ซึ่งช่วงที่โรมันเรืองอำนาจสูงสุดประมาณ 200 ปี ก่อนคริสต์ศักราช โรมันได้ผนวกเอาซีเรียทั้งหมดไว้ในครอบครอง

ด้วยภูมิประเทศอันงดงามของเจราชที่เข้าตากรรมการ โรมันจึงเริ่มวางผังเมืองเจราชตั้งแต่ปี ค.ศ. 70 และสร้างให้เป็นนครโรมันสมบูรณ์ได้ในอีก 36 ปีถัดมา

ยังมีมุมที่เรียกว่าพลาซ่าเป็นรูปเกือกม้า มีเสาไอโอนิกกว่า 50 ต้นรายล้อมอย่างเป็นระเบียบ

และมีทางเดินสายหลักของเมือง ยาว 800 เมตร ที่ในอดีตถนนสายนี้ คือใจกลางของเมืองโรมันที่เคยเจริญรุ่งเรือง มีร้านค้า อ่างน้ำพุ โรงละคร และวิหารเทพต่างๆ สะท้อนให้เห็นเลยว่าที่นี่เป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองอย่างแท้จริง

เมืองโบราณแห่งนี้เจอแผ่นดินไหวหลายครั้ง กระทั่งครั้งใหญ่สุดได้ถล่มและทำลายเมืองไป อย่างน่าเสียดาย

เจราชกลายเป็นเมืองที่ถูกลืมไปเป็นพันปีและถูกทิ้งร้างจนมีคนมาขุดพบในปี ค.ศ. 1878 หลังจากเป็นเมืองที่ถูกโลกลืมไปนาน

รัฐบาลจอร์แดนได้กลับมาฟื้นฟูบูรณะนครโรมันแห่งนี้อีกครั้ง นั่นจึงทำให้ความวิจิตรงดงามของเมืองโรมันโบราณแห่งนี้ กลับคืนสู่อ้อมอกโลกของเราอีกครั้ง

เมื่อเดินเที่ยวนครโรมันโบราณกันจนเมื่อยแล้ว ลองไปพักผ่อนที่ “เดดซี” (Dead Sea) สปาธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ นักสิ่งแวดล้อมในจอร์แดนเตือนว่าระดับน้ำในทะเลสาบเดดซีค่อยๆ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องปีละมากกว่า 1 เมตร ที่น่าห่วงคือ ขณะนี้พื้นที่ราว 1 ใน 3 ของทะเลสาบได้สูญหายไปแล้ว โชคดีที่มีกลุ่มนักสิ่งแวดล้อมที่มีชื่อว่า Friends of the Earth ได้ออกมารณรงค์เพื่อรักษาทะเลสาบเดดซีเอาไว้ให้อยู่กับโลกใบนี้

เดดซีเป็นทะเลสาบปิด ไม่มีทางไหลออก เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า 300 เมตร ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากมาลอยตัวที่เดดซีกันทั้งนั้น มาถึงที่นี่จะเห็นภาพคนนอนลอยตัวในเดดซี อ่านหนังสือแบบสบายตัว อารมณ์ประมาณว่าสบายสุดขีด จะทำอะไรในเดดซี ก็ได้ไม่มีทางจมแน่ๆ แล้วเดดซีก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ความเค็มจัดของน้ำและมวลของน้ำที่หนาแน่น ทำให้ใครๆ ก็สามารถลอยตัวอยู่ในน้ำได้จริงๆ

ใครที่มีปมด้อยเรื่องว่ายน้ำไม่เป็น หรือ เคยจมน้ำตอนเด็กๆ แนะว่ามาให้เดดซีช่วยเยียวยา รับรองว่าเดดซีไม่ทำให้ผิดหวัง คุณจะลอยต๊บุ ป่องๆ ทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่มีวันจม ตามชายขอบของเดดซีมีแต่เกล็ดแข็งของเกลือกระจัดกระจายไปทั่ว ใครสงสัยว่าเค็มขนาดไหน เอาเป็นว่า เค็มกว่าน้ำทะเลแถวบ้านเรา 10 เท่า ว่ากันว่าความเค็มจัดของเดดซี ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ สามารถอาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ได้ และนี่เองที่เป็นที่มาของชื่อเดดซี

เป็นทะเลสาบปิดที่มีแร่ธาตุสารพัดชนิดทั้ง แคลเซียม, แมกเนเซียม, เหล็ก, แมงกานีส, โพแทสเซียม, ทองแดง และสังกะสี พากันหลั่งไหลมาทับถมในเดดซี เดดซีจึงเปรียบเสมือนสปาธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก นักเดินทางจำนวนไม่น้อยที่ตั้งอกตั้งใจมาลอยคอในเดดซี เพราะอยากมีสุขภาพที่ดีขึ้น

หลายคนมารักษาและบำบัดโรคภัยในร่างกาย บางคนอยากบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น ตั้งแต่ยุคโบราณที่เกลือ และโคลนจากเดดซี มักถูกนำไปใช้รักษาและบำบัดโรคทั้งภายใน ภายนอก เพราะเกลือที่นี่มีความเข้มข้นของโซเดียมคลอไรด์ ทำให้เกิดการดูดซึมของแร่ธาตุได้ง่าย

นอกจากนี้ยังมีเกลือแมกนีเซียมซัลเฟต ซึ่งช่วยทำให้ผิวพรรณดีขึ้นและช่วยล้างสารพิษ ยังไม่หมดแค่นี้ เดดซียังช่วยเยียวยา อีกสารพัดโรค ทั้งรังแค ฮ่องกงฟุต รอยไหม้ แมลงกัดต่อย ลดปัญหาผิวหยาบกร้าน ช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม ช่วยกระตุ้นให้มีการผลัดเซลล์ผิว และสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่ดีขึ้น ข้อสำคัญคือใครที่มีรอยย่นรอยยับบนใบหน้า ผิวพรรณเริ่มหย่อนยานได้ แช่เดดซีแล้วจะช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมผิวให้อ่อนเยาว์

ได้ยินแบบนี้จะรู้เลยว่าทำไมใครๆ ถึงกระโจนลงไปลอยคอเพื่อชุบตัวในเดดซี แต่ข่าวที่เดดซีจะหายไป ทำให้หลายคนนึกหวั่น พอไปสืบสาวราวเรื่อง ได้ความว่ารัฐมนตรีชลประทานของจอร์แดนแถลงด้วยตัวเองว่า ถ้าไม่รีบขุดคลองยาว 200 กิโลเมตร เชื่อมกับทะเลแดง เพื่อเพิ่มระดับน้ำใน “เดดซี” ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ จะเหือดแห้งหายไปภายใน 50 ปีนี้ ข่าวว่าต้องใช้เงินก้อนโตถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 4 หมื่นล้านบาท ในการขุดคลองครั้งนี้ เรื่องใหญ่เลยทีนี้ ยังไม่รู้อนาคตของเดดซีจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ เดดซี คือสิ่งมหัศจรรย์ที่นักเดินทางควรพาตัวเองไปลอยตัวสักครั้งในชีวิต

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0