เซี่ยเหมิน จางโจว หนานจิ้ง เส้นทางมรดกโลกล้ำค่า
Story & Photo by Orawan
บริเวณชายฝั่งทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ตรงข้ามกับเกาะไต้หวัน เป็นที่ตั้งของมณฑลฝูเจี้ยน (Fujian) หรือในภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ฮกเกี้ยน มณฑลที่มีพื้นที่ประมาณ 121,400 ตารางกิโลเมตร
พื้นที่ไม่ได้กว้างใหญ่ไพศาลเทียบเท่ากับมณฑลอื่นของประเทศจีน แต่เมืองที่ได้รับขนานนามว่า “Garden on the Sea” แห่งนี้กลับร่ำรวยไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรม และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่น่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง
ฉันเดินทางเหินฟ้าจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่เมืองเซี่ยเหมิน (Xiamen) เมืองที่มีสัญลักษณ์เป็นนกกระยางขาว โดยสายการบินไทย เมืองนี้เป็นเมืองท่าเศรษฐกิจยิ่งใหญ่อันดับต้นแห่งหนึ่งของประเทศจีน ในช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังวุ่นวายอยู่กับชีวิตประจำวันและเส้นทางธุรกิจ ฉันกำลังก้าวเดินไปบนทางเดินหินบนเกาะกู่ลั่งหยวี่ (Gulangyu Island) เกาะที่ได้จดทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2012 ที่ผ่านมา
เนื่องจากเกาะแห่งนี้ไม่อนุญาตให้รถยนต์ขึ้นมาบนเกาะ มีเพียงจักรยานกับรถไฟฟ้าบริการนักท่องเที่ยว และสองเท้าของเราเท่านั้นที่จะพาลัดเลาะตามทางเดินที่เชื่อมโยงไปมาบนเกาะ
นำพาเราให้เข้าไปเห็นการผสมผสานของหลากหลายวัฒนธรรมที่เข้ากันได้อย่างลงตัวผ่านสถาปัตยกรรมและอาคารบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนเกาะ เช่น อาคารทรงยุโรปแต่ตกแต่งด้วยสวนแบบจีน เป็นต้น
ว่ากันว่า ผู้คนที่อาศัยบนเกาะนี้ชื่นชอบเปียโนเป็นยิ่งนัก กว่า 3 ใน 4 ของครัวเรือน ที่อาศัยอยู่ที่นี่ต้องมีเปียโนอย่างน้อย 1 หลังในบ้าน
นอกจากนี้บนเกาะ ยังมีสวนซู่จวงหยวน (Shuzhuang Garden) ซึ่งสร้างขึ้นโดยหลี่เอ่อเจีย เศรษฐีชาวไต้หวันผู้ซึ่งอพยพครอบครัวลี้ภัยสงครามจีน-ญี่ปุ่น
ได้สร้างสวนริมทะเลแห่งนี้เพื่อระลึกถึงบ้านของเขาที่ไต้หวัน พื้นที่โดยรอบประกอบไปด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ เก๋งจีนลักษณะต่างๆ และทางเดินเลาะเลียบทะเลที่สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
หากเดินขึ้นเนินเขาไปหน่อยจะพบกับ พิพิธภัณฑ์เปียโนกู่ลั่งอวี่ (Piano Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์เฉพาะกิจแต่เพียงแห่งเดียวในโลกที่จัดแสดงเปียโนจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก
จากอดีตถึงปัจจุบันกว่าร้อยหลังให้ได้ชมกันอีกด้วย ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วละก็ แนะนำให้ไปที่เขาหัวมังกร (Tiger Head Hill)
ซึ่งตั้งอยู่จุดสูงสุดทางตะวันออกของหาด ยามเมื่อพระอาทิตย์ทอแสงในยามเช้าจะตกกระทบที่ก้อนหินดังกล่าวจนเป็นที่มาของชื่อ Sunlight นั่นเอง
สิ่งหนึ่งที่ฉันเห็นในเมืองเซี่ยเหมิน คือความเป็นระเบียบ เรียบร้อยกว่าที่อื่น ไม่โหวกเหวกโวยวายเสียงดังและที่สำคัญคือเมืองไม่วุ่นวาย ถนนในเมืองก็สวยสะอาด
เราจะเห็นจักรยานไฟฟ้าที่สามารถใช้บริการโดยการสแกนบาร์โค้ดครั้งละเพียง 2 หยวน (10 บาท) ที่ผู้คนใช้ปั่นไปมา
ที่นี่ไม่มีมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมันมีแต่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผู้คนเดินประปราย มีคับคั่งมากสุดก็ที่ วัดหนานฝูโถว (Nanputuo) วัดพุทธที่สร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ถังแห่งนี้
วัดนี้เป็นวัดที่อุทิศให้กวนอิมเทพเจ้าแห่งความเมตตา ตั้งอยู่ที่ตีนเขาอู่เหล่าฟง ภายในวิหารใหญ่เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปแห่งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
มีศาลต้าเปยเตี้ยนซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์สหัสหัตถ์สหัสเนตร (หรือเจ้าแม่กวนอิมพันมือพันตา) และพระแก้วมรกตซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศพม่า รูปปั้นพระสังกัจจายน์ และเทพเจ้าอื่นๆ อีกมากมาย
หากมีเวลาแนะนำให้เดินผ่านช่องเขาขึ้นเนินไปดูวิวเมืองเซี่ยเหมินในมุมสูงกันและที่พลาดไม่ได้คือการลิ้มลองอาหารเจ รสชาติต้นตำรับที่ห้องอาหารภายในวัด
สำหรับคนที่รักการช้อปปิ้ง เซี่ยเหมินมีร้านค้าแบรนด์เนม และร้านค้าท้องถิ่นให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะบริเวณถนนจงซานลู่ (Zhongshan Road Walking Street)
ตลอดสองข้างทางของถนนเต็มไปด้วยร้านค้าทั้งสินค้าแบรนด์เนม สินค้าของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้า เครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า ฯลฯ ร้านขายอาหารและเครื่องดื่มเป็นถนนที่ มาที่เดียวครบตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่สำคัญราคาไม่แพง บางร้านเปิดถึง 5 ทุ่มเที่ยงคืนกันเลย
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าภาพรวมและความเป็นมาของเซี่ยเหมินเป็นอย่างไร แนะนำให้ไปที่ Xiamen planning exhibition hall ซึ่งจะมีการจัดแสดงประวัติความเป็นมา
รวมไปถึงนิทรรศการการพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ ของเซี่ยเหมิน และที่น่าทึ่งคือ โมเดลจำลองของเมืองเซี่ยเหมินและเมืองข้างเคียง คุณจะเห็นเส้นทางการเดินทางและภาพรวมของเมืองที่คลอบคลุมได้อย่างชัดเจนที่สุด
จากเมืองเซี่ยเหมินฉันเดินทางต่อมาที่เมืองจางโจว (Zhangzhou) อากาศที่นี่ค่อนข้างจะเป็นแบบมรสุมกึ่งร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 21 องศาเซลเซียส กอปรกับปริมาณน้ำฝนต่อปีอยู่ที่ 1,000 – 1,700 มม. ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เหมาะกับการเพาะปลูกพืชพรรณต่างๆ จนสร้างเป็นธุรกิจทางการเกษตรที่ส่งผลให้เมืองจางโจว ได้สมญานามว่าเป็น “เมืองแห่งข้าวปลาอาหารและดอกไม้” สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน ในแต่ละปีเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
มาเมืองเกษตรกรรมแล้วไม่ควรพลาดชมสวนที่มีการจัดการระบบนิเวศเป็นอย่างดี อย่างเช่นที่สวนลี่จือไห่ ที่นี่มีการปลูกต้นไม้ และดอกไม้ผสมผสานกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิ้นจี่ที่เป็นผลไม้หลักครอบคลุมพื้นที่หลายพันไร่ หากมาช่วงลิ้นจี่ระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคม คุณจะได้เห็นลิ้นจี่มากมายราวกับทะเลลิ้นจี่ก็ว่าได้
ไม่ไกลกันในเขตเซียงเฉิงเราได้แวะชม อนุสรณ์สถานหลินหยวี่ถาง (Lin Yutang Memorial Hall) หลินหยวี่ถางเป็นนักเขียน นักแปล นักภาษาศาสตร์และนักประดิษฐ์ชาวจีน
เขาเป็นหนึ่งในนักเขียนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง งานเขียนของเขามีการแปลและเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษหลายเล่ม และยังติดอันดับหนังสือขายดีอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น Moment in Peking
ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมแล้วยังมีการทำเป็นภาพยนตร์อีกด้วย บริเวณใกล้กับอนุสรณ์สถานเป็นแหล่งผลิตกล้วยหอมขนาดใหญ่ มีกล้วยหอมหลายสายพันธุ์ ให้ได้ลิ้มชิมรสกัน
ถือได้ว่ามาที่เดียวได้เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมา พร้อมทั้งชิมกล้วยหอมแสนอร่อยจากสวนกล้วยหอมแท้ๆ นอกจากจะรู้สึกอิ่มใจแล้วยังอิ่มท้องอีกด้วย
กลุ่มบ้านดินหนานจิ้ง จุดหมายปลายทางหลักในการเดินทางของฉันในครั้งนี้ ภาพของบ้านดินทรงกลม 4 หลังล้อมรอบบ้านทรงสี่เหลี่ยมอีก 1 หลังคล้ายกับการจัดวาง “ข้าวสี่จานซุปหนึ่งถ้วย”
บ้านดินเถียนหลัวเคิง (Tianluokeng Tulou Cluster) สัญลักษณ์ของบ้านดินในแถบหนานจิ้ง เป็นเหมือนบัตรเชิญที่เรียกให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่
แต่ถ้าคุณได้มาถึงหนานจิ้งคุณจะรู้ว่า อันที่จริงแล้วที่หนานจิ้งรวมทั้งมณฑลฝูเจี้ยนมีบ้านดินกว่า 6,000 หลัง คุณสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปตามเส้นทางท่องเที่ยวได้หลากหลายเส้นทาง
แต่ละเส้นทางจะเปิดประสบการณ์ให้คุณได้สัมผัสประเพณี วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ประวัติศาสตร์ ผ่านบ้านดินและสถานที่น่าสนใจหลายจุดยกตัวอย่างเช่นมรดกโลกหมู่บ้านเถียนหลัวเคิง (Tianluokeng Tulou Cluster)
ภาพของบ้านดินทรงกลม 4 หลังล้อมรอบบ้านทรงสี่เหลี่ยมอีก 1 หลังคล้ายกับการจัดวาง “ข้าวสี่จานซุปหนึ่งถ้วย” แสดงให้เห็นถึงวัฏจักร การกำเนิดของธาตุทั้ง 5 ตามหลักปรัชญาจีนโบราณ (ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน) สังเกตดีๆ จะเห็นเหมือนอาคารคล้ายช้อนและตะเกียบวางอยู่ด้านข้าง บางคนบอกว่าถ้ามองด้านบนลงมาจะคล้ายกับดอกเหมยฮัว ที่แทนถึงความเข้มแข็ง มั่นคง และอุตสาหะ
มรดกโลกบ้านดินอี้ชางโหลว (Yuchanglou) สร้างเมื่อปลายราชวงศ์หยวน ต้นราชวงศ์ชิง ปัจจุบันมีอายุถึง 700 กว่าปี อาคารทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 36 เมตรขนาดความสูง 18.2 เมตร (กว่า 5 ชั้น) ซึ่งแบ่งเป็นห้องขนาดเท่าๆ กันกว่า 270 ห้องนี้หันหน้าเข้าหากันหมดเพื่อให้ผู้คนที่อาศัยอยู่สามารถได้สอดส่องดูแลความปลอดภัยของกันและกันได้
บันไดขึ้นลงแบ่งสัดส่วนบ้านเป็น 5 ส่วน ตั้งแต่บริเวณชั้น 2 ของอาคารขึ้นไปมีเสาไม้จากทิศตะวันออกลาดเอียงไปทางทิศตะวันตกถึง 210 ท่อน ท่อนที่เอียงที่สุดมีความเอียงถึง 15 องศาด้วยการวางโครงสร้างที่แข็งแกร่งทำให้บ้านดินแห่งนี้รอดพ้นจากแผ่นดินไหวมานับครั้งไม่ถ้วนและตั้งตระหง่านอย่างสง่างามจนถึงปัจจุบัน
หมู่บ้านถ่าเซี่ย และศาลเจ้าตระกูลจาง (Taxia Village) หมู่บ้านกลางเขาริมแม่น้ำ มีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมด้วยความงดงามราวกับภาพฝันของหมู่บ้านที่ขนาบลำธารลดเลี้ยวไปตามขุนเขากว่า 1 กิโลเมตร
ที่มีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่สะท้อนให้เห็นถึงผู้คนชาวจีนในสมัยโบราณที่เรียบง่าย
ที่นี่ยังมีศาลเจ้าเก่าแก่ของบรรพบุรุษตระกูลจาง (Zhang) ที่ได้มีการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์เป็นสมบัติของชาติภายใต้การดูแลของรัฐในฐานะวัดเก่าแก่ของบรรพบุรุษ ที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศจีน
ด้านหน้าศาลเจ้ามีเสาหินมังกร 24 ต้น ถือเป็นกลุ่มเสาหินที่มีจำนวนมากที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดของจีน หนึ่งในนั้นมีเสามังกรของคุณ จาง หยาง ประธานบริษัท คิงโฟ กรุ๊ปอยู่ด้วย
หมู่บ้านโบราณยวินชุ่ยเหยา (Yunshuiyao) ภาพต้นไทรขนาดใหญ่ ที่มีอายุกว่า 300 ปี ตั้งตระหง่านริมสายน้ำใส และหมู่อาคารบ้านโบราณ เป็นภาพคุ้นตาของยวินชุ่ยเหยาแห่งนี้
ด้วยความสวยงามและโรแมนติกเช่นนี้ ทำให้ที่นี่ถูกเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร และ รายการต่างๆ มากกว่า 20 ครั้ง
โดยเฉพาะภาพยนตร์รักแสนเศร้าเรื่องยวินชุ่ยเหยาเรื่องราวของคู่รักที่ต้องเผชิญช่วงเวลาอันโหดร้าย การต้องพลัดพรากจากกัน กว่าครึ่งศตวรรษจากเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบในไต้หวัน ที่ทำให้หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงขึ้นมา
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายจุดที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ่งบอกถึงภูมิปัญญา เล่าขานเรื่องราวของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ผ่านวิถีชีวิตผู้คนและสถาปัตยกรรมที่ยาวนานจนถึงปัจจุบัน
บ้านดินหนานจิ้งปัจจุบันนี้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลและได้รับการทำนุบำรุงเป็นอย่างดีจากลูกหลาน ของตระกูลเก่าแก่อย่างเช่น ตระกูลเซียว หรือสกุลสีบุญเรืองของดร.อรรชกา สีบุญเรือง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลูกหลานชาวจีนฮกเกี้ยนโพ้นทะเลในไทย มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งนี้ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่หากมีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันอยากแนะนำให้มาสัมผัสเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5 เอ หรือระดับสูงสุดของแหล่งท่องเที่ยวในจีนแห่งนี้